อืมม์ม์ม์...เห็นว่าได้จังหวะ เวลา ที่จะเริ่ม ปลดล็อก กันเป็นที่เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว ส่วนจะปลดแบบบางส่วน บางเสี้ยว หรือแบบเบ็ดเสร็จ สมบูรณ์ อันนั้น...คงต้องไปใคร่ครวญ พิจารณา เอาเองก็แล้วกัน เพราะที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือว่า...ไม่ว่าจะปลดกันในแบบไหน อย่างไร ก็แล้วแต่ นับแต่นี้...จะก่อให้เกิดการขยับแข้ง ขยับขา ขยับมือ ขยับตีน กันในลักษณะไหน???
---------------------------------------------------------
คือสำหรับฝ่าย เอาบิ๊กตู่ นั้น...ถ้าหากยังไม่คิดจะปลดล็อกในวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา พรรครัฐบาลอย่าง พลังประชารัฐ ของ 4 กุมาร-สามมิตร บวกอีกไม่รู้กี่สิบต่อกี่สิบนินจา ก็อาจจัดงานระดมทุนเลี้ยงโต๊ะจีน 200 กว่าโต๊ะ ในวันที่ 19 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ไม่น่าจะถนัดถนี่ คล่องตัว กันซักเท่าไหร่ เพราะอาจต้องเจอกับข้อหา ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน เข้าจนได้ อันถือเป็นสิ่งที่ออกจะขัดกับตัวบทกฎหมาย ต่างไปจากการ ไม่ลาออก จากความเป็นรัฐมนตรี ที่นอกจากจะไม่ขัดกับกฎหมาย แถมยังเป็นอะไรที่ลื่นไหล สะดวก คล่องแคล่ว คล่องคอ ซะอีกต่างหาก...
---------------------------------------------------------
ส่วนฝ่าย ไม่เอาบิ๊กตู่ นั้น...ก็คงต้องคอยสำรวจตรวจสอบกันต่อไปว่า บรรดาพวก หมู่บ้านประชาธิปไตย ทั้งหลาย ที่เคยคิดจะเลี้ยงโต๊ะจีน โต๊ะแขก โต๊ะไทย หรือโต๊ะอะไรก็ตามแต่ ตามการ ส่งสัญญาณ โดยตรงจาก นายใหญ่ แต่ก็ดันถูกเบรกชนิดหัวทิ่ม หัวตำ ด้วยเหตุเพราะอาจขัดกับข้อกฎหมาย ห้ามชุมนุมการเมืองเกิน 5 คน มาก่อนหน้านี้ เมื่อมาถึง ณ ขณะนี้ หรือเมื่อไม่มี ล็อก ใดๆ ให้ต้องปลด ต้องเปลื้องอีกต่อไป จะลุกฮือขึ้นมาเลี้ยงโต๊ะ รุมกินโต๊ะ กันหรือไม่ อย่างไร ณ ช่วงไหน เวลาไหน ณ วัน ว. เวลา น. ซักเมื่อไหร่ ก็คงต้องคอยจับตาอย่างมิอาจกะพริบตาได้โดยเด็ดขาด...
--------------------------------------------------------
โดยเฉพาะเมื่อดูจากอากัปกิริยา อาการ จากการส่งสัญญาณของ นายใหญ่ ในช่วงหลังๆ นี้...คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า ออกจะกระตือรือร้น และกระเหี้ยนกระหือรือ อย่างเป็นพิเศษ ถึงขั้นเน้นๆ เอาไว้เลยว่า ผมจะขอทำหน้าที่ในฐานะที่เคยรับใช้ประเทศไทยมา และใจก็ยังไม่ได้จากไปไหนครับ ซึ่งก็คงต้องไปตีความกันเอาเองว่า จะรวมไปถึงหน้าที่ในการ เผาไทย ชนิดควันโขมงโฉงเฉงไปทั่วประเทศอีกด้วยหรือเปล่า โดยอาศัย ใจ ที่ยังไม่ได้จากไปไหน หรือใจประเภท เสียงปืนนัดแรกแตกขึ้นมาเมื่อไหร่ ผมจะกลับไปเดินนำหน้าพ่อ-แม่-พี่-น้องด้วยตัวเอง อะไรทำนองนั้น...
--------------------------------------------------------
เพราะต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า...ไม่ว่าด้วย ความคิด หรือ จิตใจ ของ นายใหญ่ นั้น เป็นอะไรที่ยากแท้ หยั่งถึง พอสมควรทีเดียว อะไรที่เคยคิดว่าปุถุชนคนธรรมดา หรือ คนไทย โดยทั่วไป...ไม่น่าจะทำได้ แต่ นายใหญ่ ท่านก็ดันทำมาหมดแล้ว และด้วยความคิด จิตใจ ในลักษณะเช่นนี้นี่เอง นายใหญ่ ท่านคงไม่ได้แค่หวังจะรวบรวมบรรดาเครือข่าย เผาๆ ทั้งหลาย ให้เป็นกอบ เป็นกำ จนสามารถเอาชนะฝ่าย เอาบิ๊กตู่ ที่ตุนเสียงไว้ในกระเป๋าถึง 250 เสียงมาตั้งแต่เริ่มต้น เพราะโดยคติที่ท่านยึดมั่น ถือมั่น มาโดยตลอด ท่านคงไม่คิดจะลงไปสู้กับใคร ในสนามที่ท่านไม่ได้เป็นผู้กำหนดโดยเด็ดขาด...
--------------------------------------------------------
ดังนั้น...สิ่งที่ท่านคิด สิ่งที่ท่านวาดหวังเอาไว้ อาจไม่ใช่แค่การแตกแบงก์พันให้กลายเป็นแบงก์ร้อยโดยลำพัง แต่เผลอๆ...อาจไปไกลถึงขั้นการรวบรวมเศษเหรียญ เศษสตางค์ เงินสลึง เงินเฟื้อง เช็ค พันธบัตร ตราสารอนุพันธ์ โฉนดที่ดิน สัญญาเงินกู้ ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ที่สามารถ รับใช้ จุดมุ่งหมายปลายทางของท่านได้เสมอๆ เหมือนอย่างที่ไม่ได้มีแต่เฉพาะ พรรค เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ท่านยังมี กองกำลัง มี แนวร่วม ชนิดครบแก้ว 3 ประการ หรือกะละมัง 3 ใบ มาก่อนหน้านี้...
------------------------------------------------------------
อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องคอยสำรวจ ตรวจสอบ เอาไว้ให้จงหนัก โดยเฉพาะหลังจากที่ปลดล็อก คลายล็อก เป็นที่เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว เพราะโดยระดับ มันสมอง ของ นายใหญ่ นั้น ท่านคงไม่เสียเวลามานั่งจิ้มๆ ทิ่มๆ เครื่องคิดเลข นั่งคำนวณ คณิตศาสตร์ทางการเมือง ว่าพรรคไหนได้กี่เก้าอี้ แล้วจะไปรวมกับพรรคไหน อันเป็น สนาม ที่คู่ต่อสู้ของท่านเป็นฝ่ายกำหนดมาตั้งแต่แรก จนทำท่าว่าน่าจะชนะแบบ แบเบอร์ ไม่ว่าท่านจะแลนด์สไลด์ จะแอฝะลานช์ กันในแบบไหน อย่างไรก็แล้วแต่ เพราะภายใต้การดูด การอม อย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการ ไปจนถึงการตุนเสียงวุฒิสมาชิกไว้ในกระเป๋าถึง 250 เก้าอี้ ยังไงๆ...ท่านก็คงไม่มีโอกาสได้กลับมา รับใช้ประเทศไทย หรือกลับมา ทำหน้าที่ ใดๆ โดยเด็ดขาด...
---------------------------------------------------------
และอย่าได้ไป ประมาท ท่านเอาไว้ก่อนล่วงหน้า...ไม่ใช่เพียงเพราะท่านมีฤทธิ์ มีเดช มากไปกว่าปุถุชนคนธรรมดาโดยทั่วไป แต่ด้วยเหตุเพราะมันยังมี เงื่อนไข และ เหตุปัจจัย ต่างๆ นานา ที่ทำให้ เชื้อไวรัส ธรรมดาๆ นี่แหละ สามารถออกฤทธิ์ ออกเดช ได้แบบเอาเรื่อง เอาราว ตราบใดที่ประเทศนั้นๆ สังคมนั้นๆ ยังมีลักษณะอาการ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ไปโดยตลอด ส่วนประเทศไทย สังคมไทย ในช่วงระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา ได้เสริมภูมิคุ้มกันไปแล้วถึงไหน อันนี้...คงต้องหันไปถามฝ่าย เอาบิ๊กตู่ นั่นแหละว่าได้ดำเนินการปฏิรูป หรือปฏิรูด จนสามารถวางใจ มั่นอก มั่นใจ ต่อการหวนกลับมาสู่การเมืองแบบเดิมๆ ได้แล้วหรือยัง???
--------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก G.W.F. Hegel (อีกครั้ง)... “We learn from history that we do not learn from history.- เราเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ ว่าเรามิได้เรียนรู้ใดๆ จากประวัติศาสตร์เอาเลยแม้แต่น้อย...”
-------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |