12 ธ.ค.2561 -นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กกพ. อยู่ระหว่างปรับกฎระเบียบการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์ รูฟท็อป) ภาคประชาชน เพื่อดูแลด้านเทคนิคทั้งระบบและผลกระทบเพื่อให้มีเสถียรภาพ คาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ​ 15 วัน หลังจากคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาเห็นชอบแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี) ฉบับใหม่ประมาณวันที่ 6-7 ม.ค.2562 ซึ่งหลังจากนั้นจะต้องรับฟังความคิดเห็น แบ่งเป็นโฟกัสกรุ๊ป เพื่อพิจารณาการอัตราและปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าในส่วนนี้ให้มีความเหมาะสม

สำหรับความคืบหน้าการพิจารณาคำอุทธรณ์ของบริษัท โกลบอล ซินเนอร์ยี่ จำกัด(มหาชน) หรือจีพีเอสซี นั้น ที่ประชุม กกพ.มีมติตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.แล้ว แต่เนื่องจากกรรมการไม่ครบองค์ประชุมจึงไม่สามารถสรุปมติออกมาได้อย่างเป็นทางการ ดังนั้นจึงต้องมีการหารืออีกครั้ง ซึ่งข้ออุทธรณ์ระบุไม่เห็นด้วยกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กำกับกิจการพลังงาน มาตรา 60 ที่ว่าด้วยการห้ามรัฐวิสาหกิจทำธุรกิจแข่งขันกับเอกชน

ส่วนประเด็นที่จีพีเอสซีระบุว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มีการซื้อขายไฟฟ้าในพื้นที่อาจจะเข้าข่ายกระทำผิดมาตรการ 60 เช่นกันหรือไม่นั้น ขณะนี้ กกพ. ก็ยังไม่สรุปได้ว่าการดำเนินงานของกฟภ. เข้าข่ายเป็นการแข่งขัน ต้องพิจารณาจากปริมาณการซื้อขายและเสถียรภาพในพื้นที่ อย่างไรก็ตามการสรุปผลครั้งนี้จะดูเป็นรายพื้นที่เท่านั้น ไม่ได้ดูจากภาพรวมการแข่งขันทั้งประเทศ คาดจะมีความชัดเจนภายใน 1-2 วันนี้

ในส่วนของสถานการณ์ค่าไฟฟ้างวดเดือนพ.ค.-ส.ค.2562 ต้องติดตามทิศทางราคาน้ำมันในช่วงนี้ที่ลดลงเป็นระยะๆ ว่าจะเป็นการลดลงเพียงชั่วคราวหรือไม่ เนื่องจากค่าไฟจะสะท้อนต้นทุนราคาน้ำมันย้อนหลัง 6 เดือน รวมถึงติดตามการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีผลตต่อราคาซื้อขายน้ำมัน ขณะที่ต้นทุนพลังงานทดแทนที่จะเข้าระบบในปีหน้า ต้องติดตามว่าจะมีการกำหนดการรับซื้อหรือไม่ หากราคารับซื้อต่ำกว่าราคาขายส่งก็ไม่น่าส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บกับประชาชน

“ขณะที่เรื่องการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานนั้น คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2562 เนื่องจากปัจจุบันกกพ. ต้องความชัดเจนของแผนพีดีพีฉบับใหม่ รวมถึงการคำนวณเรื่องปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้า และกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน”นายเสมอใจ กล่าว

นายเสมอใจ กล่าวเพิ่มเติมว่า กกพ.ยังอยู่ระหว่างพิจารณาปรับปรุงค่าธรรมเนียมในการส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ผ่านท่อส่งก๊าซของเอกชน ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีหน้า โดยปัจจุบันกิจการแอลเอ็นจีมีเอกชนสนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น เนื่องจากมีการลงทุนท่อเส้นใหม่ของเอกชนเพิ่มขึ้น รวมถึงค่าเสื่อมในการบำรุงรักษาท่อเก่า จึงต้องมีการคำนวณค่าธรรมเนียมใหม่เป็นประจำทุก 3-5 ปี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและสะท้อนต้นทุน

นอกจากนี้ที่มีเอกชนสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าขยะชุมชนจำนวน 3 แล้ว ซึ่งผ่านคุณสมบัติแล้ว 1 ราย เหลืออีก 2 รายที่ต้องกลับไปจัดทำเงื่อนไขร่วมลงทุนมาเสนอใหม่อีกครั้ง โดยทาง กกพ. มีประกาศให้เอกชนสามารถยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 8 พื้นที่ 12 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 78 เมกะวัตต์ จนถึงช่วงเดือนมี.ค.2562