แง้มใจ "อุ๋ม" ยังบลัด "พปชร." "การเมือง" คือ "การบริหาร"


เพิ่มเพื่อน    

       "ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์" หรือ "อุ๋ม" คนรุ่นใหม่ หนึ่งในคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ นักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรง ทำงานอยู่ในแวดวงด้านการสร้างผลิตภัณฑ์จากพลาสติกและอะคริลิก ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว เธอเป็นที่รู้จักจากสินค้าโพสต์ขายในอินสตาแกรม ภายใต้แบรนด์ D.O.C. หรือ Debutante O' Couture กลายเป็นแบรนด์ติดตลาด และถูกกล่าวถึงในตลาดของโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง 

๐ เข้าสู่ถนนการเมืองได้อย่างไร?

        - ได้เรียนคอร์สหนึ่งที่สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย ทำให้ได้รู้จักข้าราชการที่ได้มาเรียนด้วยกัน รวมถึง บี-พุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ที่ได้เรียนคอร์สนี้ด้วยเช่นกัน ทำให้ได้รู้จักกัน และมีการทาบทาม เนื่องจากจะมีการเลือกตั้ง และเห็นว่ามีความสามารถ ตอนแรกไม่ได้สนใจ เนื่องจากเรื่องการเมืองเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่พอมานั่งคิดการเมืองก็คือการบริหารจัดการ แต่สเกลมันใหญ่ขึ้น มันไม่ใช่ระดับองค์กร แต่เป็นระดับประเทศ จึงอยากจะลอง เพราะเป็นโอกาสใหม่ในชีวิต

๐ ด้วยความที่เป็นนักธุรกิจ จะนำความรู้มาพัฒนาพรรคและการเมืองไทยอย่างไร?

        - ในภาพรวมการบริหารการจัดการธุรกิจ คือการบริหารงานทั้งหมด เรื่องของประเทศชาติก็เหมือนกันเป็นการบริหารจัดการ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือความเหลื่อมล้ำ ไม่ว่าจะเป็นทางความคิด หรือการศึกษา มันยังเพิ่มขึ้นอยู่ มองเป็น 3 เรื่องคือ 1.ภาคของคน 2.ภาคของระบบ คือเรื่องกฎหมาย เราสามารถมีนโยบาย หรืออะไรที่ไปเพิ่มที่มันอยากให้มาจากความต้องการของประชาชนจริงๆ 3.ภาคของสถานการณ์ ตอนนี้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นโอกาสของคนรุ่นใหม่ กระแสคนรุ่นใหม่เกิดขึ้นกับทุกพรรค แสดงว่ามันมีการตอบรับ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีโอกาสแบบนี้และครั้งนี้เป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม ก็เลยคิดว่า สามารถใช้ทักษะและการบริหารจัดการมาใช้ในการขับเคลื่อนประเทศได้ โดยมันจะเป็นอะไรที่ใหม่ เพราะมาจากฝ่ายบริหาร ไม่ได้เป็นสายการเมือง

๐ สนใจพัฒนาเรื่องอะไรเป็นสิ่งแรก?

        - มี 2 เรื่อง คือ การศึกษา ที่สนใจเพราะรู้สึกว่า ระบบการศึกษาคือรากที่สำคัญที่สุด ซึ่งการศึกษาในประเทศไทยควรดีกว่านี้ อีกทั้งมีปัญหาหลายอย่าง ส่วนของครูเป็นที่บุคลากรหรือเป็นที่ตัวระบบ ไม่มีการวัดผลชี้วัดที่แน่นอนหรือเปล่า หรือเป็นการเข้าถึงของนักเรียนนักศึกษาที่ยาก ส่วนตัวรู้สึกว่าความไม่รู้ ทำให้เด็กไปต่อไม่ถูก และการขับเคลื่อนประเทศชาติในทุกส่วนต้องขับเคลื่อนด้วยคน ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว เนื่องจากมีทักษะการทำแบรนดิ้ง เพราะเคยทำงานด้านเอเยนซีโฆษณามาหลายปี และเคยคุยกับเพื่อนต่างชาติว่าเวลามาไทย เห็นภาพลักษณ์ประเทศไทยอย่างไร เขาบอกว่าเป็นสถานที่รีแลกซ์ เพราะส่วนใหญ่มาเที่ยวพัทยาหรือทะเล แต่จริงๆ แล้วมีมากกว่านี้ แต่ยังไม่ถูกพูดออกไป ว่าประเทศไทยมีวัฒนธรรมเป็นอย่างไร ถ้าดูในต่างประเทศอย่างเช่นเกาหลีใต้ มีแบรนดิ้งที่ชัดเจน คือเรื่องเทคโนโลยี เพราะอย่างอื่นเขาไม่มี แต่ของเรามีตั้งแต่วัฒนธรรม มีหมู่บ้านชุมชน แม้ว่ารัฐบาลจะมีการทำโฮมสเตย์ แต่ยังไม่มีการสื่อสารไปยังต่างประเทศ เพราะการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศ ถ้าทำตรงนี้ให้ขยายได้มากอีก เราก็ทำแคมเปญอย่างนี้ให้จริงจังมากขึ้น แต่ต้องเข้าใจว่าต้องจับมือกันกับหลายภาคส่วน อีกทั้งการที่ได้เดินทางบ่อย ดังนั้นก็จะเห็นมุมมองอื่นๆ ว่าทำไมเขามีอย่างนี้ และจะนำมาปรับใช้ในประเทศอย่างไร หรืออย่างเช่นการนำเทคโนโลยีมาช่วย เป็นต้น

๐ กลัวเปลืองตัวหรือไม่ ที่เข้ามาเล่นการเมือง?

        - ถ้ากลัวคงไม่มา มีการเช็กก่อนด้วย เข้าใจว่าการเมืองเหมือนที่ทุกคนเห็นภาพ ทุกคนเห็นการเมืองแล้วรู้สึกสกปรก อย่างเช่นคำว่า ป่วยการเมือง แปลว่าป่วยไม่จริง คือคำมันจะเป็นด้านลบตลอด แต่เราก็ต้องดูก่อนว่าการเมืองนั้นคืออะไร นั่นคือการบริหารจัดการ และทักษะเราก็มี คำถามที่ตัวเองถามว่า พร้อมหรือเปล่า และสามารถหรือไม่สามารถ มันไม่มีชอบหรือไม่ชอบ เหมือนเราลองเรียนรู้มาแล้วเกิดประสบการณ์ใหม่ๆ มันก็จะไปได้เรื่อยๆ ไม่ได้คิดว่าได้หรือไม่ได้ แต่ในเกมก็คือต้องมีการอยากชนะ แต่การที่ชนะต้องอาศัยประสบการณ์ จากที่เราไม่มีประสบการณ์การเลือกตั้งมาก่อน พรรคอาจจะใหม่หมดเลยมันไม่ได้ มีส่วนหนึ่งที่จะต้องมีคนที่มีประสบการณ์หรือเป็นฝั่งที่เป็นนักวิชาการมาประสานกัน

๐ พรรคพลังประชารัฐเหมือนจะปูภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ พรรคทันสมัย แต่ประกอบไปด้วยพรรคการเมืองรุ่นเก่า กลัวพรรคจะได้รับผลกระทบหรือไม่?

        - ไม่ได้กลัวค่ะ คิดว่ามันประกอบด้วยหลายฝ่าย แต่ละฝ่ายมีหน้าที่ชัดเจน เช่น ฝ่ายวิชาการจะดูในเรื่องนโยบาย ฝ่ายคนรุ่นใหม่เอาเทคโนโลยีที่เราถนัด เอาไอเดียใหม่ๆ มานำเสนอได้อย่างไรบ้าง และฝ่ายนักการเมืองรุ่นเก่าอาจจะมาจากพรรคอื่น แต่แน่นอนว่าเขามีประสบการณ์ เราไม่รู้ว่าเกมการเมืองที่ต้องมีการเลือกตั้ง เขาจะคิดอย่างไรกัน

๐ พรรคพลังประชารัฐคนส่วนใหญ่มองกันว่าเป็นพรรคทหาร จะมีผลต่อการหาเสียง หรือภาพลักษณ์หรือไม่?

        - ต้องวัดจากประชาชน ว่าที่ผ่านมาเขามองว่าอย่างไร มีพรรคทหารแล้วข้อดีคืออะไร และข้อเสียคืออะไร สิ่งที่ประชาชนไม่ได้รับการตอบสนองคืออะไร ซึ่งสิ่งพวกนี้เราจะฟัง และมาพัฒนาต่อเป็นนโยบายแน่นอน สุดท้ายพอเข้าสู่กระบวนการการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นประชาธิปไตย อำนาจจะอยู่ที่ประชาชน

๐ ในใจอยากเป็น ส.ส.หรือไม่?

        - ใจไม่ได้อยากหรือไม่อยาก ซึ่งเรื่องนี้แล้วแต่ผู้ใหญ่ เขาคิดว่าเหมาะสมหรือเปล่า มีแค่พร้อมตลอด ถ้าเป็นก็ได้ ไม่เป็นก็ได้ แต่เรามีความตั้งใจเดียวคือเพื่อเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ

๐ ครอบครัวเห็นด้วยหรือไม่ที่มาเล่นการเมือง?

        - ก็ต้องมีการคุยกัน เพราะว่าเนื่องจากที่บ้านทำธุรกิจ และแน่นอนพอพูดเรื่องการเมืองจะต้องมีผลกระทบ เพื่อนๆ อาจจะบอกว่าเล่นทำไมเปลืองตัว หรือพ่อแม่อาจจะถามว่ามีผลกระทบอะไรไหม ต้องมีการคุยกันว่าเขาสบายใจหรือไม่ อยากให้เราเอาชื่อออกไหม เพราะเรื่องนี้จะเป็นอีกเส้นชีวิต เหมือนเปลี่ยนอาชีพ แต่ถ้าเกิดถามตัวเอง คือก็อยากลอง เป็นโอกาสใหม่ๆ และไม่น่าจะมีโอกาสสำหรับคนรุ่นใหม่แบบนี้ทุกๆ ครั้ง และไม่อยากวิจารณ์ว่าทำไมประเทศเป็นอย่างนี้ และเราก็กระทบในฐานะประชาชน ไม่ว่าเราจะออกนโยบายอย่างไร ก็จะกระทบต่อเราแน่ๆ ดังนั้นเรามาเป็นผู้เล่น มาลองดูเผื่อจะมีอะไรที่ขยับได้มากกว่านี้.

 

- ปริญญาตรี นิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

- ปริญญาโท ด้านเศรษฐศาสตร์อินเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

- ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์และโฆษณาอยู่ 2-3 แห่ง

- ธุรกิจของครอบครัว ผลิตสินค้าที่ทำจากพลาสติกและอะคริลิก เช่น ของเล่น, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ถ้วยรางวัล และอะไหล่รถยนต์ เป็นต้น

- เจ้าของแบรนด์ D.O.C. หรือ Debutante O' Couture โดยเป็นแบรนด์กระเป๋าคลัตช์ที่ทำจากวัสดุอะคริลิก และยังเป็นผู้บุกเบิกแฟชั่น กระเป๋าคลัตช์อะคริลิก แบรนด์แรกของประเทศไทย


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"