ทำไมมะกันจึงกลัว 5G ของหวาเว่ยนัก?


เพิ่มเพื่อน    


    บริษัทหวาเว่ย (华为) ซึ่งทำธุรกิจโทรคมนาคมระดับโลก เป็นเสมือนสัญลักษณ์แห่งอิทธิพลทางเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน
    ไม่ต่างอะไรกับ Alibaba ที่มีแจ็ก หม่าเป็นผู้ก่อตั้ง และกลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ระดับโลกของจีน
    ไม่ต้องสงสัยว่าบริษัทใหญ่ๆ ของจีนเหล่านี้มีความผูกพันกับรัฐบาลจีน หรือพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนทั้งทางตรงและทางอ้อม 
    เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นอภิมหาอำนาจด้านธุรกิจของจีนที่ยิ่งใหญ่เพียงใด ก็หนีไม่พ้นว่าจะต้องอยู่ใต้แนวทางที่กำหนดโดยทางการจีนไม่ว่าปักกิ่งจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม
    จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เพิ่งมีการเปิดเผยว่าแจ็ก หม่าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน 
    เพราะนั่นคือการแสดงความ "จงรักภักดี" ต่อพรรค ซึ่งมีความสำคัญต่อการดำรงอยู่และการขยับขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศของบริษัทจีนเหล่านี้
    ดังนั้นเมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ขอให้แคนาดาช่วยจับนางเมิ่งหว่านโจวที่มีตำแหน่งเป็นถึง Chief  Financial Officer (CFO) และเป็นทายาทของผู้ก่อตั้งหวาเว่ย จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่
    เพราะแปลว่าวอชิงตันต้องการจะแสดงให้จีนเห็นว่า ไม่มีใครจะใหญ่โตเกินการเล่นงานของวอชิงตันได้
    อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นชัดว่าสหรัฐฯ ต้องการจะใช้เธอเป็น "ตัวประกัน" เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในเรื่องสงครามการค้า และประเด็นผลประโยชน์อื่นๆ ทั้งหลายได้ทุกขณะ
    หวาเว่ยถูกมองว่าเป็น "ภัยคุกคาม" สำหรับหลายประเทศในตะวันตก รวมถึงญี่ปุ่นที่มีความสงสัยว่ารัฐบาลจีนได้ใช้เทคโนโลยีของบริษัทไฮเทคจีน เช่น 5G เพื่อทำจารกรรมต่อประเทศอื่นๆ
    หวาเว่ยปฏิเสธเรื่องนี้มาตลอด แต่ก็ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังถูก "เตะขา" หลายเรื่อง
    เช่นเดือนมกราคมปีนี้ หวาเว่ยเกือบจะได้ซื้อธุรกิจมือถือของ AT&T ในสหรัฐฯ แต่ก็ถูกทางการสหรัฐฯ สกัดไม่ยอมให้มีการทำข้อตกลงกันได้
    เพราะอเมริกากลัวว่าหากยอมให้หวาเว่ยกระจายอิทธิพลทางด้านไอทีเข้าไปในอเมริกา ก็เท่ากับเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลจีนสามารถล้วงความลับทางราชการผ่านระบบไซเบอร์ของบริษัทโทรคมนาคมจีนได้
    หวาเว่ยปฏิเสธข้อกล่าวหานี้มาตลอด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสงสัยคลางแคลงประเด็นนี้ลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด
    ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ หลายแห่งออกข่าวเป็นทางการ บอกให้ประชาชนอย่าได้ใช้โทรศัพท์มือถือของหวาเว่ย เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของการไล่ล่าหาข้อมูลที่รัฐบาลจีนต้องการ
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ให้การต่อคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภาว่า หวาเว่ยและ ZTE ซึ่งเป็นบริษัทมือถือยักษ์อีกแห่งหนึ่งของจีนเป็น "ภัยคุกคามต่อความมั่นคง" ของสหรัฐฯ
    ต่อมาไม่นานบริษัท Best Buy ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่คนอเมริกันจะหาซื้อมือถือที่มาจากเมืองจีนได้ที่สหรัฐฯ ก็ประกาศเลิกขายอุปกรณ์ของหวาเว่ย
    ในช่วงเดียวกันนั้นเอง เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของอังกฤษก็ออกมาเตือนว่า หวาเว่ยมีระบบวิศวกรรมที่ส่อไปในทางทำให้เครือข่ายโทรคมนาคมของอังกฤษ "เกิดความเสี่ยง" ได้
    และบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติอังกฤษ British Telecom (BT) ก็ตามมาด้วยคำประกาศว่าจะไม่ซื้ออุปกรณ์ของหวาเว่ยสำหรับระบบไร้สายของตนอีกต่อไป
    แสดงว่าที่ผ่านมา บริษัทจีนแห่งนี้สามารถสร้างระบบและอุปกรณ์โทรคมนาคมทันสมัยระดับสากล  ถึงขั้นที่ทั้งสหรัฐฯ และอังกฤษต้องหันมาใช้กันอย่างกว้างขวาง ก่อนที่จะเกิดความสงสัยว่าน่าจะเกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว
    ที่ผมเข้าใจอย่างนี้เพราะ BT บอกว่าจะโละเทคโนโลยีของหวาเว่ยจากเครือข่าย 4G ของตนภายใน 2 ปี
    แปลว่าที่ผ่านมาทั้งสหรัฐฯ และอังกฤษต้องพึ่งพาเทคโนโลยีด้านนี้ของจีนอย่างมากแล้วโดยที่ไม่ค่อยจะเป็นข่าวนัก
    ตามมาด้วยรัฐบาลออสเตรเลียที่ประกาศห้ามหวาเว่ยขายเทคโนโลยี 5G ให้เครือข่ายไร้สายของประเทศนั้น
    ด้วยความกลัวว่าออสเตรเลียเองไม่มีเทคโนโลยีป้องกันการแทรกแซง หรือการเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับจากบริษัทจีนแห่งนี้ได้
    หวาเว่ยออกแถลงการณ์ตอนนั้นว่า การตัดสินใจของทางการออสเตรเลียเรื่องนี้ได้สร้าง "ความผิดหวังอย่างแรงต่อผู้บริโภค"
    หวาเว่ยบอกว่าอุปกรณ์ของตนเป็นที่ไว้วางใจของลูกค้าใน 170 ประเทศ อีกทั้ง 46 จาก 50 บริษัทโทรคมนาคมใหญ่ๆ ของโลกก็ใช้อุปกรณ์ของตนโดยไม่มีปัญหา
    สหรัฐฯ ได้บอกกล่าวกับพันธมิตรตนเอง เช่น เยอรมนี, อิตาลี และญี่ปุ่นให้สกัดกั้นหวาเว่ยในทำนองเดียวกัน
    ดังนั้น การที่อเมริกาสั่งจับทายาทของผู้ก่อตั้งหวาเว่ยที่แคนาดาเมื่อสัปดาห์ก่อนจึงกลายเป็นจุดหักเหที่สำคัญ
    ที่ว่าสำคัญเพราะการตัดสินใจเช่นนี้ของวอชิงตัน เท่ากับเป็นการเปิดศึกกับรัฐบาลจีนในขณะที่เทคโนโลยีจีนล้ำหน้ากว่าของตะวันตก
    ลองวาดภาพว่าหากเกิดสงคราม Cyber War ระหว่างจีนกับตะวันตก ใครจะเป็นฝ่ายได้เปรียบวันนี้?
    ตอบคำถามนี้ได้ก็เกิดความกระจ่างว่าทำไมวันนี้สหรัฐฯ จึงกลัวจีนนัก!
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"