ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ กางแผนปี 62 ทุ่มงบกว่า 6,000 ล้านบาท ลุยพัฒนาอสังหาฯต่อเนื่อง ด้านธุรกิจโรงแรม จ่อขยาย”ศรีพันวา ภูเก็ต”พัฒนาคอนเวนชั่นฮอลล์ รองรับกิจกรรมอีเว้นท์ คาดมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 25% พร้อมมั่นใจสิ้นปี 61 มีรายได้เข้าเป้า 10-15%

นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 ว่า บริษัทได้วางงบลงทุนกว่า 6,000-6,400 ล้านบาท ในการพัฒนาโครงการใหม่และโครงการส่วนต่อขยาย แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมหรูย่านถนนจันทร์ มูลค่า 2,000 ล้านบาท ส่วนต่อขยายโรงแรบาบา บีช คลับ หัวหิน เมนโฮมเทล จำนวน 50 ห้อง มูลค่า 1,500 ล้านบาท โครงการบ้านพักตากอากาศ พูลวิลล่า 7 หลัง มูลค่า 200 ล้านบาท โครงการ วาเคชั่น คลับ มูลค่า 1,500 ล้านบาท 

นอกจากนี้บริษัทยังมีได้การลงทุนในโครงการส่วนต่อขยายโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต ซึ่งจะพัฒนาเป็นคอนเวนชั่นฮอลล์ ขนาดความจุ 400 คน พร้อมห้องพักแบบพลูสวีท จำนวน 20 ห้อง มูลค่า 1,000 ล้านบาท และโครงการที่พักตากอากาศ พลูวิลล่า จำนวน 4 หลัง มูลค่า 200 ล้านบาท ในส่วนความคืบหน้างานที่ปรึกษาและบริหารงานโรงแรมที่ไฮหนาน มณฑล ยูนนาน ประเทศจีน กับกลุ่มจุนฟาเรียลเอสเตท มูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีการก่อสร้างแล้วกว่า 40% ทั้งนี้คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือน ต.ค. ปี 2562 

ในส่วนของการดำเนินธุรกิจโรงแรมในปีหน้า บริษัทได้เตรียมพัฒนาส่วนต่อขยายโครงการโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต ในรูปแบบคอนเวนชั่นฮอลล์ เพื่อให้เป็นสถานที่รองรับการจัดกิจกรรมอีเว้นท์ การประชุม และพัฒนาห้องพักในรูปแบบพลูสวีทเพื่อรองรับกลุ่มผู้เข้าร่วมกิจกรรมอีเว้นท์ ปัจจุบันบริษัทได้มีการพัฒนาพลูวิลล่าโซนใหม่ ทั้งนี้คาดว่าในส่วนของโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 10% อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้ารายได้รวมในปี 2562 เติบโตเพิ่มขึ้น 25% จากการที่บริษัทหันมาเน้นการขายโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนที่อยู่ระหว่างการขาย เพื่อสร้างรายได้กลับมาให้แก่บริษัทเพิ่มมากขึ้น 

อย่างไรก็ตามในช่วงปลายปี 2561 นี้บริษัทมีแผนในการนำโรงแรม บาบา บีช คลับ หัวหิน เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา หรือ กองทรัสต์ SRIPANWA มูลค่าไม่เกิน 550 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างรอมติจากผู้ถือหน่วยที่จะมีการเข้าประชุมในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ ซึ่งหากผู้ถือหน่วยมีมติเห็นชอบการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม จะส่งผลให้ขนาดมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์จากเดิม 3,600 ล้านบาท เพิ่มเป็น 4,100 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 นี้ บริษัทคาดว่าจะมียอดขายรอโอนอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 10-15%