เป็นอีกหนึ่งคนรุ่นใหม่ที่อาสาเข้าสู่สนามเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ในนาม “พรรคเสรีรวมไทย” ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ด้วยต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงไปตามกรอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ประกอบกับเป็นสายเลือดทางการเมืองของตระกูล เรืองกาญจนเศรษฐ์
“น้องเกด” น.ส.เกศศิริ เรืองกาญจนเศรษฐ์ บุตรสาวของนายกำชัย เรืองกาญจนเศรษฐ์ อดีต ส.ส.สุรินทร์ 5 สมัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร และรัฐมนตรีช่วยว่าการศึกษาธิการ รัฐบาลนายหัวชวน หลีกภัย และยังเป็นหลานสาวแท้ๆ ของอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 3 สมัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ อย่าง “ไชยศิริ เรืองกาญจนเศรษฐ์” ที่ทางพรรคส่งเป็นตัวแทนผู้สมัครลงแข่งขันเขตทวีวัฒนา
ด้วยความที่คนในตระกูลเป็นนักการเมืองทั้งหมด เธอเล่าให้ฟังถึงเหตุผลที่อยากลงเล่นการเมืองว่า ส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบการเมือง ติดตามการเมืองมาตลอด และยังเลือกลงเรียนสายรัฐศาสตร์ สาขาการจัดการทางการเมือง เพราะเห็นพ่อตั้งแต่เป็น ส.ส. รวมถึงเป็นรัฐมนตรีช่วยหลายกระทรวง ท่านเป็นคนทำงานที่ทุ่มเทให้กับการเมืองด้วยความจริงใจ แต่สมัยนี้การเมืองเปลี่ยนไป คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะร่วมด้วยช่วยกันเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หลังเรียนจบได้มาทำงานเป็นผู้ประกาศข่าวทางทีวีช่องทีวี 24 ก็เกี่ยวกับการเมือง จึงได้คุ้นเคยกับการเมือง
“ทันทีที่ทราบว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรค ได้เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์หรือเคยผ่านเวทีการเมืองสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ จึงไม่รีรอที่จะเข้าสังกัดพรรคเสรีรวมไทย”
เธอระบุว่า การลงสนามการเมืองครั้งแรกในชีวิต ครั้งนี้ ลงรับสมัครเลือกตั้งที่เขตทวีวัฒนา ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงประมาณ 140,000 เสียง ส่วนการหาเสียงไม่ได้เจาะหากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ให้ความสำคัญทั้งหมด แต่ที่ประทับใจคือคนรุ่นใหม่ที่มีสิทธิ์ในการเลือกตั้งครั้งนี้เกือบ 7 ล้านเสียง ซึ่งเขาเหล่านั้นมีความตั้งใจที่จะไปใช้สิทธิ์ เพราะหลายคนอายุถึงแล้ว แต่การเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้นดั่งที่ทราบกัน
"การเสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากจะลงพื้นที่หาเสียงแล้ว ยังเปิดเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว อินสตาแกรม เพื่อติดต่อสื่อสารกับชาวบ้านในพื้นที่ เพราะทุกวันนี้โซเชียลฯ สำคัญมาก มีผู้ติดตามประมาณหนึ่ง ส่วนจะได้เป็น ส.ส.หรือไม่ ไม่ได้คาดหวังอะไรขนาดนั้น แต่ตั้งใจมาดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่มากกว่า จากการลงพื้นที่พบว่าปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาหลักที่พ่อค้าแม่ค้า ต่างโอดเป็นเสียงเดียวกัน ไม่ไหวแล้ว”
“น้องเกด” ยังให้ความเห็นถึงการเมืองยุคเก่ากับการเมืองของคนรุ่นใหม่ว่า การเมืองต้องแตกต่างกันแน่ เพราะการเลือกตั้งที่จะถึงนี้มีคนรุ่นใหม่อาสาสมัครเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชนกันเป็นจำนวนมาก “คนรุ่นใหม่ยุคใหม่จะเป็นคนที่ทันสมัย ทันข่าวสาร มีมุมมอง ที่สำคัญคนรุ่นใหม่จะไม่เอาเรื่องอุปถัมภ์” สังเกตได้จากคนในพรรคเสรีรวมไทย จะไม่มีเรื่องพวกนี้ แข่งขันกันด้วยความสามารถ ใครมีความสามารถด้านไหนก็แบ่งหน้าที่กัน ทำงานกันเป็นทีม โดยเฉพาะการส่งรายชื่อลงเลือกตั้งตามเขตต่างๆ มีการวิเคราะห์ ใครมีข้อดี-ข้อเสีย ใครเหมาะสม โดยมีคณะกรรมการคัดสรร แต่ละคนไม่สามารถที่จะใช้เส้นสายในการเลือกลงเขตใดเขตหนึ่งได้
ทายาทอดีตนักการเมืองยังมองถึงการเมืองไทยที่หนีไม่พ้นกับการปฏิวัติรัฐประหารว่า “การปฏิวัติรัฐประหารเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดสำหรับประชาธิปไตย” โชคดีที่มีผู้นำอย่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หัวหน้าพรรค ที่ต่อต้านเรื่องรัฐประหาร ไม่เอาเผด็จการ และหวังว่าเหตุการณ์เดิมๆ จะไม่วนซ้ำมาอีก และการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้กำชับเน้นย้ำอย่าทำผิดกฎหมาย ทุกอย่างต้องทำตามกรอบของกฎหมายเท่านั้น
หากมองไปในอนาคตและมีโอกาสเข้าไปนั่งในสภา เธอระบุว่า นโยบายแรกที่จะผลักดันคือ “ปฏิรูปการศึกษา” ที่ผ่านมาการศึกษาเราก็ไม่ได้ถึงขั้นเลวร้าย เพียงแต่ต้องมีการปรับเปลี่ยนบางแง่บางมุม อย่างที่เห็นสายวิชาการแต่ละปีมีนักศึกษาจบมาแล้วตกงานต้องเดินเตะฝุ่นกันอยู่เป็นจำนวนมาก
อยากส่งเสริมให้นักเรียนนักศึกษาหรือผู้ปกครองแนะนำให้ลูกเรียนสายอาชีพ ที่จะสามารถต่อยอดอะไรได้หลายๆ อย่าง ยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยี 4.0 มีวิชาสาขาต่างๆ ที่รองรับพนักงานกันเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลจะส่งเสริมการศึกษา เช่น เรียนฟรีภาคบังคับ แต่เมื่อมองลึกลงไป เราเรียนฟรีจริงไหม ต้องจ่ายอะไรบ้าง แล้วที่เรียนฟรีมีคุณภาพหรือไม่ เรื่องคุณภาพเป็นเรื่องสำคัญ เรียนไปแล้ว จบไปแล้ว สามารถใช้ได้จริงหรือเปล่า อุปกรณ์การศึกษาที่มีให้เพียงพอหรือไม่
“การปฏิรูปการศึกษาต้องเพิ่มบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ คัดสรรมาแล้วอย่างดี ไม่ใช่ระบบอุปถัมภ์ และเรื่องการจัดเด็กเก่งไว้กับเด็กที่เก่ง เด็กด้อยจะจัดไว้กับเด็กด้อย ที่จริงแล้วไม่ควรแบ่งแยก การแบ่งแยกแบบนั้นเป็นระบบที่ผิด สร้างความเหลื่อมล้ำให้เด็กที่อยู่ห้องบ๊วยรู้สึกไม่มีคุณค่า ยิ่งบ้านเราแล้ว บริษัทต่างๆ หลายบริษัทที่คัดเลือกบุคคลเข้าทำงานยังเป็นระบบอุปถัมภ์ ยังมองอยู่ว่าจบมาจากไหน จุฬาฯ, ธรรมศาสตร์, เอกชน หรือมหาลัยราชภัฏอยู่เลย”
นี้คือวิสัยทัศน์ของคนรุ่นใหม่ไฟแรง ทายาทอดีตนักการเมืองตระกูล “เรืองกาญจนเศรษฐ์” ที่จะก้าวตามความฝันของตัวเองเข้าไปอยู่ในสภาที่มีผู้เป็นพ่อเป็นไอดอล พรรคเสรีรวมไทยจะเป็นเวทีแจ้งเกิดให้กับเธอได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ เขตทวีวัฒนา เป็นผู้ตัดสินใจ.
น.ส.เกศศิริ เรืองกาญจนเศรษฐ์ ชื่อเล่นเกด อายุ 34 ปี
สถานที่เกิด จ.อุดรธานี ที่อยู่ปัจจุบัน 380 ถนนสงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพ 10210
ประวัติการศึกษา
-พฤษจิกายน 2556 มหาวิทยาลับรรามคำแหง ปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ สาขาการจัดการทางการเมือง
-กุมภาพันธ์ 2551 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์
--ปัจจุบัน ศึกษาเนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตสภา
ประสบการณ์ทำงาน
-เป็นผู้ประกาศข่าว สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม TV 24 สถานีประชาชน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |