กว่า 1 ทศวรรษ กับมหากาพย์รถเมล์ NGV ที่คนกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะได้มีโอกาสได้ใช้ หลังศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งรับฟ้องของบริษัท สแตนดาร์ด เอนเนอจี้ จำกัด (ผู้ฟ้องคดี) และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ กรณีการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื่อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) 489 คัน ส่งผลให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) สามารถรับรถเมล์ที่เหลืออีก 389 คัน ตามสัญญาส่งมอบล็อตที่เหลือทั้งหมดภายในเดือนมีนาคมปี 2562
ถือเป็นของขวัญคนกรุงเทพฯ หลังต้องทนใช้รถ ขสมก. ในสภาพที่แทบจะเป็นเศษเหล็กปะผุแล้วปะผุอีก ต้องเจอกับปัญหาต่างๆ นานา แอร์ไม่เย็นบ้าง เกียร์กระชากบ้าง เครื่องดับ ควันโขมง เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุต่างๆ นานา
เรื่องราวดูเหมือนจะจบ เป็นการ "ปลดล็อก" ให้กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO ที่ก่อตั้งขึ้นโดย บมจ.ช ทวี หรือ CHO กับ บมจ.สแกน อินเตอร์ หรือ SCN เข้าทำสัญญากับ ขสมก. เป็นการชอบด้วยกฎหมาย
แต่ดูเหมือนว่าความพยายามล้มโครงการรถเมล์ NGV ยังไม่จบ พร้อมกับหยิบยกเรื่องราคารถเมล์ที่สูงกว่าราคากลาง อ้างราคาเมื่อปี 2558 ที่ CHO เคยเสนอราคา 3,800 ล้านบาท แต่พอมาร่วมกับ SCN กลับเสนอราคาขึ้นเป็น 4,260 ล้านบาท ในปี 2560 ทำให้รัฐเสียประโยชน์ และมีการไปยื่นเรื่องเพื่อขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างโครงการนี้ด้วย ว่ามีการทำทุจริตประพฤติมิชอบหรือไม่ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับคดีที่ศาลปกครองกลางเพิกถอนคำสั่งรับฟ้อง บริษัท สแตนดาร์ด เอนเนอจี้ จำกัด เพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย
ถ้าการส่งมอบรถเมล์ NGV ในส่วนที่เหลือเป็นอันต้องสะดุด โดยล็อต 2 จำนวน 100 คัน มีกำหนดส่งมอบในวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ล็อต 3 จำนวน 100 คัน มีกำหนดส่งมอบในเดือนธันวาคมนี้ ส่วนที่เหลือทยอยส่งมอบภายในเดือนมีนาคม ปี 2562 คงจะเป็น "ฝันร้าย" แค่กลุ่มร่วมทำงาน SCN - CHO ที่ร้อนๆ หนาวๆ เพราะอาจจะได้รับเงินล่าช้า ถ้าหากการส่งมอบรถเมล์ล็อตต่อๆ มามีอันต้องสะดุด คนที่เดือนร้อนก็คือประชาชนตาดำๆ ที่ต้องใช้บริการนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ต่อคำถามที่ว่า ราคาประมูลรถเมล์ NGV แพงหรือไม่ คนที่ให้คำตอบได้ดีหนีไม่พ้นบอร์ด ขสมก. ซึ่งเป็นผู้อนุมัติ เพราะทั้งชุดได้เห็นรายละเอียดอย่างครบถ้วนถึงต้นทุนทั้งหมดในการจัดหารถดังกล่าว
โดยเรื่องนี้มีคำตอบ กลุ่มทำงาน SCN -CHO ได้ทำหนังสือชี้แจงต่อบอร์ด ขสมก. สาระสำคัญระบุว่า การชนะประมูลด้วยวงเงิน 4,260.84 ล้านบาทนั้น แบ่งเป็นมูลค่ารถโดยสาร 1,891.45 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และว่าจ้างซ่อมแซมและบำรุงรักษาตลอดระยะเวลา 10 ปี รวม 2,369.38 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งเป็นราคาส่วนสัญญาซ่อมบำรุง ช่วงปีที่ 6–ปีที่ 10 เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 1,543,895,250 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (อัตราเฉลี่ยไม่เกิน 1,730 บาท/คัน/วัน) จากราคากลาง 1,459,114,875 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (อัตราเฉลี่ยไม่เกิน 1,636 บาท/คัน/วัน) คิดเป็นส่วนต่างจากราคากลางอยู่ที่ 5.75%
และถ้าหากเปรียบเทียบราคารถปรับอากาศยูโร สีส้ม ที่ ขสมก.ซื้อมาในช่วง 20 ปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ราคา 6 ล้านบาท/คัน ค่าซ่อมเฉลี่ยในช่วง 10 ปี วันละ 1,700 บาท ขณะที่รถเมล์ NGV ล็อตที่กำลังส่งมอบในปัจจุบันนี้ ราคาคันละ 3.88 ล้านบาท และค่าซ่อมวันละ 1,400 บาท ถือว่าประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับ ขสมก. และประหยัดงบประมาณของประเทศชาติได้เป็นอย่างมาก
ปัญหาราคาแพงยังไม่จบ เริ่มมีการเปิดประเด็นใหม่ กับข้อกังขารถเมล์ NGV ใหม่ของ ขสมก.ตามมาอีกหลายประเด็น อาทิ การหาเหตุว่าไม่ได้มาตรฐาน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ขอเถอะ อย่างให้เรื่องนี้กลายเป็นมหากาพย์จริงๆ ร่วม 10 ปีที่คนกรุงฝันค้างมาตลอด และเสียโอกาสในการใช้รถเมล์ใหม่ ไปกับเกมเตะตัดขาของกลุ่มคนที่ขัดผลประโยชน์กันเอง โดยเอาเอาประชาชนเป็นประกัน
ซึ่งจะอย่างไรก็ตาม ขอให้ได้มีรถเมล์ใหม่ๆ ออกมาใช้กับเขาเสียก่อน ส่วนเรื่องที่เหลือเมื่อสืบทราบความจริงก็ค่อยเอาผิดคนที่ทำผิด จะดีกว่าไหม
หรือต้องรอแล้วรอเล่า กลายเป็นแม่สายบัวแต่งตัวรอเก้อกันอีกตามเคย.
บุญช่วย ค้ายาดี
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |