'จตุพร'แฉแดงโกงนางงาม 


เพิ่มเพื่อน    


    วันแดงเดือด! "จตุพร" ลากไส้ "แกนนำหมู่บ้านเสื้อแดง" เคยตั้งพรรคการเมืองแต่ถูกอดีตนางงามแจ้งความข้อหาฉ้อโกง พรรคเลยล้มหายตายจาก ซัดไร้สติไปหานายใหญ่แล้วให้สัมภาษณ์รับสัญญาณไม่เลือกเพื่อชาติ ชี้เป้าให้คนเสื้อแดงเดินลำบาก เตือนจำไว้ตามที่ "บิ๊กตู่" พูด ในรัชกาลที่ 10 จะมีการชุมนุมทางการเมืองลักษณะเดิมไม่ได้อีกต่อไป ประชาชนกลัวความไม่สงบ 
    เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์หัวข้อ “เพื่อความเข้าใจ กรณี อานนท์ แสนน่าน กับบทเรียนที่ผ่านมา” ถึงกรณีนายอานนท์ แสนน่าน ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงโพสต์เฟซบุ๊กอ้างมีสัญญาณมาแล้วให้เลือกพรรคเพื่อไทยกับพรรคไทยรักษาชาติ ว่าตอนแรกตั้งใจจะไม่พูด แต่ได้รับคำถามจากสื่อมวลชน จึงตัดสินใจเฟซบุ๊กไลฟ์ จะพูดในฐานะประธาน นปช. ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีนี้ ถ้าเราไม่ทบทวนบทเรียนจะไม่มีวันไปถึงเส้นชัยได้
    เขากล่าวว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมานั้น เราชนะแต่ปกครองไม่ได้ ชนะเพื่อรอการพ่ายแพ้ ไปไม่ถึงเป้าหมาย ประเด็นสำคัญที่นายอานนท์โพสต์ถึง 2 พรรคการเมือง ความจริงตนไม่ได้มีความรู้สึกถึงเรื่อง 2 พรรคนั้น เพราะไม่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่จะพูด การพูดในลักษณะเสมือนหนึ่งเป็นผู้จัดการทั้ง 2 พรรค ตนไม่เชื่อว่า 2 พรรคนั้นจะมีความสุขใจกับโพสต์นี้ เรื่องการแบ่งพื้นที่จัดการสารพัด ไม่มีใครเขาทำกัน
    "ผมรู้จักกับนายอานนท์ แต่ไม่ค่อยสนิท ผมติดตามทราบว่าเขาเป็นผู้ก่อตั้งพรรคพลังคนรุ่นใหม่ แล้วมีอดีตนางงามไปแจ้งความข้อหาฉ้อโกงกันระหว่างตั้งพรรค พรรคนี้ก็ล้มหายตายจาก เมื่อพรรคนี้ไปไม่รอดก็ไม่ได้สนใจ"
    นายจตุพรกล่าวว่า ต่อมามีการเดินทางไปพบอดีตนายกฯ สัมภาษณ์รายการของนายจอม เพชรประดับ  แล้วก็มาโพสต์เรื่องได้รับสัญญาณมาแล้ว ถ้าคนที่มีสติก็จะรู้ว่าโพสต์นี้ไม่ได้ส่งผลดีอะไรต่อซีกฝ่ายประชาธิปไตยเลย เป็นการชี้เป้าชี้ช่องให้เดินยากลำบากยิ่งขึ้น มีพี่น้องเสื้อแดงจำนวนมากอยู่ท่ามกลางความลำบาก ถูกประกบติดตาม มีความประสงค์ไปใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างสงบ ถ้าเราไม่เข้าใจสถานการณ์จะเดินด้วยความยากลำบาก 
    ประธาน นปช.กล่าวว่า สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. พูดว่าในรัชกาลที่ 10 จะมีการชุมนุมทางการเมืองลักษณะเดิมไม่ได้อีกต่อไป เป็นคำพูดที่แกนนำแต่ละฝ่ายน้อมนำ ประชาชนกลัวความไม่สงบ ความไม่สงบเป็นที่มาของการยึดอำนาจ คนต้องการความสงบ ต้องการเลือกตั้ง การจะทำอะไรลักษณะแหวกหญ้าจะเดินไม่บรรลุเป้าหมาย
    นายจตุพรบอกว่า การอธิบายเสมือนหนึ่งต้องปฏิบัติตามนั้น ฝ่ายทางการจะตามประกบเล่นงาน เดือดร้อนจากเรื่องไม่เป็นเรื่อง ใครมานัดหมายเตรียมความพร้อม สิ่งสำคัญคือเราจะพาประเทศไทยให้เดินไปสู่เป้าหมายการเลือกตั้งอย่างไร 
    มีสำนวนคุกที่บอกว่า 1.อยู่ให้เป็น ต้องเข้าใจสถานการณ์การเมือง ณ ขณะนี้ ต้องเข้าไปสู่การเลือกตั้ง เดินไปถึงให้ได้ อย่าไปสร้างอะไรให้รู้สึกถึงความไม่สงบ ไม่ใช่หมายความว่าต้องเปลี่ยนจุดยืนทางการเมือง เราเดินมา 10 กว่าปี ไม่มีวันทรยศเส้นทาง แต่เราต้องมีบทเรียน อยู่ให้เป็น ไม่ใช่ต้องโชว์ใครเป็นเสื้อแดงมากกว่ากัน ต้องบรรลุเป้าหมายประชาธิปไตยให้ได้
    2.เย็นให้พอ ถ้าทุกคนแย่งกันเสนอหน้า เราก็เห็นผลลัพธ์สุดท้ายว่าท้ายที่สุดองคาพยพประชาธิปไตยเดินไปไม่ได้ ไม่มีพลัง เราต้องแข่งกันมีสติ ให้แต่ละพรรคเข้าสู่การแข่งขัน เมื่อประชาชนตัดสินแล้วยุติ ยังไม่นับ ส.ว. ที่เป็นพรรคใหญ่ที่สุดเป็นอุปสรรคขวากหนาม คนกำลังเดินสบาย ไม่ใช่ต้องมาแบกภาระกับใครก็ไม่รู้ที่อวดตนวางบทข่มนัดหมายอึกทึกครึกโครม ทุกคนเขาวิตก 
    3.รอให้ได้ เรารอการเลือกตั้ง ตนไม่จำเป็นต้องมาตอบโต้กับนายอานนท์ แต่ตนไม่ต้องการวิธีอย่างนี้มาเดินในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
    “ทำไมต้องมาพูด เพราะผมมองเห็นปลายทาง ตลอดระยะเวลาร่วม 10 กว่าปีนี้ ลองไปติดตามเทปเก่าๆ ที่ผมได้วิเคราะห์ทางการเมืองกันเอาไว้ ว่าอะไรที่มันผิดพลาดกันบ้าง คือการกำหนดย่างก้าวในลักษณะอย่างนี้ มันสร้างภัยคุกคามให้กับฝ่ายนี้โดยไม่จำเป็นเลย แล้วก็เป็นการชี้เป้าชี้ช่องหาช่องว่างทางกฎหมายเนี่ย ซึ่งก็จะเป็นปัญหาเป็นความทุกข์ของ 2 พรรคนี้ด้วยซ้ำ จะไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย ดังนั้นผมก็วาดหวังว่าท่วงทำนองที่ประกาศกันอึกทึกครึกโครมกันนั้น จะได้คิด จะได้มีสติกัน” 
    นายจตุพรกล่าวว่า ใน 10 กว่าปีนี้ ถ้าไม่รู้จักใครเป็นใคร ตนคงจะมายืนหัวแถวไม่ได้ ถ้าไม่วิเคราะห์สถานการณ์ที่เป็นจริงจะเป็นปัญหา ใครจะตอบโต้ก็ลองคิดทบทวนดีๆ ขณะนี้เราอยู่ในสถานการณ์ไหน ไม่นับเรื่องวีรชน 99 ศพ ตนเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจ 4 ชั่วโมง ยาวที่สุดในชีวิต ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพราะต้องการให้ดวงวิญญาณทุกดวงได้รับความเป็นธรรม 
    "ผมมีอีก 6 คดีรออยู่ข้างหน้า อิสรภาพที่จำกัด ถ้าเราต้องการส่งบ้านเมืองให้ลูกหลานสมบูรณ์ที่สุด เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องเดินอย่างมีสติมากที่สุด เราไม่ควรย้ำรอยสิ่งที่มันเคยเป็นปัญหา ประวัติศาสตร์ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ แต่อนาคตกำหนดกันได้ การดำเนินการอย่างนี้ไม่เป็นประโยชน์กับทั้ง 2 พรรค ผมไม่พูดในฐานะกองเชียร์พรรคเพื่อชาติ เอาหน้าตัวเองให้เล็ก เอาเรื่องบ้านเมือง ขบวนการประชาธิปไตยให้ใหญ่ เราจึงจะบรรลุเป้าหมาย" ประธาน นปช.กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"