ลอยอังคารลง ‘คงคา’


เพิ่มเพื่อน    

คงคา นาวา และท่าน้ำ

คณะชาวเยอรมันบินจากกรุงนิวเดลีมาถึงสนามบินกรุงพาราณสีตอนเวลา 1 ทุ่มครึ่ง แล้วนั่งแทกซี่มายังเขตเมืองเก่าที่อยู่ห่างกันราว 25 กิโลเมตร จากนั้นเดินเท้าต่อเข้ามาในซอยแคบๆ โดยมีคนของ Baba Guest House ไปรอรับจากถนนใหญ่ กว่าจะถึงเกสต์เฮาส์ก็เป็นเวลา 3 ทุ่มกว่า

มีคนเคาะประตูห้องพัก ผมเปิดไปเจอมิชาเอลก็สวมกอดทักทายกัน ที่ยืนข้างหลังคือสเวน-เด็กมัธยมปลายปีสุดท้าย ลูกติดจากแฟนใหม่ของมิชาเอล แม่ของเขาเดินทางจากเยอรมนีมาพร้อมกับคณะ แต่ตกบันไดขาหักในวันแรกที่มาถึงกรุงนิวเดลี ต้องผ่าตัดใส่เหล็ก เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จากเยอรมนีบินด่วนมารับกลับประเทศ ส่วนแกร์นอท-ตากล้องหนุ่ม เพื่อนรุ่นพี่ของสเวน กำลังเก็บของในห้องพักชั้นล่าง

มิชาเอลอายุ 55 ปี อ่อนกว่ายุตทา-ภรรยาที่เสียชีวิตไป 5 ปี ซึ่งขณะนี้อัฐิในลักษณะเถ้าถ่านน้ำหนัก 4 กิโลกรัมอยู่ในกระเป๋าเดินทางของมิชาเอล ผมได้กล่าวไปในฉบับก่อนๆ แล้วว่าก่อนที่ยุตทาจะเสียชีวิต เธอได้แสดงความปรารถนาที่จะมาเริ่มต้นเดินทางสู่โลกใหม่ที่แม่น้ำคงคา กรุงพาราณสี แห่งนี้ และบังเอิญเหลือเกินที่กุนเธอร์-เพื่อนเก่าของยุตทาได้รู้จักกับพราหมณ์หนุ่มตระกูลใหญ่ พระเอกของเราในฉบับที่แล้ว ทำให้คำสั่งเสียของยุตทากำลังจะเป็นจริงในรูปแบบที่ถูกต้องตามประเพณีชาวฮินดู

เมื่อยุตทาเสียชีวิตลงราวปีครึ่งที่ผ่านมา มิชาเอลก็จัดการเผาร่างภรรยาแล้วนำเถ้าถ่านส่วนหนึ่งไปฝังตามธรรมเนียมตะวันตกโดยที่ญาติๆ และเพื่อนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าเถ้าถ่านที่ฝังนั้นเป็นเพียงส่วนน้อย เขาเก็บส่วนใหญ่ไว้ ก่อนจะบรรจุใส่กระเป๋าน้ำร้อนใบใหญ่ 2 ใบ ขวดครีมอาบน้ำอีก 1 ขวด นำขึ้นเครื่องบินโดยโหลดลงใต้ท้องเครื่องในกระเป๋าสัมภาระ  

ปลงผมเสียก่อนลงชำระร่างในคงคามหานที

“ผมเลือกที่จะไม่แจ้งทางการ เพราะเป็นไปได้สูงที่จะไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ก็ใช้ขั้นตอนและเวลาที่เนิ่นนาน” มิชาเอลอธิบาย  

ด้านสเวน เขาสนใจอยากเรียนวิชาภาพยนตร์ระดับมหาวิทยาลัยในปีหน้า มักคุ้นกับแกร์นอทผู้ทำหนังมืออาชีพ ปรึกษากันแล้วก็ตกลงที่จะถ่ายทำสารคดีการเดินทางสู่โลกหน้าของยุตทา พวกเขาเก็บภาพฟุตเทจมาตั้งแต่ก่อนเดินทางแล้ว และหลังจากถ่ายทำในพาราณสีเสร็จก็จะกลับเยอรมนีไปตัดต่อแล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะเผยแพร่ออกทางสื่อชนิดใด

พวกเขายังไม่ได้กินมื้อค่ำ ผมเสนอให้รีบขึ้นไปสั่งที่ร้าน Aadha Aadha บนชั้นดาดฟ้าเพราะร้านจะปิดเวลา 4 ทุ่ม แต่เหมือนพวกเขามีความคิดจะไปกินที่อื่นตามการนำเสนอของกุนเธอร์ เพราะกุนเธอร์คิดว่าร้านอาหารบนชั้นดาดฟ้าราคาแพง นอกจากมื้อเช้าจำพวกขนมปังและไข่ และน้ำร้อนแก้วละ 5รูปีเพื่อใช้ชงชาแล้ว ผมไม่เคยเห็นเขากินอะไรในร้านนี้เลย หากเราจะจัดอันดับความตระหนี่โดยวัดจากชนชาติแล้ว แม้ชาวเยอรมันจะไม่อยู่ในอันดับต้นๆ แต่ผมเชื่อว่าติด 1 ใน 10 ของโลกอย่างแน่นอน  

เวลา 4 ทุ่มกว่าพวกเขาก็มาบอกผมว่าจะกินที่ร้านชั้นดาดฟ้า ผมในฐานะลูกค้าวันละ 3 มื้อต้องไปบอกราชู-ผู้จัดการร้านว่าช่วยเปิดต่ออีกสักหน่อย พวกเยอรมันยังไม่ได้กินข้าว มิชาเอลตามขึ้นไปสั่งข้าวผัด 3 จานสำหรับคน 3 คน กุนเธอร์ไม่รู้ไปกินอะไรที่ไหนมาแล้ว ส่วนผมกินไปตั้งแต่หัวค่ำ มิชาเอลอยากดื่มเบียร์แก้กระหาย แต่พอทราบราคากระป๋องละ 220 รูปี เขาก็สั่งมาแค่กระป๋องเดียวและแก้ว 5 ใบ เบียร์ขนาดครึ่งลิตรสำหรับ 5 คน จึงรินได้แก้วละราวๆ 100 มิลลิลิตร กลายเป็นดื่มฉลองการมาถึงพาราณสีในเชิงสัญลักษณ์มากกว่า กินเสร็จก็ออกไปนั่งสนทนาด้านนอกร้าน ถามไถ่สุขทุกข์กันและกัน

คณะร้องรำทำเพลงบูชาพระแม่คงคายามเช้า

วันต่อมา คณะชาวเยอรมันหาซื้อสิ่งของที่จำเป็นที่ต้องใช้ในพิธี ผมบอกกุนเธอร์ว่าควรพามิชาเอลไปรู้จักกับพราหมณ์หนุ่มเสียก่อน และคุยเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายให้เข้าใจตรงกัน ทั้งนี้ผู้ที่จะทำพิธีลอยอังคารไม่ใช่ตัวพราหมณ์หนุ่มของเราแต่เป็นพราหมณ์ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้านนี้เป็นการเฉพาะ ซึ่งพราหมณ์หนุ่มจะเป็นผู้ติดต่อให้ ฝ่ายสองหนุ่มทีมถ่ายทำก็ออกตะลุยพาราณสีเพื่อเก็บภาพบรรยากาศในเมืองและตามท่าน้ำต่างๆ เป็นฟุตเทจประกอบสารคดีของพวกเขา

หลังมื้อเที่ยงในร้าน Aadha Aadha ผมลองเปลี่ยนที่ดื่มกาแฟไปยังร้าน Brown Bread Bakery ไม่ไกลจากที่พักในซอยบังกาลีโตลา ในเว็บไซต์ของร้านระบุว่าเป็นร้านเบเกอรี่ออร์แกนิคร้านแรกๆ ของพาราณสี ข้างบนสาม-สี่ชั้นเปิดเป็นเกสต์เฮาส์ นักท่องเที่ยวหลายคนเคยถูกหลอกให้ไปยังร้านในชื่อใกล้เคียงกันที่มีอยู่อีกสี่-ห้าร้าน ซึ่งต้องระวังให้ดี ผมเองก็ไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหนบ้าง

นอกจากร้านนี้แล้ว Brown Bread Bakery ยังมีร้านขายผลิตภัณฑ์และเครื่องสำอางออร์แกนิค ร้านอาหาร Vegan & Raw ที่เราไปกินเมื่อวันก่อน ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กันแถว Tulsi Ghat และไม่ห่างออกไปใกล้ Assi Ghat มีร้านพิซซ่ามังสวิรัติ รวมทั้งยังมีร้านเบเกอรี่ในกรุงนิวเดลีอีก 2 ร้าน

เบเกอรี่ของพวกเขาเป็นสไตล์เยอรมัน เพราะหัวเรือใหญ่เป็นหนุ่มเยอรมัน เวลานี้เป็นองค์กรการกุศลในชื่อ Learn For Life – Another World Is Possible นำเงินกำไรจากธุรกิจหลายแห่งที่กล่าวมา รวมถึงธุรกิจนำเที่ยวเล็กๆ เปิดโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตชานกรุงพาราณสี ชื่อโรงเรียน Badi Asha แปลว่า “ความหวังอันยิ่งใหญ่” สำหรับเด็กๆ อายุตั้งแต่ 4 – 16 ขวบ นอกจากเรียนฟรีแล้วก็ยังมีอาหารและเสื้อผ้าฟรีอีกด้วย ญาติๆ ของเด็กนักเรียนหลายคนที่ลำบากยากจนก็มีงานทำในร้านของพวกเขา

ภาพที่อยู่คู่แม่น้ำคงคา ณ กรุงพาราณสี มาชั่วนาตาปี

ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคมาจากไร่ของชาวบ้าน ไม่น้อยคือพ่อแม่และญาติๆ ของนักเรียนในโรงเรียน Badi Asha บางอย่างที่ต้องไปเสาะหาไกลๆ ก็ต้องตามไปดูว่าเป็นไร่ที่ปลอดสารพิษจริงๆ นักเรียนหลายคนที่จบออกไปก็ได้เรียนต่อในระดับอุดมศึกษา บางคนก็กลับมาทำหน้าที่เป็นไกด์ทัวร์ของ Learn For Life บรรยายเป็นภาษาอังกฤษแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นำชมพาราณสีในแบบสุดพิเศษเพราะพวกเขาคือชาวท้องถิ่นที่รู้จักแต่ละซอกมุมของเมืองศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นอย่างดี

บริกรนำกาแฟและมัฟฟินช็อคโกแลตมาเสิร์ฟให้ผมที่โต๊ะพร้อมคำถามว่า “มาจากประเทศอะไร ?” ชายอีกโต๊ะได้ยินคำตอบ “ไทยแลนด์” เขาหันมา “สวัสดีครับ” ให้ผม แล้วเดินเข้ามานั่งโต๊ะเดียวกัน

ผมจำได้ว่าเขาคือคนที่สอนเด็กๆ อินเดียเต้นเพลงแจ๊สในร้านอาหาร Vegan & Raw เมื่อวันก่อน เขามาจากซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา เคยสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดแพร่ 1 ปี แล้วย้านไปสอนที่ขอนแก่นอีกครึ่งปี เคยพูดภาษาไทยได้พอใช้แต่ตอนนี้เมื่อย้ายมาพาราณสีและสอนที่โรงเรียน Badi Asha เขาเริ่มเรียนภาษาฮินดี ทำให้ภาษาไทยของเขาค่อยๆ เลือนไป “แต่ลักษณะการประสมคำจะคล้ายๆ กัน” เขาว่างั้น

ผมถามว่าสอนเต้นรำให้เด็กๆ นี่คิดเงินยังไง เขาตอบว่าสอนให้ฟรี ไม่ว่าใครก็ตามที่สนใจ และผลพลอยได้ก็คือเขาจะได้มีคู่เต้นด้วย เพราะที่นี่หายากมาก เขานั่งคุยอยู่เกือบชั่วโมงก็ขอขึ้นไปนอนพักบนห้องในเกสต์เฮาส์ของร้าน ส่วนผมเริ่มรู้สึกปั่นป่วนในท้อง ตัวการอาจเป็นมัฟฟินช็อคโกแลต จึงตัดสินใจเดินกลับไปเข้าห้องน้ำในที่พัก

ได้เวลามื้อเย็นผมก็เดินขึ้นไปยังร้านอาหารบนดาดฟ้า ราเชศ-กุ๊กพุงป่องประจำร้านจากพุทธคยาผู้ไว้หนวดเหนือริมฝีปากบน หน้าตาคล้ายคนปักษ์ใต้บ้านเรา ทราบว่าผมจะเดินทางออกจากพาราณสีราวเที่ยงวันพรุ่งนี้เขาจึงชวนดื่มวิสกี้ส่งท้าย ผมยื่นเงินให้ 500 รูปีเพื่อให้เขาหาคนไปซื้อรอยัลชาเลนจ์มาเหมือนเดิม แล้วสั่งแกงไก่เนยมาซาล่าและนานกระเทียม เขาถามว่าจะรอกินกับวิสกี้ไหม ผมขอให้เขาทำอาหารตอนนี้เลย “เพราะวิสกี้จะไว้ดื่มตอนพวกคุณเลิกงาน”

มื้อเย็นอันแสนอร่อยหมดไปแล้วเด็กซื้อของก็ยังไม่กลับมา กุ๊กเดินมาบอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดท่านมหาตมะ คานธี ร้านรวงปิดกันไปเกินครึ่ง ส่วนเหล้ายิ่งหาซื้อยากเข้าไปใหญ่ ทั้งจากร้านถูกกฎหมายและร้านที่แอบขาย เด็กวัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซค์ตระเวนไปหลายย่านแล้วก็ยังไม่สำเร็จ

 ชำระล้างยามเช้าเพื่อจิตผ่องใสตลอดวัน

คณะชาวเยอรมันขึ้นมาบนดาดฟ้า เมื่อรู้ว่าผมรอวิสกี้อยู่พวกเขาก็รอด้วย จนเวลาจวนจะ 5 ทุ่มแล้วเด็กยังไม่กลับมา ผมจึงบอกให้แยกย้ายนอนเพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นก่อนตะวันขึ้น และพอดีที่ผู้จัดการร้านมาบอกว่ายังหาซื้อไม่ได้ ถ้าเด็กกลับมาพร้อมขวดวิสกี้ก็จะลงไปเคาะประตู ถ้าไม่ได้ก็จะคืนเงินให้ในวันพรุ่งนี้ ผมขอให้เขาโทรเรียกเด็กกลับมาเลย ไม่ต้องหาซื้อแล้ว

นาฬิกาปลุกถูกตั้งไว้ที่เวลา 05.15 น. เพราะเรานัดกัน 05.30 น. เพื่อไปเจอกับพราหมณ์ทำพิธีลอยอังคารในเวลา 06.00 น. แต่มิชาเอลเคาะประตูปลุกตั้งแต่ตี 5 ตรง

เราเดินไปถึงท่าน้ำอัศวเมศเวลาตี 5 ครึ่ง กุนเธอร์โทรหาพราหมณ์หนุ่ม เขาตื่นตอนรับโทรศัพท์นี่เอง สักพักเขาก็แต่งตัวเดินลงมายังท่าน้ำ พามิชาเอลไปยังสถานประกอบพิธีซึ่งก็คือแคร่เตี้ยๆ ที่พราหมณ์รุ่นใหญ่นั่งอยู่บนพรมผืนเล็ก และมีอีกผืนด้านหน้าของท่าน สเวนผู้ทำหน้าที่ควบคุมเสียงติดไมโครโฟนให้กับพราหมณ์หนุ่ม มิชาเอล และกุนเธอร์ ส่วนแกร์นอทเก็บภาพบรรยากาศชีวิตยามเช้าริมคงคา วัยรุ่นอินเดียคนหนึ่งเดินเข้ามาหาสเวนที่นั่งอยู่บนขั้นบันได จับมือของเขาไปนวดคลำบีบคลึงทีละนิ้ว ผมต้องเข้าไปบอกเขาว่า “นายคนนี้ทำงานอยู่ ได้โปรดล่ะ ช่วยออกไปก่อน” เขาก็ละความพยายาม  

มิชาเอลนั่งลงบนพรมอีกผืน บีบเถ้าถ่านยุตทาออกมาจากขวดครีมอาบน้ำลงบนผ้าขาวได้กองหนึ่งตามคำสั่งของพราหมณ์ผู้ประกอบพิธี ใช้มือรับน้ำมนต์ที่เทจากกาทองเหลืองใบจิ๋วพรมลงบนยุตทา วางพวงมาลัยและดอกไม้ลงด้านบน เทข้าวสารจากถ้วยดินลงไปประมาณหนึ่งกำมือ แล้วคณะทั้งหมดก็เดินไปขึ้นเรือยนต์โดยมิชาเอลประคองยุตทาลงไปด้วย วางเธอลงบนหัวเรือ แล้วเขาก็นั่งเคียงไป  

 ท่ามณีกรรณิกา หนึ่งในสองท่าน้ำที่มีการเผาศพตลอด 24 ชั่วโมงมานับพันปี

เรือพาเราออกมาจากท่าอัศวเมศสู่ทิศเหนือของแม่น้ำ ท่าต่างๆ อยู่ทางด้านซ้ายมือ แม่น้ำคงคาส่วนที่ไหลผ่านกรุงพาราณสีไหลจากทิศใต้ไปยังทิศเหนือทำให้อะไรๆ ยิ่งดูมีมนต์ขลัง เรือล่องมาได้สักประมาณ 1 กิโลเมตร พราหมณ์ผู้ประกอบพิธีส่งสัญญาณให้คนขับเรือดับเครื่อง ให้มิชาเอลประคองยุตทาขึ้นใหม่ สวดส่งวิญญาณ แล้วบอกให้มิชาเอลค่อยๆ ปล่อยยุตทาลงสู่พระแม่คงคา บีบเถ้าที่เหลือในกระเป๋าน้ำร้อนอีก 2 ใบ และที่เหลือในขวดครีมอาบน้ำตามลงไป

จากนั้นให้มิชาเอลนั่งพนมมือหันไปทางดวงอาทิตย์ที่ขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้ามาได้ไม่กี่องศา แล้วจึงเปลี่ยนท่ามาชูมือทั้งสองข้างขึ้นเหมือนกับจะรับพลังสุริยะ จากนั้นให้มิชาเอลโยนไม้ฟืนชิ้นเล็กๆ ลงน้ำไป 2 ชิ้น ในขณะที่พราหมณ์ก็บริกรรมคาถาไปเรื่อยๆ เมื่อเสร็จในส่วนนี้พราหมณ์เปลี่ยนที่นั่งจากแคมเรือไปนั่งตรงข้ามกับมิชาเอลตรงหัวเรือ ให้เขาท่องตามทีละประโยค แล้วก็เทน้ำมนต์จากกาทองเหลืองใบจิ๋วใส่มือพรมใส่ตัวมิชาเอล ส่งสัญญาณให้เรือหันหัวกลับแล้วสตาร์ทเครื่องมุ่งหน้าสู่ท่าอัศวเมศ

ในขณะที่ยุตทาเดินทางไปอีกโลก.

ใครไม่นิยมเรือยนต์จะนั่งเรือแจวก็ย่อมได้

แม่น้ำคงคาส่วนที่ไหลผ่านกรุงพาราณสีไหลจากทิศใต้ขึ้นทิศเหนือ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"