แฟ้มภาพ
7 ธ.ค. 61 - ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.4849/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็น โจทก์ยื่นฟ้อง นายประชา โพธิพิพิธ หรือกำนันเซี๊ยะ อายุ 75 ปี ผู้กว้างขวางใน จ.กาญจนบุรี และนางเขมพร ต่างใจเย็น ภรรยา อายุ 52 ปี เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกและยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐในความครอบครองดูแลของรัฐ ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9 , 108 ทวิ และให้จำเลยทั้งสองกับบริวารออกจากที่ดินพิพาทด้วย
กรณีวันที่ 29 พ.ย. 2544 - 8 ก.พ. 2545 ทั้งสองร่วมกันบุกรุกและยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐ มากกว่า 50 ไร่ ซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักงานธนารักษ์ พื้นที่ จ.กาญจนบุรี โดยแผ้วถางป่าและไถปรับพื้นที่ทำถนน สร้างบ้านพักอาศัย บ้านพักคนงานและคอกปศุสัตว์ในที่ดินเนื้อที่เกินกว่า 50 ไร่ โดยไม่มีสิทธิและไม่ได้รับอนุญาต ที่หมู่ 2 ต.ช่องด่านและหมู่ที่ 2 ต.หลุมรัง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี โดยอัยการโจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2554 ในความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 (1) และมาตรา 108 ทวิ ฐานร่วมกันเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะเป็นเนื้อที่เกินกว่า 50 ไร่ , ฐานร่วมกันเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ และฐานร่วมกันเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ ซึ่งจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีมาโดยตลอดว่าไม่มีเจตนาบุกรุกที่ดินพิพาทดังกล่าว
โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2558 ให้จำคุกจำเลยทั้งสอง คนละ 11 ปี 4 เดือน และให้จำเลยทั้งสอง รวมทั้งบริวารออกจากที่ดินดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ให้นับโทษนายประชา จำเลยที่ 1 รวมกับคดีหมายแดง อ.2830/2557 กรณีบุกรุกที่ดิน อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ที่ศาลอาญาให้จำคุก 1 ปีโดยไม่รอลงอาญาด้วย ขณะที่จำเลยยื่นอุทธรณ์คดีซึ่งระหว่างอุทธรณ์จำเลยทั้งสองได้ประกันตัวคนละ 1 ล้านบาท และมีการเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึง 2 ครั้งเนื่องจากจำเลยไม่มาศาล กระทั่งวันวันที่ 8 ส.ค. 2559 ศาลได้อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย โดยศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสองเนื่องจากพฤติการณ์มีเหตุให้จำเลยทั้งสองเข้าใจโดยสุจริตว่า จำเลยมีสิทธิที่จะกระทำได้ จึงขาดเจตนาในการกระทำผิดฐานบุกรุกเข้าไปยึดครองที่ดินของรัฐ จำเลยจึงไม่ผิดตามฟ้อง
ต่อมาอัยการโจทก์จึงยื่นฎีกา ซึ่งศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาฎีกาครั้งแรกในวันนี้ แต่เมื่อถึงเวลานัดปรากฏว่าจำเลยไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าศาล ศาลจึงเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาออกไปเป็นวันที่ 17 ม.ค. 2562 เวลา 09.00 น. โดยให้ออกหมายจับติดตามตัวจำเลยทั้งสองมาฟังคำพิพากษาฎีกาตามกำหนดนัดดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากถึงกำหนดอ่านคำพิพากษาฎีกาดังกล่าวแล้ว ทั้งสองไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าศาล ตามกฎหมายเมื่อศาลออกหมายจับให้ติดตามตัวภายใน 1 เดือนแล้วยังติดตามตัวจำเลยไม่ได้ ศาลก็จะพิจารณาอ่านคำพิพากษาลับหลัง (โดยไม่มีตัวจำเลย) ได้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับนายประชาและนางเขมพรนั้น ปัจจุบันมีหมายจับติดตัวในคดีที่ต้องติดตามจับตัวมารับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาถึงที่สุดคดีฮั้วประมูลโครงการต่างๆ ใน จ.กาญจนบุรีปี 2542 -2544 หมายเลขดำ อ.4077/2546 ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาที่ถือเป็นที่สุดเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2559 ให้จำคุกนายประชาเป็นเวลา 5 ปี และนางเขมพรเป็นเวลา 4 ปี
ขณะที่นายประชาก็ถูกหมายจับตามตัวมารับโทษคดีหมายเลขดำ อ.55/2555 ที่อัยการฟ้องบุกรุกที่ราชพัสดุพื้นที่ ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี และพื้นที่ ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ต่อเนื่องติดต่อกันทั้งหมด รวมเนื้อที่ทั้งหมด 1,199 ไร่ 2 ตารางวา 84 งานอีกด้วย ซึ่งมีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อ วันที่ 18 เม.ย. 2560 ให้จำคุกนายประชา 2 ปี 8 เดือนด้วย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |