เอ็กซิมแบงก์อ้อนคลังขอเพิ่มทุนอีก 1.5 หมื่นล้านบาท หวังเพิ่มประสิทธิภาพเป็นผู้นำปล่อยกู้เอกชน-รัฐวิสาหกิจลุยลงทุนกลุ่มประเทศซีออลเอ็มวี
แหล่งข่าวจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ เปิดเผยระหว่างเดินทางไปจัดตั้งสำนักงานผู้แทนธสน.ที่ สปป.ลาวว่า ขณะนี้ธนาคารได้เสนอให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาเพิ่มทุนให้ธนาคารอีก 15,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับทุนปัจจุบันที่ 20,000 ล้านบาท จะเพิ่มเป็น 35,000 ล้านบาท เพื่อให้ธนาคารมีทุนขนาดใหญ่เพียงพอ สำหรับปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการ และรัฐวิสาหกิจ เข้าไปลงทุนโครงการขนาดใหญ่ในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) โดยการเพิ่มทุนจะใช้เงินทุนกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ซึ่งแบ่งการเพิ่มทุนเป็น 2 ระยะ ในปี 2562 เพิ่มทุน 8,000 ล้านบาท และปี 2563เพิ่มอีก 7,000 ล้านบาท
โดยปัจจุบันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในซีแอลเอ็มวี ทั้งถนน โรงไฟฟ้า เขื่อน มีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก จากมูลค่า 5,000-9,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 30,000 ล้านบาท ทำให้เงินทุนปัจจุบันของเอ็กซิมแบงก์มีไม่พอจะเป็นผู้นำในการปล่อยกู้ เป็นเพียงแค่ผู้ปล่อยกู้ร่วมเท่านั้น แต่หากมีการเพิ่มทุนสำเร็จจะช่วยให้ธนาคารเป็นผู้นำได้ ซึ่งส่งผลดีต่อการกำหนดนโยบายสินเชื่อและสนับสนุนนโยบายของรัฐในการขยายลงทุนกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านได้ ทำให้รัฐบาลขยายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของรัฐบาลไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้มากกว่าการปล่อยกู้โดยมีธนาคารเอกชนเป็นผู้นำ และยังแก้ปัญหาธนาคารพาณิชย์บางแห่ง ไม่ยอมปล่อยกู้ไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้านในโครงการที่มีความเสี่ยงสูง หรือหากปล่อยก็คิดดอกเบี้ยแพง
“ตามกฎของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)กำหนดไว้ว่า การปล่อยกู้ต่อหนึ่งโครงการจะทำได้สูงสุดไม่เกิน 25% ของเงินทุนธนาคาร แต่เมื่อเพิ่มทุน 35,000 ล้านบาทสำเร็จ จะทำให้ธนาคารปล่อยกู้ได้โครงการมากถึง 8,000-9,000 ล้านบาท สูงกว่าเดิมที่ปล่อยกู้ได้เพียง 5,000 ล้านบาท ซึ่งหากโครงการเงินกู้มีถึง 30,000 ล้านบาท ธนาคารก็จะให้กู้ได้ถึง 30% ซึ่งเพียงพอจะเป็นผู้นำในการปล่อยกู้ได้” แหล่งข่าว กล่าว
ทั้งนี้มีหน่วยงานรัฐวิสาหกิจหลายราย เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ที่มีแผนเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้ประเทศ ขณะเดียวกันยังพร้อมสนับสนุนให้บริษัทเอกชนขนาดกลางและใหญ่ เช่น กลุ่มอมตะ ที่มีแผนขยายการลงทุนที่ สปป.ลาว ก็สามารถเข้ามาขอสินเชื่อจากเอ็กซิมแบงก์ได้
โดยปัจจุบันเอ็กซิมแบงก์สามารถปล่อยกู้ส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มซีแอลเอ็มวีเติบโตอย่างต่อเนื่องจาก 2 ปีก่อน มีสินเชื่อคงค้างอยู่ 2.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาทในปัจจุบัน และยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกระดับ 10% อย่างไรก็ตามการปล่อยกู้รายเล็กธนาคารก็ยังสนับสนุนเป็นปกติ โดยมีเงินทุนปล่อยกู้เพียงพอเหมือนเดิม เพราะมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง 16-17% มากกว่าขั้นต่ำ 8.5% ถึง 2 เท่า
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ เอ็กซิมแบงก์ เปิดเผยว่า ธนาคารพร้อมสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มซีแอลเอ็มวี โดยขณะนี้ได้มีการสำนักผู้แทนแล้ว 2 แห่ง ที่ย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา และที่เวียงจันทน์ สปป.ลาว และปีหน้ามีแผนเปิดสำนักผู้แทนอีกแห่งที่กัมพูชา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีมประเทศไทยทำงานกับภาครัฐและเอกชนไทย-สปป.ลาว ทำหน้าที่ให้บริการด้านคำปรึกษาแนะนำ ข้อมูลการค้าการลงทุน รวมถึงข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยทุกขนาดธุรกิจสามารถเริ่มต้นหรือขยายการค้าการลงทุนได้อย่างประสบความสำเร็จ
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า เอ็กซิมแบงก์นอกจากการทำหน้าที่หลักสนับสนุนเงินทุนให้กับผู้ประกอบการไทยไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ธสน.ต้องเพิ่มภารกิจเป็นทูตมิตรภาพทางเศรษฐกิจอีกตำแหน่งหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้ข้อมูลด้านการค้า การลงทุน และกฎระเบียบต่างๆ แก่ผู้ประกอบการไทย รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐ กระตุ้นให้เกิดการจับคู่ทางธุรกิจระหว่างกัน ซึ่งที่ผ่านมาไทยได้สนับสนุนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศมากมายไม่ว่าจะเป็น พลังงาน สาธารณูปโภค และอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป