"อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์" เป็นคนใช้ภาษาผู้ดีเก่ง!
นักข่าวถาม......
"วันที่ ๗ ธันวาจะไปร่วมประชุมพรรคการเมืองตามคำเชิญนายกฯ ประยุทธ์มั้ย?"
คนพรรคอื่นๆ เช่น เพื่อไทย อนาคตใหม่ เพื่อชาติ เมื่อไม่ไป เขาก็ตอบว่า ไม่ไป
แต่กับอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ นักข่าวถามเมื่อวาน (๕ ธ.ค.๖๑) ท่านตอบ..........
"ยังมองไม่ออกว่าจะมีเหตุผลอะไรที่คุยกันตอนนี้"!
รูปประโยคเก๋
ฟังแล้ว เข้าใจ-ไม่เข้าใจ ไม่รู้ล่ะ แต่ผู้ดี๊..ผู้ดี รื่นหูจัง!
ครั้นเมื่อคั้นเอาแก่นความจากประโยคนั้น ตกลง ประชาธิปัตย์จะไปร่วม หรือไม่ไป?
ไม่รู้.........
ไปก็ได้ ไม่ไปก็ได้ "หัว-ก้อย" ตีความได้ทั้งสองทาง!
นี่เป็น "พลิ้วศาสตร์" ของนักการเมืองเก๋า ที่นักการเมืองบวชใหม่ตามพรรคต่างๆ ควร "ครูพักลักจำ" ไว้บ้าง
น่าต่อ-รองกันดู ว่าพรุ่งนี้ ประชาธิปัตย์จะไปหรือไม่ไปร่วมประชุม?
ตัวอภิสิทธิ์ไปเองหรือไม่ไป ไม่ใช่ประเด็น
ที่เป็นประเด็นอยู่ตรงว่า ในนาม "พรรคประชาธิปัตย์" มีใครไปร่วม หรือไม่ยอมสมาคมคบค้ากับพลเอกประยุทธ์เลย?
ความจริง ที่รัฐบาลนัดพรรคการเมืองทั้งหมดร่วมประชุมนั้น เป็นการนัดหมายมายาวนาน ๔-๕ เดือนแล้วมั้ง
คือไม่ใช่เพิ่งเชิญ ด้วยเกิดเงื่อนไขใหม่ แรกๆ ก็เห็นแต่ "เพื่อไทย" เท่านั้น ที่ชัดเจนอยู่แล้ว "ไม่ไป"
สำหรับประชาธิปัตย์ เพิ่งไม่กี่วันนี้ ที่ส่งสัญญาณ "ครึ่งร่วม-ครึ่งรวน" และให้น้ำหนักไปทาง "ไม่ไป"
เรื่องทำนองนี้ ถ้าพร้อมจะไป มันก็มีเหตุผลเป็นคำตอบในตัวมันเองเยอะแยะ
แต่เมื่อไม่พอใจจะไป มันก็มีเหตุผลยกขึ้นอ้างได้ร้อยแปดเช่นกัน ป่วยการที่ใครจะไปจับผิด-จับถูกในคำพูดแต่ละครั้ง
และนั่น สอดคล้องคำตอบจากพลเอกประวิตร "ผู้จัดการรัฐบาล" ซึ่งท่านน้อมสนองว่า
"ใครอยากมา ก็มา ไม่อยากมา ก็ไม่ต้องมา ไม่เห็นเป็นไรเลย"
ก็สมน้ำ-สมเนื้อ...........
ที่ประชาธิปัตย์พูด ก็ถูก
และที่พลเอกประวิตรพูด ก็ถูก
การนัดประชุมพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล เป็นเรื่องสังคมการเมืองร่วมสร้างบรรยากาศ "สังคมบริหาร" ให้ประชาชน "ผู้ถูกปกครอง" ได้เห็นความเป็นผู้ "บรรลุนิติภาวะ" ของคณะพรรคที่จะมามีอำนาจนำประเทศ
สำนึกคน "สังคมนำ" ต่อ "สังคมรวม" ควรจะเป็นเช่นนี้
การยกประเด็น "เผด็จการ-ประชาธิปไตย" หรือแค้นแอบจิต-พิศวาสออกหน้า
หรืออ้าง เลือกตั้งเป็นหน้าที่ กกต. พรรคการเมืองไม่ใช่ไม้ประดับรัฐบาล ฉะนั้น ไม่ไป
ก็พูดได้-อ้างได้
ก็เหมือนที่ เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ และอีกหลายพรรค เรียกร้องให้ ๔ รัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ ลาออก
ไม่รู้จะอ้างกฎข้อไหนให้เขาต้องลาออก
ก็อ้าง "จิตสำนึก"
ทำนองเดียวกัน การไป-ไม่ไป มันไม่มีกฎกติกาบังคับ หากแต่มันเป็นเรื่อง "จิตสำนึก"!
เหมือนได้รับการ์ดเชิญไปงาน เจ้าภาพให้เกียรติเชิญแล้ว จะไป-ไม่ไป เหตุผลเยอะ แต่น้ำหนักแห่งการคิดคำนึงอยู่ที่
คำว่า "เกียรติ"....
ที่เขาให้เรา และที่เราให้เขา!
เห็นคุณอภิสิทธิ์บอกด้วยว่า เลือกตั้งครั้งนี้ จะลงปาร์ตี้ลิสต์ อันดับ ๑
ผมเนี่ย บอกตรงๆ ตั้งแต่มีสิทธิ์เลือกตั้ง เขตผมใครลง บางทีไม่เคยได้ยินชื่อเลย
แต่เมื่อพะยี่ห้อประชาธิปัตย์ กากบาททันที!
เหมือนตัวซวย..ผมน่ะ ในรอบ ๒ ทศวรรษ พรรคที่เลือก ไม่เคยชนะซักที
อันที่จริง คุณอภิสิทธิ์เข้าการเมืองครั้งแรก ถ้าจำไม่ผิด ปี ๒๕๓๕ ลงสมัครเขตยานนาวา-บางคอแหลม ได้เป็น ส.ส.
มาถึงรัฐธรรมนูญปี ๔๐ ให้มี ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ คุณอภิสิทธิ์ก็เปิดทางให้คนอื่นลงเขต ตัวเองไปอยู่ปาร์ตี้ลิสต์
กติการัฐธรรมนูญ ๔๐ ระดับประชาธิปัตย์ ปาร์ตี้ลิสต์ ๑๐-๒๐ คน สบายอยู่แล้ว
แต่ตามกติการัฐธรรมนูญ ๖๐ ที่จะใช้เลือกกัน ๒๔ กุมภา ๖๒ ด้วยระบบสัดส่วน
ได้ ส.ส.มาก อาจ "ไม่ได้" ปาร์ตี้ลิสต์
ในทางกลับกัน........
ได้ ส.ส.น้อย "จะได้" ปาร์ตี้ลิสต์!
ดังนั้น การที่คุณอภิสิทธิ์ประกาศ เที่ยวนี้ลงปาร์ตี้ลิสต์ แสดงว่าประชาธิปัตย์ "มักน้อย"
ตรงข้าม "เพื่อไทย" การที่แตกพรรคออกไป ๔-๕ พรรค หวังเก็บคะแนนตก นั่นแสดงว่า "มักมาก"
ที่ว่าประชาธิปัตย์มักน้อย.......
เพราะคุณอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรค ในหลักการ หัวหน้าพรรคลงเลือกตั้ง จะต้อง "แพ้ไม่ได้"
คือต้องชนะ "ได้รับเลือกตั้ง" สถานเดียว!
ด้วยกติกาใหม่ ถ้าต้องให้มั่นใจ คุณอภิสิทธิ์ลง ส.ส.เขต ด้วยศักดิ์ศรี ได้รับเลือกตั้งแน่
แต่ลงปาร์ตี้ลิสต์ "ไม่แน่" อาจปิ๋ว
ตามสูตรที่ผมว่า คือถ้าแฟนๆ เลือกประชาธิปัตย์ถล่มทลาย ได้ ส.ส.เป็นร้อย-สองร้อย
เอาแค่ ๑๒ ล้านเสียง เท่าตอนเลือกตั้ง ปี ๒๕๕๔ ก็พอ
นั่นอาจมากเกิน "ส.ส.พึงมีได้" ตามระบบสัดส่วน
ซึ่งก็จะไม่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่ม แม้แต่คนเดียว
แบบนี้ ปาร์ตี้ลิสต์ อันดับ ๑ คือคุณอภิสิทธิ์ "หลุดสภา" ไปเลย
เว้นแต่อยู่ในบัญชี "ว่าที่นายกฯ" ของพรรค
และได้รับโหวตจาก "รัฐสภา" เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเสียง ๓๗๖ เสียงขึ้นไปเท่านั้น!
แต่เมื่อคุณอภิสิทธิ์ประกาศว่าลงปาร์ตี้ลิสต์ คำตอบเดียวก็คือ
พรรคชั่งน้ำหนักลงตัวแล้ว เลือกตั้ง ๒๔ กุมภา ๖๒
จะได้ ส.ส.น้อย ต่ำกว่าเกณฑ์ "ส.ส.พึงมีได้" แน่นอน
เหตุนั้น จึงมั่นใจได้ว่า หัวหน้าลงปาร์ตี้ลิสต์ อันดับ ๑ ชัวร์...ไม่พลาด!
นี่จึงเป็น "สูตรมักน้อย" ของประชาธิปัตย์ เอาชัวร์ หัวหน้าพรรคไม่หลุดสภาไว้ก่อน
ส่วนจะเป็นพรรคอันดับ ๑ แกนจัดตั้งรัฐบาล คงไม่หวัง ยิ่งตำแหน่งนายกฯ ด้วยแล้ว อ่านจากยุทธศาสตร์-ยุทธวิธีประชาธิปัตย์
รอบนี้....ขอบายอีกรอบ!
ตรงข้าม "เพื่อไทย" ทักษิณดีดลูกคิดแล้ว คราวนี้จะกวาด ๓๐๐ ส.ส.ขึ้นไป ซึ่งเป็นจำนวนเกินกว่า "ส.ส.พึงมีได้" ของพรรคแน่นอน
การได้ ส.ส.มาก จะทำให้หมดสิทธิ์ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จึงเกิดสูตร "แตกพรรค" หวังแชร์ปาร์ตี้ลิสต์
กะกวาดปาร์ตี้ลิสต์จากพรรคบริวาร ไปรวมกับ ส.ส.เขตแล้ว จะได้เป็นที่ ๑ จัดตั้งรัฐบาล
นางสาวสุดารัตน์ เป็นนายกฯ ทักษิณบัญชาการ เป็นอำนาจระบอบทักษิณครองเมือง
ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ คนไหน "ตีตัว-ตีใจ" ออกห่าง ฮึ่ม...มึงตาย กูคิดบัญชีย้อนหน้า-ย้อนหลังพวกมึงแน่
นี่คือ ยุทธศาสตร์-ยุทธวิธี "มักมาก" ของพรรคทั้งพวงทักษิณเขา!
ก็มีคำถามสาธารณะตอนนี้ว่า.......
ที่ประชาธิปัตย์ "ตีรวน" ทุกดอกกับรัฐบาล ในความหมายพลังประชารัฐ ที่จะเสนอชื่อ "พลเอกประยุทธ์" เป็นว่าที่นายกฯ ของพรรค เป็นพรรคที่ผีไม่เผา-เงาไม่เหยียบ นั้น
ประชาธิปัตย์ตกลงจะร่วมงานการเมืองกับพรรคตระกูลเพื่อของทักษิณใช่ไหม?
ตามหน้าไพ่ แต้มมันบอกอย่างนั้น
แต่ในความเห็นผม โอกาสประชาธิปัตย์ร่วมงานกับพรรคตระกูลเพื่อ เป็นไปได้
ในนาม "พรรคร่วม" ฝ่ายค้าน!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |