"เสี่ยอ้วน" ปฏิเสธลั่น สมาชิกเพื่อไทยวางมวยชิงพื้นที่เลือกตั้งแค่พูดเสียงดัง แต่ "หัวเขียง" ยันมีใช้เท้าแหย่ ไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย ขณะที่พลังประชารัฐลงพื้นที่เช็กเสียง อ้างประชาชนฝากขอบคุณ "ลุงตู่" ช่วยเพิ่มเงินเดือน อสม. "สมศักดิ์" ลั่นกวาดแน่ถล่มทลาย อย่างน้อยก็ 125 เสียง "บิ๊กตู่" เหมาะสุดนายกฯ คนต่อไป เหยียบ "แม้ว" สร้างหนี้รัฐบาลนี้สอนวิธีหาเงินใช้หนี้
ภายหลังพรรคเพื่อไทยตกเป็นข่าวอื้อฉาวจาก กรณีนายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีต ส.ส.ขอนแก่น ทำร้ายร่างกายนายธนิก มาสีพิทักษ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งมีสาเหตุมาจากแย่งพื้นที่เลือกตั้งกัน โดยต่างฝ่ายต่างอ้างว่าตัวเองมีความเหมาะสมกว่านั้น
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เผยว่า ข่าวที่ออกมาเกินเลยความเป็นจริง ตนอยู่ในเหตุการณ์ ไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือ เพียงแต่มีปากเสียงกันนิดหน่อย เป็นการตะโกนถามกันเท่านั้น
เขากล่าวว่า วันดังกล่าวยืนคุยกับนายนวัธ ที่มาสอบถามความชัดเจนเกี่ยวกับผู้สมัคร ส.ส.เขต 7 ขอนแก่น ที่นายนวัธเป็น ส.ส.เก่า แล้วนายธนิกเดินผ่านมา นายนวัธเลยตะโกนถามมายุ่งอะไรในเขต 7 ซึ่งตามภาษาผู้ชายจะเสียงดังหน่อย เลยบอกให้ใจเย็นๆ ตอนนี้คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคกำลังให้สมาชิกส่งประวัติแจ้งความประสงค์เข้ามาแล้ว จะเริ่มพิจารณาหลังวันที่ 15 ธ.ค. ที่คาดว่าจะมีการปลดล็อกทางการเมืองแล้ว จากนั้นก็ให้นายนวัธ ก็นั่งลงร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับสมาชิกคนอื่น ขณะที่นายธนิกก็เดินออกไป
อย่างไรก็ตาม นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องประชุมที่ชั้น 2 เสร็จแล้วก็เดินทางกลับต่างจังหวัดทันที เลยไม่ได้ขึ้นไปในห้องอาหารชั้น 7 ที่เกิดเหตุด้วย จึงไม่สามารถบอกรายละเอียดได้
"แต่ฟังจากเขาเล่ามาเหตุการณ์เหมือนใช้เท้าแหย่กัน ไม่ถึงขึ้นลงไม้ลงมือกันรุนแรง คุณธนิกไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย แม้จะแจ้งความกันได้ แต่ก็ได้พูดคุยกับคุณธนิกแล้วว่าขอให้ทุกอย่างจบๆ กันไป"
นายประยุทธ์กล่าวว่า นายธนิกเองก็ไม่ถือเป็นคนหน้าใหม่ที่ไหน เป็นอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ คนพื้นที่และตอนนี้ก็ยังมีบ้านพักใน อ.มัญจาคีรี ซึ่งเป็นอำเภอในเขตเลือกตั้งและการสรรหาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการวางตัวบุคคล เนื่องจากคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครของพรรคจะพิจารณาอย่างรอบด้าน จึงคิดว่าเรื่องนี้จะไม่กลายเป็นปัญหาความขัดแย้งของสมาชิกพรรค
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่ามีความขัดแย้งจริงจำนวน 10 เขตที่มีผู้ต้องการลงสมัครซ้ำกันเป็นจำนวนมาก กำลังพยายามเคลียร์ในเขตที่ยังมีความซ้ำซ้อนอยู่ โดยจะใช้โพลสำรวจความนิยมและการรับฟังความคิดเห็นในการคัดเลือกผู้สมัคร คาดว่าจะสามารถทยอยประกาศผลชัดเจนได้ในเร็วๆนี้
แค่น้อยอกน้อยใจ
"ยืนยันว่าไม่มีการใช้กำลัง เป็นเพียงการแสดงความน้อยอกน้อยใจ กรรมการยุทธศาสตร์ที่หัวหน้าพรรคเป็นประธานจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ในระหว่างนี้พรรคก็ได้ประชุมกับ กกต. ซึ่งยอมรับว่าความขัดแย้งเกิดมาจากการแบ่งเขต พื้นที่ที่เรามี ส.ส.อยู่ถูกแบ่งกระจาย การแบ่งเขตใหม่จึงเป็นปัญหาที่เราต้องเร่งแก้ไข"
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมประกาศความชัดเจนทางการเมืองร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ และควรแสดงสปิริตลาออกหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของจิตสำนึกและความนึกคิดของแต่ละท่าน คงไปตอบแทนไม่ได้ ส่วนเรื่องความเหมาะคงต้องดู ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณของรัฐ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับพรรคการเมือง เป็นนายกฯ และแคนดิเดตน ายกฯ ด้วย มีรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค
เธอยังกล่าวถึงการไม่เข้าร่วมประชุมร่วมระหว่างรัฐบาล กกต.และพรรคการเมืองในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ว่า กกต.มีหน้าที่จัดการการเลือกตั้ง กกต.เป็นองค์กรอิสระ พรรคจึงพร้อมสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับกกต.ในการจัดประชุมทุกครั้ง แต่รัฐบาลและ คสช.โดยมี ม.44 ที่ต้องการจัดการเลือกตั้ง ไม่ใช่หลักเกณฑ์ เราจะไปก็ไปตามหลักเกณฑ์ อะไรที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ไม่ทราบว่าไปแล้วจะเกิดประโยชน์อะไร
"ขอสนันสนุนให้ กกต.ใช้ความกล้าหาญ เสียสละ จัดการเลือกตั้งอย่างอิสระ และบริสุทธิ์ยุติธรรม ปลอดจากการใช้อำนาจรัฐและการซื้อเสียง" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จะลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ เพื่อช่วยสมาชิกพรรครณรงค์หาเสียงการเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งกฎหมายเขียนไว้ว่า หัวหน้าพรรคสามารถลงบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ได้
ส่วนการประชุมระหว่างแม่น้ำ 5 สาย กับพรรคการเมือง ในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าไม่เข้าร่วมประชุม เพราะไม่เห็นประโยชน์ที่จะเข้าร่วม เนื่องจากหนังสือเชิญของ คสช.ระบุว่าเป็นเพียงการรับฟังการชี้แจงแนวทางการจัดการเลือกตั้ง ไม่ใช่การร่วมหารือเพื่อกำหนดแนวทางการเลือกตั้ง ทำให้เราไม่แน่ใจว่าจะได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือไม่ เพราะหัวใจสำคัญของการเลือกตั้งนั้น ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อกำหนดอนาคตประเทศ
เขายืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่เข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐนตรีอีกสมัย เพราะไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยเรื่องขั้วอำนาจสนับสนุนใคร แต่ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน และแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ ในการบริหารงาน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การโยกย้ายฝ่ายการเมือง และการรวมศูนย์อำนาจ มีแนวทางไม่สอดคล้องกับพรรคประชาธิปัตย์
ชาติพัฒนาไปแน่
ขณะที่นายดล เหตระกูล เลขาธิการพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) เปิดเผยว่า พรรคชาติพัฒนายินดีที่จะไปร่วมการประชุม ซึ่งถือว่าเป็นการเสริมสร้างบรรยากาศของความร่วมมือกันในการเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไปที่จะมาถึงนี้ และจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมทั้งข้อเสนอแนะจากฝ่ายต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้ง การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญต่อประเทศมาก ถ้ามีความร่วมมือกันจากทุกฝ่าย ช่วยกันทำให้กระบวนการที่เกี่ยวข้องในทุกส่วนของการเลือกตั้งเป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อย สุจริต เป็นธรรม ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ว่า พรรค พปชร. จะเข้าร่วมการหารืออย่างแน่นอน ซึ่งตัวแทนของพรรคที่จะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ ดร.อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และนายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนสมาชิกพรรค เพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนข้อเสนอกับทาง คสช.และ กกต. โดยยืนยันว่าในการหารือครั้งนี้ พรรคจะไม่สร้างเงื่อนไขเพื่อต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ พรรค พปชร.ขอยืนยันจะร่วมกับพี่น้องประชาชนก้าวข้ามความขัดแย้งและสลายสีเสื้อต่างๆ เพื่อสร้างรอยยิ้ม สร้างโอกาส สร้างงาน สร้างอาชีพ ลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนนำพาประเทศไทยและคนไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนให้ได้
ส่วนที่มีบางฝ่ายระบุว่าการที่พรรคจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในบัญชีรายชื่อเพื่อเป็นนายกฯ จะเป็นการสืบทอดอำนาจนั้น กรรมการบริหารพรรค พปชร.กล่าวว่า กกต.เพิ่งจะรับรองพรรค พปชร.ได้ไม่ถึงเดือน ดังนั้นเราไม่ได้มีส่วนร่วมในการวิกฤติการเมืองในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา เมื่อรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศได้ดี มีนโยบายประชารัฐที่ทำให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ดังนั้นการที่แกนนำพรรคจะยอมรับในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติทางการเมือง และจะตีความว่าเป็นเรื่องการสืบทอดอำนาจไม่ได้ เพราะผู้ที่จะตัดสินให้พรรคไหนชนะการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ ไม่ใช่รัฐบาลชุดนี้หรือ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ฉันทามติอยู่ที่คนไทยทุกคนที่มีสิทธิลงคะแนน และเมื่อถึงวันเลือกตั้งจะเป็นตัวตัดสินพรรคการเมืองต่างๆ
วันเดียวกันนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร พร้อมด้วยแกนนำพรรคพลังประชารัฐ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จากหลายจังหวัด ได้ร่วมกันเปิดสำนักงานพรรคพลังประชารัฐประจำจังหวัดพิจิตร โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า การเลือกตั้งในเร็ววันนี้ เชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อบริหารประเทศอีกครั้งด้วยคะแนนเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ทั้ง 250 คน รวมถึงมั่นใจอีกว่าผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐจะได้ไม่น้อยกว่า 125 เสียง หรืออาจจะได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายก็ได้
ชู"บิ๊กตู่"เหยียบ"แม้ว"
เขากล่าวว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เกิดความปรองดองสามัคคี อีกทั้งมีการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้จากราคาข้าวเปลือก ราคาอ้อย รวมถึงสินค้าภาคการเกษตรอีกหลายรายการที่มีการปรับราคาสูงขึ้น และเรื่องบัตรสวัสดิการของรัฐในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย รวมถึงเบี้ยผู้สูงอายุ ฯลฯ ก็มีการช่วยเหลือเพิ่มขึ้น จึงเป็นเหตุผลว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้รับคะแนนนิยมจากประชาชน จนส่งผลให้ได้เป็นผู้นำและเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมานโยบายของนายทักษิณ ชินวัตร ส่วนใหญ่จะให้กู้จนเวลานี้ชาวบ้านเริ่มเป็นหนี้สะสมในกองทุนหมู่บ้าน จนอยากให้รัฐผ่อนผันด้วยการพักชำระหนี้ แต่พรรคพลังประชารัฐมีแนวคิดสร้างอาชีพเสริมเพื่อประชาชน จะได้มีเงินไปใช้หนี้ โดยเรื่องนี้พรรคพลังประชารัฐกำลังรวบรวมความเห็นของพี่น้องไปทำนโยบาย เราแตกต่างและเราต้องทำให้สำเร็จ
"เวลานี้มีการกล่าวให้ร้ายเพื่อให้ตัวเองได้คะแนนเสียงไปจัดตั้งรัฐบาลและประชาชน คงเห็นว่าการหาเสียงเมื่อ 2 ครั้งที่ผ่านมา มีคนพูดจะเอาคุณทักษิณ กลับบ้าน ซึ่งก็ยังไม่สามารถจะทำได้ เมื่อมีการพยายาม ความขัดแย้งก็จะเกิดขึ้นในบ้านเมือง อย่างเช่นในสมัยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เคยจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม จึงเกิดการประท้วงของกลุ่ม กปปส. จนท้ายสุดลุงตู่ต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ และถ้าไม่เข้ามาในวันนั้น ประเทศเราจะเป็นอย่างไร และเมื่อลุงตู่เข้ามา ก็มาทำสำเร็จในเรื่องความสงบเรียบร้อย และปัจจุบันก็มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ช่วยเหลือประชาชนอีกด้วย"
นายสมศักดิ์ยังกล่าวอีกว่า จากประสบการณ์ทางการเมืองเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์มีโอกาสง่ายกว่าคนอื่นที่จะเป็นนายกฯ อีกสมัย เพราะ คสช.มีอำนาจในการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิภา (ส.ว.) ตามรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดในบทเฉพาะกาล และ ส.ว.เป็นผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกนายกฯ ร่วมกับ ส.ส.
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกคณะกรรมการรณรงค์การหาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ชาวบ้านฝากขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พี่น้องคนยากคนจนได้ประโยชน์มาก และล่าสุด ครม.อนุมัติเพิ่มค่าตอบแทนอสม.จาก 600 บาท เป็น 1,000 บาท เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับ อสม.ในการช่วยเหลือชาวบ้านอย่างมาก
ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ในฐานะประธานคณะทำงานรณรงค์เชิญชวนประชาชนสมัครสมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) พร้อมด้วยนายประสาร มฤคพิทักษ์, นายสำราญ รอดเพชร, นายอุทัย ยอดมณี, นายสุริยะใส กตะศิลา เดินทางไปกราบ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ (หลวงปู่พุทธะอิสระ) ที่บริเวณโรงเจหอคุณธรรมฟ้า วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) เพื่อร่วมงานอัญเชิญองค์พระมหาพุทธพิมพ์ "ปกเกล้า ปกแผ่นดิน" ขึ้นประดิษฐานบุษบกโลหะ
กำนันศิษย์หลวงปู่
โดยเมื่อเดินทางไปถึง นายสุวิทย์ที่การเดินยังไม่ปกติ ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน พานายสุเทพชมบริเวณโดยรอบมูลนิธิฯ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทั้ง 2 คน
ทั้งนี้ นายสุเทพให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางมาร่วมงานว่า ตนเป็นลูกศิษย์หลวงปู่พุทธะอิสระ และในชีวิตได้ร่วมทำงานเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดินกับหลวงปู่ วันนี้หลวงปู่มีงานพิเศษ คือ งานอัญเชิญองค์พระมหาพุทธพิมพ์ "ปกเกล้า ปกแผ่นดิน" ขึ้นประดิษฐานบุษบกโลหะ พอทราบเรื่องจึงได้มาร่วมงาน และร่วมทำบุญด้วยเป็นธรรมดา แต่บังเอิญว่าเวลานี้ไปไหนก็ไปคารวะแผ่นดิน คารวะประชาชน วันนี้เลยถือโอกาสมาคารวะประชาชนที่วัดอ้อน้อยด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในงานดังกล่าวเดิมที่กำหนดการว่านายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะเดินทางมาร่วมงาน แต่ปรากฏว่าได้แจ้งทางวัดมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ว่าไม่สามารถมาร่วมงานได้
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า หลังสำนักงานได้มีประกาศการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.แล้ว และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม จึงได้รับสมัครบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง หรือ ผอ.กต.เขต โดยจะมีเขตเลือกตั้งละ 1 คน และคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง หรือ กกต.เขต ซึ่งจะมีเขตเลือกตั้งละ 3 คน ประจำจังหวัดทุกจังหวัดและ กทม. ซึ่งกำลังมีการเปิดรับสมัครในช่วงวันที่ 3-7 ธ.ค.นี้
ส่วนขั้นตอนการสรรหา ผอ.เลือกตั้งประจำจังหวัด จะพิจารณาคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามและมีความเหมาะสมจำนวน 2 เท่า คือผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง จำนวน 2 คน และคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง จำนวน 6 คน เพื่อส่งให้ กกต.กลางคัดเลือกบุคคลที่เห็นสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็น ผอ.กต.เขต และ กกต.เขต ภายในช่วงสิ้นเดือน ธ.ค. โดยคาดว่าจะมีคำสั่งแต่งตั้งได้ภายในช่วงต้นเดือน ม.ค.2562
สำหรับผู้ประสงค์จะสมัครต้องยื่นใบสมัครด้วยตนเองต่อ ผอ.เลือกตั้งประจำจังหวัด พร้อมเอกสารหลักฐานการสมัคร ประกอบด้วย ใบสมัคร รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 2 นิ้ว โดยการเกิด มีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี มีภูมิลำเนาในจังหวัดนั้น และจะต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม คือ ติดยาเสพติดให้โทษ เป็นบุคคลล้มละลาย หรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต เป็นต้น โดยสามารถดาวน์โหลดใบสมัครและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ect.go.th
นอกจากนี้ ยังมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ และนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ เป็นกรรมการการเลือกตั้งแล้ว ประกาศ ณ วันที่ 4 ธันวาคม.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |