ต่อสาย 'ปชป.' ร่วมรัฐบาล ดิสเครดิต-เช็กอาการ 'มาร์ค'?


เพิ่มเพื่อน    

       กรณีรายงานข่าวว่า พี่ใหญ่แห่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (รมว.กห.) ยกหูโทรหา “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัน ศรีอ่อน อดีต ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีตเลขาธิการพรรค เพื่อเจรจาให้นำพรรค ปชป.ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยมีเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอเป็นของสมนาคุณนั้น มองได้หลายแง่

                แง่หนึ่งคือ การดิสเครดิต “บิ๊กป้อม” และพรรค พปชร. ซึ่งสองส่วนนี้เกี่ยวข้องอย่างปฏิเสธไม่ได้ แม้ทั้งหมดที่เป็นองคาพยพจะพยายามทำตัวว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่ความจริงต่างรู้ดีแก่ใจว่าคือเนื้อเดียวกัน รัฐบาลคือ พปชร.  พปชร.คือรัฐบาล โดยเฉพาะกับการที่แกนนำ พปชร.ใช้นโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปหาเสียงกับชาวบ้าน โดยที่รัฐบาลก็ไม่ได้ออกมาโต้แย้งแต่อย่างใด

                หากมีการเจรจาจริงย่อมหมายความว่า พี่ใหญ่ คสช.คงเห็นท่าไม่ดีและเกร็งถึงผลการเลือกตั้งแล้วว่า พปชร.จะเป็นไปตามที่หลายพรรควิเคราะห์ว่าจะได้ ส.ส.มากเป็นอันดับสาม รองจากพรรคเพื่อไทยและพรรค ปชป. ตามลำดับ แต่ใช่ว่ามาเป็นอันดับสามแล้วจะไม่ได้เป็นรัฐบาลต่อ เพราะอย่าลืมว่ายังมีพรรคสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 250 คน รอยกมือโหวตให้ พปชร.ในสภาอยู่แล้ว แต่อย่าลืมว่า เมื่อภารกิจเสร็จ บรรดา ส.ว.เหล่านี้ต้องอยู่ในที่ของตนคือ วุฒิสภา

                หรือหมายความว่า ส.ว.จะไม่สามารถเข้ามาเกี่ยวข้องกับงานสภาผู้แทนราษฎรได้อีก ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นจะเป็นเวลานรกของ พปชร. คิดจะออกกฎหมายเสียหนึ่งฉบับก็คงยาก เพราะจะถูกตรวจสอบจากทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรค ปชป. จนเกิดเดดล็อกในสภาผู้แทนราษฎร แม้จะมีพรรคขนาดกลางที่ทำตัวเป็นตัวแปรคอยเคียงข้าง รัฐบาลก็จะรับมือไม่ไหวแน่นอน

                อย่างไรก็ตาม ในอีกแง่ ข่าวที่เกิดขึ้นราวกับจะเป็นการเช็กอาการและวัดท่าทีของ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ว่ายังยืนยันในจุดเดิมหรือไม่ มากน้อยเพียงใด ซึ่งเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็ออกมาทันควัน โดยืนยันว่าการเมืองมี 3 ขั้ว คือ พปชร. ปชป. และเพื่อไทย ซึ่งทั้ง 3 ขั้วแนวทางแตกต่างกันชัดเจน จึงต้องให้ประชาชนพิจารณาก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน

                นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ยังให้สัมภาษณ์ชัดว่า “ปชป.จะไม่เข้าร่วมกับพรรค พปชร. เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย เพราะไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยเรื่องขั้วอำนาจสนับสนุนใคร แต่ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน อีกทั้งแนวทางของพรรค พปชร. ในการบริหารงาน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การโยกย้ายฝ่ายการเมือง และการรวมศูนย์อำนาจ มีแนวทางไม่สอดคล้องกับ ปชป.”

                เท่ากับใครที่รับดีล รับงานมา เป็นอันวงแตก เพราะ  “หัวหน้าค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม” ยังมีท่าทีที่แข็งกร้าว ไม่สยบยอมเป็นตัวแปรให้กับ พปชร. หรือถึงแม้ใจคิดจะถอยหรืออยากจับมือกับ พปชร.จริง หรือมีการติดต่อเจรจากันจริง ก็ต้องเก็บอาการ เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นช่องให้พรรคการเมืองอื่นหยิบขึ้นไปร้องยุบพรรคได้ ฐาน ปชป.ฮั้วกับ พปชร.

                แต่กระนั้นหากผลการเลือกตั้งออกมา ก็เป็นอีกเกมหนึ่ง หากประชาธิปัตย์มีคะแนนเป็นที่สาม น่าคิดว่าจุดยืนของ “เดอะมาร์ค” จะเป็นอย่างไร

                มีการวิเคราะห์ว่า หาก “อภิสิทธิ์” นำทัพและได้รับความพ่ายแพ้กลับมา สมาชิกพรรคเลือดผสม ฟ้า-เขียว จะกลับมาทำงานอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายขย่มให้ลาออกจากการเป็นแม่ทัพ อุดมการณ์ที่ “มาร์ค” เคยประกาศไว้ก่อนเลือกตั้งก็จะถูกปลดปล่อย

                เมื่อถึงวันนั้นต้องคอยจับตาว่าจุดยืนและคำพูดของนายอภิสิทธิ์ จะยังมีน้ำหนักจน ส.ส.เคารพอีกหรือไม่ หากไร้ความหมาย มีความเป็นไปได้สูงที่เหล่า ส.ส.ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผมจะยกมือโหวตให้กับ พปชร. แต่อย่าลืมว่าไม่ใช่ ส.ส.ทุกคนของพรรคพร้อมจะเทคะแนนให้ เพราะหากเป็นคนเจ็บแล้วจำ ก็คงจำได้ว่า พปชร.ทำอะไรไว้บ้าง โดยเฉพาะการดูดขาแขนไปเป็นของตัวเอง

                อ้อ..เมื่อวันนั้นมาถึง คงได้เห็นบทบาทผู้ใหญ่ในพรรคช่วยกู้สถานการณ์.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"