‘ณัฐวอด’ตีปี๊บ ‘DSI’หยุดสอบ ไร้ผิดสลายแดง


เพิ่มเพื่อน    

  เผาเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง "ณัฐวุฒิ" ปูดดีเอสไอส่อยุติกระบวนการสอบสวนคดีสลายชุมนุมปี 53 ส่งเรื่องถึงอัยการอ้างไม่พบผู้กระทำผิด เผย 5 ก.พ.บุกยื่นอัยการสูงสุด จี้ทำความเห็นกลับไปยังดีเอสไอให้สอบเพิ่มเติมจนถึงตัวผู้ต้องหา 

    เมื่อวันที่ 3 ก.พ. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)  กล่าวว่า แม้แต่ผู้มีอำนาจก็ยังยอมรับว่ารัฐบาลอยู่ในช่วงขาลง ดังนั้นสิ่งที่ต้องเร่งทำให้ชัดในสถานการณ์แบบนี้ คือการสร้างความเชื่อมั่น ทั้งเรื่องแก้ไขปัญหาปากท้อง การสร้างความปรองดอง เดินหน้าตามโรดแมป และที่สำคัญคือการยึดหลักนิติธรรมในการบังคับใช้กฎหมาย แต่เท่าที่เห็น ดูเหมือนรัฐบาลกลับทำตรงกันข้าม โดยเฉพาะการใช้อำนาจที่นับวันจะยิ่งท้าทายความรู้สึกของประชาชน ล่าสุดได้รับข้อมูลว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอจะยุติกระบวนการสอบสวนคดีผู้เสียชีวิตจากเหตุสลายการชุมนุมปี 2553 ที่คั่งค้างอยู่ทั้งหมด โดยส่งเรื่องไปถึงอัยการว่าไม่พบผู้กระทำความผิด ซึ่งจะส่งผลให้การค้นหาความจริงและทวงถามความยุติธรรมเรื่องนี้ที่ยากเย็นอยู่แล้ว ยิ่งหนักหนาสาหัสขึ้นไปอีก คำถามคือดีเอสไอดำเนินการเช่นนี้จริงหรือไม่ มีสัญญาณลึกลับใดๆ ชักใยสั่งการหรือเปล่า
    เขากล่าวว่า วันจันทร์ที่ 5 ก.พ. ฝ่ายกฎหมายและญาติผู้เสียชีวิตจะเดินทางไปพบอัยการสูงสุดเพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้ทำความเห็นกลับไปยังดีเอสไอเพื่อให้มีการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมจนถึงตัวผู้ต้องหาแต่ละกรณี     
    "อย่ายินยอมให้มีการฆาตกรรมความยุติธรรม เหยียบย่ำวิญญาณคนตาย เพราะแม้จะอ้างว่าหลายศพที่เสียชีวิตระบุคนทำผิดไม่ได้ แต่กว่า 20 รายที่ศาลชี้ชัดว่าเป็นกระสุนจากฝั่งเจ้าหน้าที่ คดีจะหายไปดื้อๆ ได้อย่างไร" 
    นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้มีการไต่สวนสาเหตุการตายอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าหลังการยึดอำนาจ กระบวนการนี้ซึ่งยังค้างอยู่อีกหลายสิบรายกลับหยุดไปเฉยๆ ไม่ว่าสถานการณ์การเมืองจะเป็นอย่างไร ตนไม่เคยละสายตาจากเรื่องนี้ เมื่อพบความไม่ชอบมาพากลก็ยอมรับไม่ได้ ใครก็ตามหากหลับหูหลับตารับใช้ผู้มีอำนาจ กรุณาลืมตาขึ้นดูบ้างว่าอำนาจแบบนี้จะอยู่ยงคงกระพันตลอดกาลได้หรือไม่
    แกนนำเสื้อแเดงรายนี้ยังกล่าวว่า ยังมีกรณีที่ค้างอยู่ใน ป.ป.ช. ซึ่งเราไปติดตามแล้วหลายรอบ วันนี้ล่วงเข้าสัปดาห์ที่ 4 แล้ว ที่บอกว่าหนังสือจะถึงประธาน ป.ป.ช. แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เห็นข่าวว่ากำลังจะขยันเพิ่มวันประชุม แล้วเรื่องคนตายเป็นร้อยท่านเอาไปไว้ไหน เรื่องนี้เป็นหลักเดียวกับกรณี ร.ต.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เรียกร้องให้ ป.ป.ช.เอาผิด พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต โดยอ้างว่ามีหลักฐานใหม่ ป.ป.ช.จำเป็นต้องมีคำตอบ ซึ่งสัปดาห์หน้าจะติดตามเรื่องนี้ที่ ป.ป.ช.อีกครั้ง 
    ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า การที่เจ้าพนักงานกรมบังคับคดีได้ทำการยึดบ้านของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแล้วจะทำให้นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี และนายศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชาย ต้องจ่ายค่าเช่า และต่อมาระบุว่าอยู่ได้ แต่ต้องขออนุญาตก่อนนั้น ว่าการออกมาให้ความเห็นดังกล่าวต้องมีความระมัดระวัง ทั้งในแง่ของความถูกต้องตามกฎหมาย และในแง่ของคุณธรรม 
    ในส่วนของกฎหมายนั้น การยึดทรัพย์สินเพื่อนำไปขายทอดตลาดชำระค่าเสียหายนั้น ถือเป็นมาตรการบังคับทางปกครองอย่างหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง แม้จะให้นำวิธีการยึดและการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง กรณีการยึดทรัพย์ตามคำพิพากษาของศาลมาใช้บังคับโดยอนุโลมก็ตาม
    แต่การยึดทรัพย์กรณีนี้ก็มิใช่การยึดทรัพย์โดยคำพิพากษาของศาล เพราะในที่สุดแล้วต้องรอให้ศาลมีคำพิพากษาว่าอดีตนายกฯ ต้องรับผิดชดใช้หรือไม่อย่างไรด้วย จึงมิใช่เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจากลูกหนี้มาเป็นของเจ้าหนี้ หรือของเจ้าพนักงานบังคับคดีแบบยึดทรัพย์ลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อขายทอดตลาดแบบทั่วไป โดยเฉพาะกรณีบ้านของ น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ยังถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของเดิมอยู่ เพียงแต่เจ้าของมีข้อจำกัดห้ามจำหน่ายจ่ายโอนหรือก่อภาระผูกพันใดๆ ในอสังหาริมทรัพย์ 
    "หลักกรรมสิทธิ์ในส่วนที่จะใช้บ้านเป็นที่อยู่อาศัยนั้น ไม่มีกฎหมายห้ามแต่อย่างใด เว้นแต่เมื่อมีการขายทอดตลาดบ้านนั้นได้แล้ว เจ้าของเดิมจึงจะหมดสิทธิ์ที่จะอยู่อาศัยในบ้านอีกต่อไป ระหว่างนี้ทั้งสามีและบุตรชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์สามารถอาศัยอยู่ในบ้านดังกล่าวได้โดยไม่ต้องเสียค่าเช่าใดๆ"
        นายชูศักดิ์กล่าวว่า ส่วนในแง่คุณธรรมนั้น เห็นว่าควรพิจารณาให้มากว่าการพูดอะไรออกไป ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของผู้เกี่ยวข้อง ควรต้องระมัดระวังให้มาก ไม่ควรพูดอะไรที่หมิ่นเหม่แบบคลุมๆ ทั้งที่เรื่องดังกล่าวไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องแน่นอนตามกฎหมาย
    ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า  ปัญหาสำคัญในเรื่องนี้คือ ในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยไปยึดทรัพย์โดยอาศัยคำสั่งทางปกครองแล้วเอามาขายทอดตลาดโดยทันที เนื่องจากยังมีคดีหลักอยู่ว่าลูกหนี้ต้องรับผิดหรือไม่อย่างไร ยังไม่มีคำพิพากษาว่าลูกหนี้ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแค่ไหนเพียงไร เพราะลูกหนี้เขาโต้แย้งต่อสู้คดีอยู่ ทางปฏิบัติที่ผ่านมาจึงรอให้มีคำพิพากษาเสียก่อน หากไปยึดทรัพย์ขายทอดตลาดทันทีเลย หากต่อมาศาลบอกว่าลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดจะเกิดความเสียหาย เพราะมีการขายทอดตลาดทรัพย์สินไปแล้ว แต่รายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีคำสั่งทางปกครองและยึดทรัพย์ทันที แถมยังใช้มาตรา 44 ยกเว้นความรับผิดของเจ้าหน้าที่เข้าไปอีก กรณีนี้จึงพูดได้ว่าผิดปกติ.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"