'กฎหมายไม่ใช่เครื่องมือโจร'


เพิ่มเพื่อน    

    วันนี้ ต้องชม สนช.กันหน่อย
    หมู่นี้ "ชำระกฎหมาย" ตอบโจทย์ประเทศได้ "ถูกใจชาวบ้าน" หลายฉบับ
    เช่น การแก้ไข พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ที่เรียก "กฎหมายกัญชา"
    "กัญชา" ถูกตีตราเป็น "ยาเสพติด" ชนิดต้องห้ามเด็ดขาดมาแสนนาน
    วันนี้ สนช.โดย "คุณสมชาย แสวงการ"
    เป็นหัวแรง คลายล็อก จากยาเสพติด "ต้องห้าม" เด็ดขาด ให้ขึ้นมาอยู่ในสถานะ
    กัญชาคือ "ทองคำเขียว" รำไรแล้ว!
    รอการศึกษาวิจัยทางยาถลุง จากพืชกัญชาสู่ความเป็นทองคำเขียวให้มันเป็นหลัก-เป็นฐานมากกว่านี้อีกซักหน่อยเท่านั้น
    แต่ผมว่า ในทางปฏิบัติ น่าแยกเป็น ๒ ทาง 
    ศึกษาวิจัยสารสกัดใช้ทางการแพทย์ อันเป็นวิทยาการสากล ก็ให้ "องค์การเภสัชฯ" ว่าไป
    แต่ในทางภูมิปัญญาชาวบ้าน ว่าด้วย "น้ำมันกัญชา" ที่หลายกูรูกัญชาไทยทำกันใต้ดิน-บนดิน นั้น
    ทางคณะกรรมการกัญชาที่มีคุณหมอโสภณ เมฆธน เป็นประธาน
    น่าจะมอบให้ใครซักคน "ศาสตราจารย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา" กับเลขาฯ ป.ป.ส.นั่นแหละ 
    "เหมาะสุด"!  
    เป็นหัวแรง เชิญ "กูรูกัญชา" ที่ทำน้ำมันกัญชากันอยู่ใต้ดิน ขึ้นมาบนดิน
    ให้มาร่วมกันศึกษาวิจัยต่อยอด แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ทาง "น้ำมันกัญชา"
    เป็นองค์ความรู้ต่อยอด เป็นสูตร ขึ้นทะเบียนทั้งคน-ทั้งตำรับน้ำมันกัญชา "ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย" ให้เป็นเรื่อง-เป็นราว
    ก็จะเป็น "อีกทางออก" ที่มากค่า
    คือ คนละส่วนกับที่ขึ้น "ทะเบียนยา" อย.ว่าด้วยสารสกัดเป็นส่วนประกอบ  
    ซึ่งนั่นต้องผ่านขั้นตอนที่มีกรอบ "กฎหมายระหว่างประเทศ" ร้อยรัดอยู่
    ที่สำคัญ เรื่องกัญชานี่ คนทั่วไปยังไม่เข้าใจด้าน "กติกาโลก" อยู่พอสมควร
    ส่วนใหญ่เข้าใจว่า ก็บ้านเรา กัญชาเรา ปลูกในบ้านเรา ที่มันกลายเป็นยาเสพติด "เพราะกฎหมาย" เขียนให้เป็น
    เมื่อรู้คุณ-รู้โทษ-รู้ประโยชน์แล้ว.......
    ก็ไปแก้กฎหมายให้ "กระท่อม-กัญชง-กัญชา" เป็นพืชสมุนไพร ไม่ใช่ยาเสพติด ก็หมดเรื่อง 
    ง่ายๆ แค่นี้ ทำไมต้องทำให้มันยาก ก็ไม่เข้าใจ?
    ก็ควรอธิบายให้เข้าใจกันว่า...ก็ใช่ ควรเป็นอย่างนั้น แต่ทีนี้ ประเด็นมีอยู่ว่า
    เราเป็นประเทศ "สมาชิกสหประชาชาติ" มีกฎหมายระหว่างประเทศ อย่างน้อย ๓ ฉบับ ที่ต้องยึดปฏิบัติ 
    อนุสัญญาว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ, อนุสัญญาว่าด้วยวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท
    และอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท
    ถึงมีช่องให้นำ "สารสกัดกัญชา" มาใช้ทางการแพทย์ได้ 
    แต่เขาก็วางกรอบกฎให้เดินตามขั้นตอน แต่ "มัดมือ-มัดเท้า" ไว้หลายเปลาะ
    ร่างแก้ไขกฎหมายกัญชาชั่วคราว ที่ผ่าน สนช.วาระแรกไปแล้ว ก็นั่นแหละ เต็มที่ ได้แค่นั้น 
    จะตึงตัง-โครมคราม ทุบยอดบ้องไปเลยว่า พืชมีฤทธิ์เหมือนฝิ่นและโคคา คือกัญชาบ้านเรา 
    ไม่เป็นยาเสพติดแล้ว.........
    เป็นพืชสมุนไพร ปลูกได้ เสพได้ โดยเสรี 
    อย่างนั้น จะทำ ก็ทำได้
    แต่ "ขัดกฎหมาย" ระหว่างประเทศ มันจะยุ่งใหญ่!
    เนี่ย ก็ต้องเข้าใจ เราอยู่ร่วมสังคมโลก "ตามอำเภอใจ" ได้แค่นั้นก่อน ก็ดีแล้ว 
    จะพรืดเดียวจากอำเภอถึงจังหวัด มันเร็วไป อนุโลมตามกรอบกติกาโลกไปก่อน ยังต้องเป็นยาเสพติดอยู่ 
    เมื่อยกขึ้นสู่กระบวนการวิทยาการทางศึกษาวิจัย เพื่อนำสารสกัดไปใช้ทางการแพทย์ ก็ต้องควบคุม 
    ทั้งปลูก ทั้งจำนวน ทั้งพื้นที่ ทั้งการออกใบอนุญาต ต่างๆ นานา
    แต่ทางเป็นจริง "อีกด้าน".........
    ด้วยวิทยาการความรู้แพทย์แผนไทย เรามีตำรับยาใช้กัญชาเป็นส่วนประกอบ โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มาแล้วเป็นร้อยปี
    ฉะนั้น ในส่วนตำรับไทย ก็ควรถือโอกาสใช้ช่องทางนี้ "ยกระดับ" ปราชญ์กัญชา "จากใต้ดิน" ขึ้นมาบนโต๊ะ
    อย่างน้อย "น้ำมันกัญชา" ตำรับไทย 
    ไทยทำ-ไทยคิดค้น รูปลักษณ์ "แพทย์แผนไทย" เป็นทางเลือกของไทยเราเอง ก็น่าทำ 
    และน่าส่งเสริม เพราะนี่แหละ "ปัญญาประดิษฐ์" นวัตกรรม ๔.๐ โดยแท้
    ท่านนายกฯ ประยุทธ์ ช่วยต่อยอด ให้ ป.ป.ส.และคุณหมอธีระวัฒน์ ช่วยวินิจฉัยประเด็นนี้ด้วย ก็จะดี
    ช่วยกันสร้าง "นวัตกรรมกัญชา" ภูมิปัญญาไทยซักตำรับเถอะ 
    "มูลค่าเพิ่ม" จะมหาศาลกับประเทศทุกด้าน!
    อันที่จริง .........
    วันนี้จะคุยที่ สนช.ผ่านร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 
    ผ่านวาระ ๒-๓ "เป็นกฎหมาย" รอประกาศใช้ไปแล้วแท้ๆ 
    แต่ไหง ไพล่ไปเรื่องกัญชาก็ไม่รู้?
    ต้องชื่นชมเจ้าของร่างกฎหมายฉบับนี้ ขอประกาศนามเพื่อการสรรเสริญ คือ สนช. "มหรรณพ เดชวิทักษ์"
    คงจำกันได้ สนช.ผ่านกฎหมายตรงใจประชาชนไปแล้วหลายฉบับ
    เช่น ต่อไปนี้ พวกต้องคดีอาญาการเมืองที่หนีการพิจารณาของศาล คดี "ไม่มีอายุความ" ก็ดี 
    จำเลยหนีศาล ศาลจะสืบพยานลับหลังและตัดสินคดีได้ ก็ดี 
    จะอุทธรณ์ เจ้าตัวต้องมายื่นอุทธรณ์เอง ก็ดี
    และเมื่อวาน (๔ ธ.ค.๖๑) อย่างที่บอก
    สนช.ผ่านร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จำนวน ๕ มาตรา ไปอีกฉบับ
    ต้องบอกว่า แบบนี้แหละถึงจะเรียก "ยุติโดยธรรม" แก่ทุกฝ่าย
    กฎหมายฉบับนี้ สาระสำคัญที่ต้องพูด ต้องให้รู้ทั่วกัน มันเป็นยังไง?    
    มันเป็นอย่างนี้........
    ในมาตรา ๔ เพิ่มเติมวรรคสามของมาตรา ๑๑๗ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ.๒๕๔๗ 
     "ให้อำนาจเจ้าพนักงานศาล สามารถจับผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ศาลสั่งปล่อยตัวชั่วคราว กรณีที่มีเหตุจำเป็น โดยไม่ต้องรอตำรวจหรือพนักงานฝ่ายปกครองดำเนินการ"
    ที่น่าสนใจที่สุดจะเป็น......
    มาตรา ๕ เพิ่มความในมาตรา ๑๖๑/๑ ซึ่งในชั้นกรรมาธิการ เพิ่มความขึ้น ว่า 
    กรณีที่ศาลพบการฟ้องคดีโดยไม่สุจริตหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อกลั่นแกล้ง หรือเอาเปรียบผู้ถูกฟ้อง โดยมุ่งหวังประโยชน์ที่ไม่ชอบ 
    กำหนดให้ศาลยกฟ้อง 
    และห้ามบุคคลยื่นฟ้องในเรื่องเดียวกัน 
    วรรคสองของมาตราดังกล่าว ระบุพฤติกรรมที่หมายถึงการฟ้องคดีไม่สุจริต คือ 
    กรณีที่โจทก์จงใจฝ่าฝืนคำสั่ง หรือคำพิพากษาของศาลในคดีอาญาอื่น ซึ่งถึงที่สุดแล้ว โดยปราศจากเหตุผลสมควร
    ซึ่งในบทบัญญัติดังกล่าว
    ตรงนี้ "นายสุรสิทธิ์ แสงวิโรจน์พัฒน์" เลขานุการคณะกรรมาธิการ ในฐานะตัวแทนศาลยุติธรรม 
    แปลงภาษากฎหมาย เป็นภาษาชาวบ้าน ให้ที่ประชุมฟัง ว่า
    พฤติกรรมที่หมายถึงการ "ฟ้องคดีไม่สุจริต" ซึ่งได้เพิ่มเติมขึ้นใหม่ ในส่วนของผู้ที่ละเมิดอำนาจศาล 
    หมายถึงการ "ไม่ยอมรับ" คำพิพากษาซึ่งถึงที่สุด โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร นั้น 
    "หมายถึงการหลบหนีการรับโทษตามคำพิพากษาทั้ง คำตัดสินให้จำคุกหรือชำระค่าปรับ แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตาม" เช่น หลบหนีไป.......
    บุคคลผู้นั้น จะถูก "ตัดสิทธิ" ไม่ให้ฟ้องคดีอาญาต่อศาลได้อีก 
    เพราะกฎหมาย "ไม่ควรให้สิทธิ" ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา 
    นายมหรรณพ เจ้าของร่างแก้ไขฉบับนี้ อธิบายให้แจ้งยิ่งขึ้น ว่า
    "กรณีโจทก์หลบหนีคดีไปต่างประเทศ จะไม่มีสิทธิมายื่นฟ้องพร่ำเพรื่อในคดีอาญาใดๆ ได้อีก 
    แม้ยื่นฟ้องมา ศาลก็ไม่รับฟ้อง เพราะถือว่าบุคคลใดที่ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม ย่อมไม่ได้สิทธิได้รับความคุ้มครองจากกระบวนการยุติธรรมเช่นกัน“
    เพราะอย่างนี้ ผมถึงว่า การแก้ไขกฎหมายให้เป็นเช่นนี้ "ยุติโดยธรรม" ของแท้
    ยกตัวอย่างให้เห็นชัด อย่าง "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" และอีกหลายคนที่หนีคำตัดสินศาลไปอยู่นอกประเทศ
    ตัวหนีอยู่นอก ด้วยไม่ยอมรับอำนาจศาล ไม่เคารพคำตัดสินศาล
    แต่กลับมอบอำนาจให้ทนายเป็นตัวแทนเที่ยวฟ้องคนนั้น-คนนี้ โดยใช้อำนาจศาลไปจัดการคนอื่นให้ตน
    ต่อไปนี้ "ทำไม่ได้" แล้ว
    อยากฟ้อง ต้องกลับเข้ามาฟ้องเอง
    ตัวเองต้อง "เข้าคุก" เองก่อนด้วย!
    พวก "ฝ่ายประชาธิปไตย" คงโวยกันอีกกระมัง ว่าออกกฎหมายถลกหนังสัมภเวสีขี้เรื้อน?


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"