4 ธ.ค.61-  ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) น.ส.เฌอปราง อารีย์กุล หรือ เฌอปราง BNK48 กลุ่มไอดอลสาวชื่อดังพร้อมด้วย นายจิรัฐ บวรวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท BNK48 จำกัด และทนายความ นำหลักฐานเป็นโพสต์ข้อความและภาพตัดต่อที่เพจ “Sexy BNK48 by เจ็ดแมงดา” ลงรูปภาพไอดอลสาว พร้อมระบุข้อความว่า “เชี่ย จากIG STORY มีรีโมทอะไรอยู่ข้างหลังเฌอวะนั่น” ซึ่งมีผู้แสดงความเห็นกว่า 4 พันครั้ง และแชร์ส่งต่อกว่า 3 พันครั้ง เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.กก.3 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความเอาผิดกับแอดมินเพจดังกล่าวหลังมีการนำภาพจากบัญชีอินสตาแกรมไปตัดต่อใส่ของเล่นเซ็กส์ทอย ไว้ภายในห้องพักจนทำให้เกิดความเข้าใจผิด สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ศิลปิน

โดยเฌอปราง กล่าาว่า ตนเพิ่งจะทราบเหตุดังกล่าวเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีแฟนคลับแจ้งเข้ามาในเพจ ยอมรับว่าที่ผ่านมา ได้มีผู้ก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งสมาชิกในวงรายอื่นก็มีภาพถูกตัดต่อด้วยเช่นกัน แต่ครั้งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว จึงต้องออกมารักษาสิทธิความเป็นส่วนตัว ด้วยการแจ้งความเอาผิดผู้ก่อเหตุในวันนี้

“ขอบคุณแฟนๆ ที่แจ้งเหตุและเข้ามาเป็นกำลังใจให้ ต่อจากนี้ฝากให้ตำรวจเป็นผู้จัดการต่อไป ส่วนผู้ที่ก่อเหตุนั้น ฝากไปว่า การกระทำส่อถึงความสำนึก” เฌอปรางกล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ยังมีการแสดงความคิดเห็นท้าทายจากเพจดังกล่าว ทางต้นสังกัดก็จะเร่งรัดดำเนินการเอาผิดต่อไป ส่วนสมาชิกวงรายอื่นที่ถูกตัดต่อภาพนั้น บางรายยังเป็นเยาวชน แต่ยืนยันว่าจะมีการแจ้งความเอาผิดด้วย 

“ยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้นนั้น ไม่มีผลกระทบต่อการงานตนแต่อย่างใด เป็นแค่เรื่องที่กระทบกับบริษัทและตัวเฌอเองเท่านั้น” ไอดอลสาวกล่าว

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้น จากการตรวจสอบพบว่าโพสต์ต้นทางได้ถูกลบไปแล้ว แต่ยังมีร่องรอยสามารถติดตามตัวคนร้ายได้ ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวของแอดมินเพจ เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 16 “นําภาพตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงเข้าสู่ระบบ โดยประการที่น่าจะทําให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง” มีโทษจําคุกไม่เกิน 3ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท นอกจากนี้ยังอาจจะเข้าข่ายความผิดอื่นคือ ม.14(4) นำเข้าข้อมูลลามกสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ฝากเตือนไปยังผู้ที่แชร์ หรือแสดงความคิดเห็นอย่างเสียๆ หายๆ ว่าจะเข้าข่ายความผิด ม.14(5) มีอัตราโทษเทียบเท่ากับผู้โพสต์ต้นทาง คือ ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และจำคุกไม่เกิน 5 ปี.