ดูเหมือนว่าเรื่องของ ความรวย-ความจน หรือ คนรวย-คนจน นั้น...อาจเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่คงต้อง มองข้ามช็อต ไปถึงช่วงหลังการเลือกตั้ง หรือช่วงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่โน่นเลย ไม่ว่าใครแพ้-ใครชนะ ใครจะแลนด์สไลด์ จะแอฝะลานช์ หรือจะขี่พายุทะลุฟ้า ก็ตามแต่....
-------------------------------------------------
เพราะในขณะผู้ที่อาจารย์ สังศิต ท่านอุปมา-อุปไมยว่า กำลังมีสภาพไม่ต่างไปจาก ฟงอวิ๋นขี่พายุทะลุฟ้า ในทุกวันนี้ อย่างท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของเรา ท่านออกมายืนหยัด ยืนยัน ถึงความพยายามของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจตลอดช่วงระยะ 4 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งยังปรามๆบรรดานักการเมืองทั้งหลายเอาไว้ด้วยว่า... ดังนั้น นักการเมืองที่จะเข้ามา (เป็นรัฐบาล) ต้องมองไปข้างหน้า อย่าใช้เรื่องความรวยมหาศาล หรือจนมหาศาลมาหากินทางการเมือง...
---------------------------------------------------
หรือดังที่รายงานข่าว ไทยโพสต์ ฉบับวันวาน สรุปคำพูดของ ฟงอวิ๋น เอาไว้ประมาณว่า วันนี้...เราเดินหน้าด้วยประชารัฐ ซึ่งมีนักธุรกิจและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม แต่ก็มีคนนำไปใช้เป็นจุดหากินทางการเมือง ว่าคนรวยก็รวย คนจนก็ยิ่งจน นักการเมืองต้องมองไปข้างหน้า อย่าไปฟังใครติติงรัฐบาล สำหรับตนก็เลิกฟังแล้ว เสียเวลา ชอบถามยั่วอารมณ์ รู้ว่าตนยั่วขึ้นหรือไง อะไรทำนองนั้น แต่ดูเหมือนว่า...ผู้ที่คงไม่ได้หวังเข้ามาเป็นรัฐบาล ไม่ได้หวังจะได้เป็นรัฐมนตรี รัฐมนโท อะไรกะเค้าโดยเด็ดขาด แต่ก็ยังคงต้องอยู่กับการเมือง ต้องเคลื่อนไหวทางการเมือง อย่างเช่นคุณลุงกำนัน เทพเทือก เป็นต้น ที่ไม่เพียงแต่มองไปข้างหน้า แต่ยังอุตสาห์เดินหน้า คารวะแผ่นดิน แบบถึงไหน-ถึงกัน ท่านอาจไม่ได้มองไปในแนวเดียวกันทั้งหมด...
---------------------------------------------------------
คือแม้ว่าท่านจะหนักไปทาง ขาเชียร์ฟงอวิ๋น มาโดยตลอด หรือไม่ได้เคยคิดปฏิเสธการสืบทอดอำนาจตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ บิ๊กตู่ เอาเลยแม้แต่นิด แถมยังถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับการคิดแปรรูป-แปรร่าง พรรคการเมืองเดิมๆ ของท่าน อย่างพรรค ประชาธิกัด จาก ก๊กเอาก็ไม่ใช่-ไม่เอาก็ไม่เชิง ให้กลายเป็น ก๊กเอาบิ๊กตู่ ไปเลยถึงขั้นนั้น แต่จากคำพูด คำจา หลังการ เดินคารวะแผ่นดิน หรือหลังจากได้รับทั้งดอกไม้และก้อนอิฐมาพอสมควรแล้ว ที่สรุปเอาไว้ประมาณว่า... ตนไม่ได้ต้องการทำให้ตระหนก ตกใจ หรือตำหนิใคร แต่ต้องการให้สังคมตระหนักว่า ปัญหา (เศรษฐกิจ) เหล่านี้ คือปัญหาใหญ่ เราจะทุ่มเททำงานเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจมหภาคอย่างเดียวไม่ได้ ต้องให้น้ำหนักในการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับจุลภาค ครอบครัว และท้องถิ่น ทั้งนี้ รปช. (พรรครวมพลังประชารัฐ) จะรับภาระดูแลแก้ไขปัญหาของทั้งคนต่างจังหวัดและคน กทม. โดยจะรณรงค์ยกระดับให้เป็นวาระของประเทศ เพื่อให้ผู้คนมีชีวิตอยู่อย่างพอเพียง...
----------------------------------------------------------------
อันนี้...จะเรียกว่าการ หากินทางการเมือง หรือการนำเอาเรื่องราวดังกล่าวมาเป็น จุดหากินทางการเมือง ก็คงไม่ถึงกับถูกเรื่องกันซักเท่าไหร่นัก เพราะถ้าคุณลุงกำนัน เทพเทือก ท่านคิดจะหากิน ก็คงหาไปให้ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ นั่นแหละรับประทาน เนื่องเพราะโดยส่วนตัวท่าน นอกจากเคยป่าวประกาศไว้แบบเต็มปาก เต็มคำ ว่าไม่คิดจะรับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ อีกต่อไป ยังออกจะเห็นดี เห็นงาม กับการเป็นนายกรัฐมนตรีของ บิ๊กตู่ มาโดยตลอด หรือแม้แต่การสืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปในภายภาคหน้า ก็ยังไม่คิดจะปฏิเสธใดๆ เอาเลยด้วยซ้ำ...
----------------------------------------------------------------
ดังนั้น...การหยิบเอาเรื่อง เศรษฐกิจ เรื่องของความรวย-คนจน คนรวย-คนจน มาพูดถึงกันในคราวนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ มันจึงอาจฟังคล้ายๆ คำพูดของหัวหน้าพรรคประชาธิกัด อย่างท่านอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ แห่ง ก๊กเอาก็ไม่ใช่-ไม่เอาก็ไม่เชิง อยู่พอสมควรเหมือนกัน ที่เมื่อมีผู้ไปคาดคั้นจะเอาคำตอบซะให้ได้ ว่าหลังเลือกตั้งท่านจะมีโอกาสร่วมรัฐบาลกับท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ได้หรือไม่ อย่างไร ท่านเลยให้คำตอบเอาไว้ประมาณว่า ถ้าหาก การบริหารงานของรัฐบาลยังเป็นเหมือนอย่าง 4 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่อง การบริหารแบบรวมศูนย์อำนาจ และ การบริหารเศรษฐกิจที่ไม่ตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ ท่านก็อาจต้องจัดอยู่ในประเภท ก๊กไม่เอาบิ๊กตู่ กันจนได้ นั่นเอง...
-----------------------------------------------------------------
พูดง่ายๆ ว่า...ไปๆ-มาๆ พรรค รวมพลังประชารัฐ ที่น่าจะจัดอยู่ในประเภท ก๊กเอาบิ๊กตู่ มาตั้งแต่แรก แถมยังถูกกล่าวหาว่าพยายามจะแปรรูป แปรร่าง พรรคประชาธิกัด ให้กลายเป็นพวกเดียวกัน ประเภทเดียวกัน อีกด้วยต่างหาก ชักเริ่มกลายสภาพเป็น ก๊กเอาก็ไม่ใช่-ไม่เอาก็ไม่เชิง ขึ้นมามั่งแล้ว โดยคงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการลับ-ลวง-ครางง์ง์ง์ หรือการชิงไหว ชิงพริบ ชิงเล่ห์ ชิงเหลี่ยมใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย แต่น่าจะเกี่ยวกับการเดินไป-เดินมาของคุณลุงกำนัน เทพเทือก ท่านนั่นแหละ ที่อาจต้องไปเจอกับ คนจน จำนวนไม่น้อย จนทำให้ชักเริ่มเห็นว่าการแก้ไขปัญหาของ คนรวย หรือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมหภาคเพียงอย่างเดียว มันคงช่วยอะไรไม่ได้ ต้องหันมา พอเพียง เอาไว้ก่อน ถึงจะเข้าท่ากว่า...
--------------------------------------------------------------
สรุปแล้ว...ไม่ว่าใครถูก-ใครผิด ใครหากิน-ไม่หากิน แต่เรื่องของปัญหาเศรษฐกิจ หรือแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่มันอาจผิดแผกแตกต่างกัน ระหว่างผู้ที่อยู่เบื้องหลังการขี่พายุทะลุฟ้าของ บิ๊กตู่ กับผู้ที่เคยถูกจัดอยู่ในประเภท ก๊กเอาบิ๊กตู่ ไปจนถึง ก๊กเอาก็ไม่ใช่-ไม่เอาก็ไม่เชิง นี่แหละ ที่อาจทำให้ฉากสถานการณ์หลังการเลือกตั้ง มันคงไม่ได้สมูธ แอส ซิลค์ หรือนิ่มปานแพรไหม เหมือนคำขวัญการบินไทยซักเท่าไหร่นัก อันน่าจะทำให้บรรดา ผู้มองข้ามช็อต ทั้งหลาย คงต้องจับตาเอาไว้ให้จงหนัก...
------------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Seneca... It is not the man who has too little who is poor, but the one who craves more.- ผู้ที่มีไม่มาก...ไม่ใช่คนจน คนจนคือผู้ที่อยากมี...โดยไม่รู้จักพอ...
---------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |