3ธ.ค.61- นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัยมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงกรณีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับทางกรมทรัพย์สินทางปัญญา เกี่ยวกับการรับจดสิทธิบัตรกัญชา ว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้มีการดำเนินการแบ่งออกเป็น 4 เรื่อง คือ 1.ทางมหาวิทยาลัยรังสิตได้รวบรวมข้อมูลการยื่นขอสิทธิบัตรกัญชาของต่างชาติ เท่าที่มีได้ข้อมูลเพียง 11 คำขอสิทธิบัตร แต่ที่เหลืออีกกว่า 30 สิทธิบัตรที่เป็นข่าวนั้น ได้ยื่นขอข้อมูลกับทางกรมทรัพย์สิน แต่ยังไม่ได้ข้อมูลตรงส่วนนี้ 2. มหาวิทยาลัยรังสิตได้ยื่นหนังสือถึงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อขอให้ชะลอการผลักดันประมวลกฎหมายยาเสพติด เนื่องจากยังมีปัญหาสิทธิบัตรกัญชาอยู่ ไม่ควรขับเคลื่อนเรื่องนี้ต่อ เนื่องจากจะติดขัดได้
3.วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะนักวิจัย ซึ่งได้รับผลกระทบหากไม่สามารถพัฒนาได้ เพราะติดเรื่องสิทธิบัตรกัญชา จึงอยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมหลักฐานเพื่อฟ้องร้องกรมทรัพย์สินทางปัญญา และ4.สภาการแพทย์แผนไทย จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบตำรับยาแพทย์แผนไทยที่เกี่ยวกับกัญชา และพิจารณาว่า มีสิทธิบัตรใดที่มีการยื่นขอด้วยหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดจะดำเนินการควบคู่กันไป” นายปานเทพ กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของม.44 ตนก็ไม่เห็นด้วยที่จะนำมาใช้แก้ปัญหาสิทธิบัตรกัญชา เพราะไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และอาจเสี่ยงถูกฟ้องถึงระดับอนุญาโตตุลาการได้
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีออกมาชี้แจงว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทยื่นขอจดสิทธิบัตรนั้น ตนมองว่า ก็เป็นการชี้แจงที่ต้องดูยาวๆ และขอให้ประชาชนร่วมกันสังเกตเกี่ยวกับคำชี้แจงของรัฐมนตรีฯ ว่าเป็นอย่างที่พูดหรือไม่ ส่วนกรณีที่ตรวจพบสารปนเปื้อนกัญชาของกลางที่องค์การเภสัชกรรม(อภ.) ส่งตรวจนั้น ในส่วนของมหาวิทยาลัยรังสิตก็มีการตรวจสารเช่นกันแต่ไม่พบ แต่กัญชาของกลางย่อมมีความเสี่ยงพบสารปนเปื้อนอยู่แล้ว แต่กรณีนี้น่าสังเกตว่า จะมีการให้สัมปทานเอกชน ทั้งเรื่องการนำเข้ากัญชา และการเพาะปลูกหรือไม่.