ไม่พูดเยอะ เจ็บคอ....
คงจะชัดเจนที่สุดแล้วสำหรับ "กำนันสุเทพ"!
ประมวลผลการเดินคารวะแผ่นดิน ทั้งในกรุงเทพมหานคร ภาคกลาง และภาคใต้ ได้ข้อสรุป ไม่อ้อมค้อม ตรงไปตรงมา
...เศรษฐกิจมีปัญหา!
ใน กทม.โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้าครอบครัวที่ทำงานคนเดียว แต่มีภาระต้องดูแลทั้งครอบครัว ซึ่งรายได้ไม่เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิต ส่วนบรรดาพ่อค้าแม่ค้าแจ้งว่าเศรษฐกิจในระดับล่างไม่ดี ค้าขายตกต่ำ ซึ่งหากสภาพแบบนี้ยังดำรงอยู่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้
ต่างจังหวัดนั้นประสบปัญหาหนักกว่าคน กทม. เรียกว่าสาหัส เพราะคนส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรได้รับผลกระทบมากจากภาวะพืชผลตกต่ำอย่างต่อเนื่องหลายปี รายได้แต่ละครอบครัวลดลงจนกระทบถึงความมั่นคงในเศรษฐกิจครอบครัว พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน สับปะรด มะพร้าว เป็นต้น ตกต่ำ เกษตรกรขายไม่คุ้มทุน ดังนั้น จึงทำให้ครอบครัวเกษตรกรจนลง
นอกจากนี้ครอบครัวทำประมง ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ประชาคมยุโรปกดดันให้ประเทศไทยออกระเบียบมาตรการต่างๆ ทำให้ชาวประมงจำนวนมากไม่สามารถประกอบกิจการได้ต่อไป
กำลังซื้อตกต่ำจนถึงขีดสุด พ่อค้าแม่ค้าขายไม่ได้ ยอดขายตกต่ำกว่าครึ่ง
สรุปเศรษฐกิจระดับล่างของไทยไม่ดีอย่างมาก เรียกว่าซบเซา
"พรรคจะอาสารับเอาปัญหาความทุกข์ไปกำหนดเป็นนโยบายในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังให้ได้ผล ไม่ว่าจะทุ่มเทงบประมาณแผ่นดินแค่ไหน ไม่เช่นนั้นประเทศจะมีอันตราย"...
นั่นคือสิ่งที่ได้จากการเดินคารวะแผ่นดิน
สุเทพ เทือกสุบรรณ ส่งสัญญาณอะไร?
การเดินคารวะแผ่นดิน มีทั้งเสียงชมเสียงด่า ขุดโคตรมาโจมตีกัน
บ้างก็ว่าไม่ต้องเดินก็รู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน
แต่การนั่งบนหอคอยงาช้างหรือหน้าคีย์บอร์ดแล้วมองปัญหา กับการเดินสัมผัสประชาชนเพื่อไถ่ถามปัญหาจะได้ความลึกซึ้งในการมองปัญหาที่ต่างกัน
กระนั้นก็ตามต่อให้เดินจนขาลาก ก็ไม่มีผลอะไรเลย หากประชาชนไม่เชื่อถือนักการเมือง
ไม่ว่าประชาชนฝั่งไหนล้วนมีนักการเมืองที่ตัวเองไม่ชอบทั้งสิ้น
ขณะเดียวกันประชาชนเองก็รู้ว่า เมื่อถึงฤดูกาลหาเสียง นักการเมืองสามารถทำได้ทุกอย่าง
สั่งให้ขี่ควายยังได้
เราจะเห็นนักการเมืองรักเด็กขึ้นมาอย่างกะทันหัน หรืออยากกรีดยางกลางวันขึ้นมาในฉับพลัน เต็มไปหมด
แต่สิ่งหนึ่งที่นักการเมืองมักไม่ทำคือเดินให้คนด่า
หากเปลี่ยน "สุเทพ" เป็น สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, ประยุทธ์ จันทร์โอชา, ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เดินแบบที่ "สุเทพ" เดินจะเกิดอะไรขึ้น?
จะเดินต่อ หรือไม่คิดจะเดินตั้งแต่แรก
เช่นเดียวกัน ประชาชน มีศักยภาพมากพอที่จะแยกแยะนักการเมืองได้แค่ไหน
รักเพราะโกงแล้วแบ่งกัน เกลียดเพราะพาประชาชนเดินบนถนนขับไล่คนโกง บางฝ่ายก็อ้างปลุกม็อบเพราะต้านเผด็จการทหาร
ขณะที่หลายคนชอบเผด็จการเพราะเฉียบขาด ที่สำคัญคือเบื่อนักการเมือง
เมื่อการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน ฉะนั้นทุกคนต้องคิดให้หนัก จะชอบจะชังใคร ต้องอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ของชาติมาเป็นอันดับหนึ่ง
ถ้ายังเพื่อกูกันเหมือนเดิม ความวิบัติมาเยือนอีกครั้งแน่นอน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |