บันทึกหน้า4


เพิ่มเพื่อน    

      การเมืองเข้มข้น พรรคที่ประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย คือพรรครวมพลังประชาชาติไทย แสดงท่าทีที่ชัดเจนผ่าน "สุเทพ เทือกสุบรรณ" ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาสมาชิกพรรค ว่าประเทศมีปัญหาเศรษฐกิจจริงๆ โดยเฉพาะเศรษฐกิจระดับรากหญ้า นี่เป็นครั้งแรกที่ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" พูดตรงไปตรงมา สะท้อนปัญหาจากการเดินคารวะแผ่นดิน ในพื้นที่ กทม. ภาคกลาง และภาคใต้

       "....ชาว กทม.โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้าครอบครัวที่ทำงานคนเดียว แต่มีภาระต้องดูแลทั้งครอบครัว ซึ่งรายได้ไม่เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิต ส่วนบรรดาพ่อค้าแม่ค้าแจ้งว่าเศรษฐกิจในระดับล่างไม่ดี ค้าขายตกต่ำ ซึ่งหากสภาพแบบนี้ยังดำรงอยู่ จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้ ต่างจังหวัดนั้นประสบปัญหาหนักกว่าคน กทม. เรียกว่าสาหัส เพราะคนส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ได้รับผลกระทบมากจากภาวะพืชผลตกต่ำอย่างต่อเนื่องหลายปี รายได้แต่ละครอบครัวลดลงจนกระทบถึงความมั่นคงในเศรษฐกิจครอบครัว พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน สับปะรด มะพร้าว เป็นต้น ตกต่ำ เกษตรกรขายไม่คุ้มทุน ดังนั้น จึงทำให้ครอบครัวเกษตรกรจนลง

       ....พรรคจะอาสารับเอาปัญหาความทุกข์ไปกำหนดเป็นนโยบายในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังให้ได้ผล ไม่ว่าจะทุ่มเทงบประมาณแผ่นดินแค่ไหน ไม่เช่นนั้นประเทศจะมีอันตราย พรรคจะผนึกกำลังพี่น้องประชาชนรวมกันรับผิดชอบต่อการแก้ไขปัญหาของคนส่วนใหญ่ของประเทศ" ...๐

      มุมหนึ่งเป็นการสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นจริงภายใต้รัฐบาล คสช. ที่หากไม่ได้รับการแก้ไขจะเป็นอันตรายกับประเทศ อีกมุมย้อนแย้งเพราะพรรครวมพลังประชาชาติไทย สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย จึงเกิดคำถามว่า 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาล คสช.ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่จะเป็นอันตรายกับประเทศ แล้วหากยังสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีอีก 4 ปี อันตรายที่ว่ามานั้นจะไม่ยิ่งรุนแรงกว่าเดิมหรือ? ...๐

      อันตรายของประเทศอีกมุมจาก "ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์" ยิ่งดูหวาดเสียวกว่า ทัศนะจากอดีตประธานรัฐสภาท่านนี้  จะปล่อยผ่านไม่ได้ "เชื่อเถอะ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นภายใต้ระบบ กฎเกณฑ์กติกาและบรรยากาศที่รัฐบาลเผด็จการกำหนดขึ้นมาเพื่อให้ตนเองลงสมัครชนะการเลือกตั้งเช่นนี้ อีกทั้งองค์กรอิสระทั้งหลาย รวมทั้ง กกต. ไม่ได้มีความเป็น กลางและอิสระจริง ไม่มีทางที่จะเป็นประชาธิปไตยและได้รับการยอมรับจากประชาชนหรอก จะยิ่งนำประเทศชาติบ้านเมืองไปสู่ความขัดแย้ง จลาจลวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม ทำไมถึงมองไม่เห็นกันเลย หรือไม่เคยมีประสบการณ์กันมาก่อนอย่าดันทุรังกันนักเลย"

      กลับกันกับความเห็นจาก "สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์-เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่มองเห็นความปรองดองสมานฉันท์รออยู่ข้างหน้า "เราบอกพรรคพลังประชารัฐจะเป็นทางออกของความขัดแย้ง ใครก็พูดได้ จะเป็นทางออกความขัดแย้ง แต่จะเป็นได้อย่างไร วันนี้พลังประชารัฐแสดงให้เห็นแล้วว่าเราเริ่มได้  ที่พรรคเราเชิญคู่ขัดแย้งทั้งหมดมาอยู่พลังประชารัฐ เราเห็นว่าถ้าคู่ขัดแย้งไม่มาร่วมกันสร้างสิ่งใหม่ๆ ร่วมกัน ความขัดแย้งก็จะอยู่เหมือนเดิม อันนี้คือคุณูปการของการเกิดพรรคพลังประชารัฐ วันนี้ถ้าไม่มีพลังประชารัฐ คู่ขัดแย้งก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้มีการข้ามไปจากสิ่งเดิมๆ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง วันนี้พลังประชารัฐพิสูจน์ให้เห็นแล้ว เห็นได้จากคนที่เคยอยู่ประชาธิปัตย์ก็มา เพื่อไทยก็มา อดีต  กปปส.ก็มา อดีตพันธมิตรฯ ก็มา นปช.ก็มา นี่คือสิ่งที่เรากำลังบอกว่า นี่คือก้าวแรก"

      อนาคตประเทศไทยไม่มีสูตรสำเร็จ เพราะการเมืองไทยยากที่จะคาดเดา หากประมวลโดยผนวกผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่องการย้ายพรรคของ ส.ส. จะมีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนเสียงหรือไม่ ของสวนดุสิตโพล ที่ออกมาระบุว่า อันดับ 1 มีผล 51.04% เพราะกระทบต่อความรู้สึก ความเชื่อมั่น เชื่อใจลดลง พิจารณาจากพรรคที่ชอบ แต่ละพรรคมีนโยบายแตกต่างกัน ฯลฯ อันดับ 2    ไม่มีผล 48.96% เพราะพิจารณาที่ตัวบุคคล ยังชอบเหมือนเดิม ดูจากผลงานที่ผ่านมา ความรู้ความสามารถ อยู่พรรคไหนก็ทำงานได้ ฯลฯ เข้าไปด้วย ทุกคนคงมีคำตอบอยู่ในใจว่า การเมืองหลังเลือกตั้งจะเดินไปอย่างไร ...๐


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"