พราหมณ์หนุ่มแห่งพาราณสี  


เพิ่มเพื่อน    

คงคา พาราณสี และชีวิต

บนโต๊ะเสวนาชั้นดาดฟ้าของ Baba Guest House ประกอบไปด้วย ผม, กุนเธอร์ มังสวิรัติหนุ่มใหญ่จากเยอรมนี, ราเชศ กุ๊กวัยประมาณ 45 ปีจากพุทธคยา และวัยรุ่นชายอีก 2 คน พวกเขาอายุไม่น่าเกิน 18 ปี เป็นผู้ช่วยงานจิปาถะในเกสต์เฮาส์และ Aadha Aadha Café ร้านอาหารของเกสต์เฮาส์ ร้านปิดไปแล้วตั้งแต่ 4 ทุ่ม พวกเขาเพิ่งกินมื้อค่ำเสร็จไม่นาน กำลังรอให้ถึงเวลานอนก็จะปูเสื่อกางมุ้งใกล้ๆ โต๊ะเสวนาซึ่งอยู่ด้านนอกของร้านอาหาร

ราเชศบอกว่าน้ำที่เขาเอาไปใช้ทำน้ำแข็งในตู้เย็นเป็นน้ำที่ผ่านเครื่องกรองเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับเนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ในร้านก็ใช้น้ำกรองนี้ล้างก่อนปรุงและเสิร์ฟ ผมจึงกล้าเอาน้ำแข็งมาใส่แก้วแล้วเติมรอยัลชาเลนจ์ลงไป ไม่อย่างนั้นก็ขอดื่มแบบ Neat หรือที่บ้านเราเรียกว่า “เพียวๆ” จะดีกว่า เพราะเคยมีประสบการณ์ท้องเสีย ไข้ขึ้น และตาบวมมาแล้วจากการที่เผลอใช้น้ำก๊อกในโรงแรมที่นครโกลกาตาล้างผลฝรั่งก่อนกินเมื่อ 2 ปีก่อน

กุ๊กจากพุทธคยาทำท่าปรามไม่ให้วัยรุ่น 2 คนดื่ม แต่คนที่แก่กว่าไม่เชื่อฟัง หยิบวิสกี้ไปรินแล้วเทน้ำกรองผสมยกดื่มอย่างสบายอารมณ์ ราเชศก็ไม่ว่าอะไร  

กุนเธอร์ถามราเชศว่าทำไมถึงมาทำงานที่พาราณสี ราเชศตอบว่าในรัฐพิหารเศรษฐกิจไม่ดี หาเงินยากเต็มที เขามีลูกถึง 5 คน และพาราณสีก็ไม่ไกลจากพุทธคยามากนัก กุนเธอร์ถามอีกว่า “มีได้ไงตั้ง 5 คน ก่อนทำไม่คิดเหรอ” นี่คือคำถามที่อาจโดนชกได้ถ้าถามในเมืองไทย  

ราเชศเล่าที่มาที่ไปเหมือนตอบคำถามธรรมดาว่า “คนแรกผมได้ลูกสาวก็ต้องมีคนที่ 2 เพราะอยากได้ลูกชาย และคนที่ 2 ก็เป็นผู้ชายสมใจ ตอนนี้เสมอกันแล้ว 1 – 1 คิดว่าถ้ามีอีกคนก็น่าจะเป็นชาย ปรากฏว่าคนที่ 3 เป็นลูกสาว จึงคิดจะตีเสมออีกครั้ง แต่กลับได้ลูกสาวอีก ลองอีกครั้งคนที่ 5 ก็ยังเป็นผู้หญิง ผมจึงเอากระบอกไม้ไผ่ครอบจู๋เสียเลย ไม่เอาแล้ว” ซึ่งก็คงหมายถึงการทำหมัน   

ผมถามบ้างว่าค่าสินสอดที่ฝ่ายหญิงจะต้องใช้ในการแต่งงานนั้นประมาณเท่าไหร่ ราเชศตอบว่า 5 หมื่นรูปี กุนเธอร์ได้ทีแซวว่าจากที่จะต้องจ่ายแค่ 5 หมื่นก็จ่าย 2 แสนเลยเป็นไง ราเชศลั่นหัวเราะออกมา  

ความจริงแล้วการเรียกและจ่ายสินสอดในการแต่งงานของอินเดียได้มีกฎหมายห้ามมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1961 แต่ในทางปฏิบัติยังคงมีอยู่ทั่วไป เพราะทั้งสองฝ่ายยินดี และอาจจะเป็นเหตุผลเรื่องหน้าตาในสังคมด้วย        

วิสกี้หมดขวดผมและกุนเธอร์ก็ลงไปนอนห้องใครห้องมัน ตื่นสายๆ วันต่อมารู้สึกปวดหัว คิดว่าต่อไปคงต้องเปลี่ยนยี่ห้อ คราวที่แล้วไม่เห็นจะมีปัญหา ขึ้นไปกินมื้อเช้าบนร้าน Aadha Aadha แล้วก็ลงไปนอนต่อจนถึงบ่าย ตอนค่ำไปกินข้าวที่ร้าน Jyoti ใกล้ๆ ที่พัก

กุนเธอร์สั่งจาปาตีกับฮุมมุส เขาชมเจ้าของร้านว่าทำได้อร่อยมาก ผมสั่งข้าวบริยานีผัดเห็ดและแกงกะหรี่ผัก เข้ากันได้ไม่ขัดเขิน กินเสร็จก็กลับที่พัก ผมขึ้นไปสั่งเบียร์ที่แอบขายในร้าน Aadha Aadha กะจะดื่มคิงฟิชเชอร์ แต่ราชู ผู้จัดการร้านบอกว่าเบียร์ยี่ห้อนี้ช่วงหลังๆ มาตรฐานแกว่งๆ ไม่ดีเหมือนเดิม เขามีทูบอร์ก เบียร์สัญชาติเดนมาร์กที่มีส่วนแบ่งตลาดมากสุดในอินเดียเมื่อเทียบกับเบียร์นานาชาติด้วยกัน

ราคาเบียร์ขนาดครึ่งลิตรกระป๋องละ 220 รูปี ถือว่าราคาสูงกว่าปกติพอสมควร คงเพราะในเขตเมืองเก่านี้ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ความเสี่ยงย่อมต้องมีราคา ราชูเสิร์ฟมาในแก้วใสใบใหญ่ บอกผมว่ายังมีเบียร์ค้างอยู่ในกระป๋อง พร่องเมื่อไหร่แล้วจะรีบมาเติมให้ เข้าตำราดื่มได้แต่ไม่ประเจิดประเจ้อ

เบียร์กำลังจะหมดกุนเธอร์ก็ขึ้นมาตามผมให้เดินไปบ้านของพราหมณ์หนุ่มด้วยกัน เราถอดรองเท้าแล้วเข้าไปนั่งดูเขาประกอบพิธีในห้องโถงแคบๆ มีพัดลมอยู่หลายตัวแต่ใบพัดไม่ไหวติงเพราะไม่มีใครต้องการรบกวนองค์เทพ

สมาชิกของครอบครัวคนหนึ่งตีระฆังถี่ๆ เพื่อให้องค์เทพรับรู้ได้ยินคำอ้อนวอนอธิฐาน ผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มทารกน้อยที่กำลังร้องให้โฮ อีกหลายคนนั่งอยู่บนพื้น เราเข้าไปนั่งด้านหลังสุดของพวกเขาทั้งหมด กุนเธอร์บอกว่าวันก่อนพราหมณ์หนุ่มก็อนุญาตให้เขาเข้ามาดูการประกอบพิธีได้    

พราหมณ์หนุ่มในชุดประกอบพิธีกางเกงสีแดง เปลือยท่อนบน ท่องมนตร์อยู่อย่างคล่องแคล่วเร็วปรื๋อ โปรยกลีบดอกไม้ไปตามรูปเคารพในห้อง หันมาเห็นผมก็ขยิบตาให้ทีหนึ่งโดยที่ปากยังบริกรรมคาถา กุนเธอร์ ชาวตะวันตกรุ่นใหญ่ผู้ไม่ประสีประสารู้สึกร้อนอบอ้าวขึ้นทุกขณะจนเหงื่อแตกพลั่ก เขาเอื้อมมือไปเปิดพัดลม เสียงดังหึ่งๆ จนสตรีคนหนึ่งหันมาทำท่าเอามืออุดหู ผมจึงเอื้อมไปปิด เธออาจจะคิดว่าผมนี่แหละที่เป็นคนเปิด

พราหมณ์หนุ่มเดินมาที่ผมแล้วถามว่าดื่มเบียร์มาใช่ไหม ผมพยักหน้า เขาบอกว่าองค์เทพได้กลิ่นแล้วไม่พอใจ ช่วยออกไปนั่งข้างนอกหลังธรณีประตู กุนเธอร์คงบอกว่าผมดื่มเบียร์อยู่ก่อนหน้านี้ หรือไม่องค์เทพอาจจะได้กลิ่นแอลกอฮอล์จริงๆ

พิธีบูชาสิ้นสุดลง สมาชิกในครอบครัวบางคนเข้าไปพูดคุยกับพราหมณ์หนุ่ม แล้วค่อยๆ ทยอยเดินออกจากห้อง พวกเขาคงทำพิธีรับขวัญทารกน้อย อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ ผมลืมถามเพราะมัวแต่รู้สึกผิดที่เชื่อตามกุนเธอร์เข้าไปนั่งร่วมอยู่ในพิธี

พราหมณ์หนุ่มของเราเป็นพราหมณ์ประเภทที่ประกอบพิธีในบ้านหรือวัดส่วนตัวของเขา ส่วนพราหมณ์ที่ประกอบพิธีบูชาไฟข้างนอกริมท่าน้ำนั้นต่างกันออกไป แต่ผมดูแล้วเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีและหุ่นนายแบบกันแทบทั้งสิ้น ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ยังมีพราหมณ์อีกหลายประเภทที่ผมไม่มีความเข้าใจดีนัก ที่ประกอบพิธีจำพวกสื่อสารกับพระเจ้าและปลดปล่อยวิญญาณก็มี ซึ่งจะขอเล่าให้ฟังในฉบับหน้า

ผมและกุนเธอร์ออกไปรอพราหมณ์หนุ่มแถวๆ บันไดบ้าน เขาขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้า สักพักก็ปรากฏตัวในชุดกางเกงยีนส์ เสื้อยืด และรองเท้าแตะ แล้วนำเราไปยังท่าน้ำอัศวเมศที่อยู่ติดๆ กับบ้านของเขา และขอให้เรานั่งรอตรงทางลงท่าน้ำ เขาจะไปสั่งงานลูกน้อง ผมไม่รู้ว่างานนั้นคืออะไร

หนุ่มเร่ขายของคนหนึ่งเดินเข้ามาเล่าเรื่องราวชีวิตลำเค็ญไปตามแบบฉบับ เขาสนใจกุนเธอร์มากกว่าผม แน่ล่ะ ใครๆ ก็ย่อมคาดหมายได้ว่าฝรั่งหัวทองจะมีเงินมากกว่าคนเอเชียหัวดำ เขาเสนอขายสินค้า ถืออยู่ในมือหลายอย่าง และยังโชว์ที่เหน็บอยู่ตามขอบกางเกงรอบด้านให้ดู ตรงเป้าก็มี สุดท้ายตั้งใจขายสีแบบเฮ็นนาเป็นพิเศษ สาธิตให้ดูว่าสีไม่ลอก จากราคาที่เปิดมากล่องละ 500 รูปี ค่อยๆ ลดลงมาเหลือ 200 รูปี แล้วบอกว่า “007” ซึ่งก็คือ “ฌอน คอนเนอรี” พระเอกหนังรุ่นใหญ่เคยให้เขา 5 ปอนด์เพื่อแลกกับสี 1 กล่องมาแล้ว โดยเงิน 5 ปอนด์ก็จะมีค่าเกือบๆ 500 รูปี

กุนเธอร์หันมาขอยืมเงินผม 200 รูปี แล้วจ่ายให้พ่อค้าหนุ่มไปด้วยความสงสาร ฝ่ายพ่อค้าหนุ่มยิ้มแย้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และยืนคุยกับเราต่ออีกหลายนาทีคงเพราะได้ราคาดีจนไม่ต้องรีบไปขายใครต่ออีกแล้ว เขาเล่าว่าครอบครัวเขาก็อยู่ในวรรณะพราหมณ์และคิดว่าอีกไม่นานก็จะเป็นพราหมณ์ แต่ตอนนี้ขอขายของเลี้ยงครอบครัวไปก่อน

ท่าน้ำอัศวเมศในเวลาเกือบๆ เที่ยงคืน

เราสงสัยนิยามของ “บาบา” เขาอธิบายให้ฟังว่าบาบาของแท้จะไม่ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยๆ ส่วนมากจะถือสันโดษอยู่บนภูเขาหรืออาศรมในที่ห่างไกลผู้คน เมื่อไม่กี่วันมานี้มีบาบาคนดังเดินเท้าหลายกิโลเมตรเข้ามาพักอยู่ในพาราณสี ดูลายมือได้แม่นเหมือนตาเห็น บัดนี้คงมีผู้ศรัทธาเข้าคิวกันล้นอาศรมที่พัก

ส่วนพวกที่อยู่ตามท่าน้ำ นั่งขอเงินนักท่องเที่ยวนั้นถือเป็นพวกบาบาลอกเลียนแบบ เรียกว่า “ซาดู” สาระแห่งชีวิตของพวกเขาคืออยู่ไปเรื่อยๆ ไม่คิดอะไร นุ่งห่มเท่าที่มี กินเท่าที่เขาให้กิน สิ้นวันก็ดูดกัญชา นอนดูเดือนดาว แล้วหลับไปตื่นมาพบเจอสิ่งเดิมๆ  

พราหมณ์หนุ่มเดินกลับมาแล้วบอกให้พ่อค้าหนุ่มไปที่อื่นเสีย นักขายผู้ยังสนุกกับการเล่าเรื่องอยู่ก็จำเป็นต้องเดินออกไปด้วยความยำเกรงเพื่อนผู้กว้างขวางของเรา พราหมณ์หนุ่มถามกุนเธอร์ว่าซื้อสีกล่องนี้มาเท่าไหร่ พอทราบราคาเขาก็บอกว่าไม่ควรจ่ายเกิน 100 อย่างดีก็ประมาณ 70 นักบุญผู้มีความมัธยัศถ์เป็นเลิศถึงกับร้องโอย

ก่อนหน้านี้พราหมณ์หนุ่มเกริ่นกับผมว่าจะพาไปนั่งเรือบ้าน ทำให้ผมวาดภาพไว้สวยหรู เรือจอดอยู่ริมฝั่ง เขาเดินนำเข้าไปนั่งในเก๋งเรือ กระซิบว่ารอเดี๋ยว ลูกน้องกำลังเอาของมาให้ สักพักเด็กชายก็มาพร้อมกับรอยัลชาเลนจ์ ขวดขนาด 375 มิลลิลิตร เมื่อวานพราหมณ์หนุ่มเห็นขวดแบบนี้ในกระเป๋าของผม เขาคงคิดว่าผมชอบวิสกี้ยี่ห้อนี้ และนี่ก็คืองานที่เขาบอกว่าจะไปสั่งลูกน้อง

นอกจากรอยัลชาเลนจ์แล้วก็มีน้ำเปล่า 1 ขวด บุหรี่ 4 ตัว กับแกล้ม ได้แก่ ชีสนมแพะ ถั่วผสมหลายชนิด และกล้วยฉายเครื่องเทศ เขาถามผมว่าแค่นี้พอไหม ถ้าไม่พอจะให้เด็กไปซื้อมาอีก ผมขอบคุณและตอบเขาว่าแค่นี้ก็เหลือเฟือแล้ว

นึกว่าเราจะล่องคงคาชมจันทร์ พราหมณ์หนุ่มบอกว่าเรานั่งกันตรงนี้แหละ แค่อยากจะหาที่ดื่มให้เราและเขาก็ได้หลบผู้คนด้วย เพราะเขาจะดื่มให้ใครเห็นไม่ได้เป็นอันขาด และนี่คือเหตุผลที่ผมไม่เปิดเผยชื่อของพราหมณ์หนุ่ม

วันนี้กุนเธอร์ไม่ดื่มเหล้า แต่สูบบุหรี่ กินถั่ว และกินกล้วยฉาบ พราหมณ์หนุ่มรินวิสกี้ลงแก้วพลาสติกให้ผม รินให้ตัวเอง แล้วเติมน้ำเปล่าลงไป ครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้ดื่มกับพราหมณ์ แถมยังดื่มในเรือริมแม่น้ำคงคา กรุงพาราณสี แม้จะเป็นวิสกี้ที่อาจจะทำให้ปวดศีรษะในวันรุ่งขึ้นก็สุดแสนวิเศษอยู่ดี    

พราหมณ์หนุ่มเล่าสรุปปัญหาในครอบครัวพราหมณ์ตระกูลใหญ่ให้ฟังว่าพ่อของเขาชอบช่วยเหลือผู้อื่นจนตัวเองประสบปัญหาและถูกฟ้องร้องเอาสมบัติรวมถึงบ้านหลังใหญ่ริมท่าอัศวเมศโดยบรรดาพี่น้องร่วมสายเลือดจนล้มป่วย ตัวเขาเองจากที่เคยหน้าตาดีเป็นมิสเตอร์พาราณสีปี 2011 ก็โทรมลงไปมาก ต้องประกอบพิธีบูชาเกือบทุกวันตามแต่ผู้ศรัทธาจะมาขอ ได้เงินแค่พออยู่พอกิน แต่ไม่นานมานี้พ่อของเขาชนะคดี ได้บ้านกลับมา ทุกอย่างค่อยๆ ดีขึ้น

เขาชวนผมไปดารัมศาลา (Dharamshala) ในรัฐหิมาจัลประเทศ หรือที่คนไทยเรียก “ธรรมศาลา” เขามีเพื่อนเยอะและมีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปที่นั่น คงเพราะห่างไกลกรุงพาราณสี ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นพราหมณ์ เขาจึงดื่มเบียร์และสูบกัญชาได้อย่างวางใจ

พราหมณ์หนุ่มถามผมว่าวิสกี้หมดแล้วจะเอาอีกไหม จะให้เด็กไปซื้อ ผมขอยุติแต่เพียงเท่านั้น เขาจึงชวนขึ้นไปนั่งบนหลังคาเก๋งเรือ ลมพัดเอื่อยๆ มาปะทะ อากาศกำลังเย็นสบายในเวลาเฉียดๆ เที่ยงคืน เห็นชาวพาราณสีหลายคนยังคงอ้อยอิ่งอยู่ริมฝั่ง  

เป็นประสบการณ์มีค่าที่หาไม่ได้ หากไม่รู้จักกับพราหมณ์หนุ่มผู้นี้.       


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"