อสมท เปิดยุทธศาสตร์ปี 2562 ชูคอนเทนต์ระดับอินเตอร์ ควบบุกออนไลน์เต็มสูบ ชู 3 กลยุทธ์ หวังดึงคนดู เพิ่มฐานผู้ชมมากขึ้น

นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจในปี 2562 คาดว่าต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท เพื่อเดินหน้ากลยุทธ์ที่จะขับเคลื่อนองค์กรให้ตอบโจทย์ผู้ชมและสร้างฐานคนดูได้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของทีวีดิจิทัลที่ได้พันธมิตรระดับโลกอย่างBBC First นำซีรียส์มาออกอากาศในช่วงไพร์ไทม์ อาทิ Luther, Press รวมถึงสารคดีให้ความรู้ด้านนวัตกรรมและวิทยาศาสตร์อย่าง MC Mafia Discovery science ขณะเดียวกันยังได้จับมือกับ Bloomberg ในการผลิตรายการธุรกิจระดับโลก ทั้งในด้านสกู๊ปพิเศษ ข่าวการเงินและเศรษฐกิจระดับโลก ด้วยการสัมภาษณ์พิเศษมหาเศรษฐีและนักธุรกิจชั้นนำ

สำหรับวิสัยทัศน์ในปี 2562 จะดำเนินอยู่ภายใต้แนวคิด MCOT: The Difference สร้างความต่าง หรือเป็นการส้รางการเข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียม เที่ยงตรง สร้างสรรค์ ทันสถานการณ์ อย่างชาญฉลาด โดยมี 3 กลยุทธ์ ได้แก่ 1. การจับกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน มุ่งเด็กและผู้ชมวัยทำงานที่มีอายุ 28 ปีขึ้นไป ที่ติดตามข่าวสารและสารคดีเป็นหลัก จึงได้นำซีรียส์ดังกล่าวมาออกอากาศในเมืองไทย ควบคู่ไปกับสารคดีวิทยาศาสตร์ และสารคดีสัตว์จาก NHK มาให้ชมอย่างต่อเนื่อง

2. การมุ่งเน้นกลุ่มผู้ชม ผู้ฟัง ที่ชื่นชอบการใช้ออนไลน์ โดยดมีการเปิดตัวแอพลิคชั่นภายใต้ชื่อ ฟังเพลิน ที่รวบรวมคลื่นวิทยุทั่วประเทศกว่า 543 สถานี มีผู้ฟังมากกว่า 13 ล้านคนต่อเดือน ขณะที่MCOT.NET ยังได้ผนึกกำลังกับ CIBN ที่จะนำคอนเทนต์มาให้คนไทยได้ชมกัน และธุรกิจไนน์เอ็นเตอร์เทน ที่เป็นอันดับ 1 ของข่าวบัจเทิง ก็เตรียมเดินหน้าด้านออนไลน์อย่างเต็มที่ โดยเป็นช่องข่าวบันเทิงเพียงช่องเดียวที่ออกอากาศกับไลน์ทีวี ส่วนสำนักข่าวไทยเตรียมเปิดตัว ฟาสต์ เฟิร์ส ทีมข่าวพิเศษออนไลน์

3. การร่วมมมือกับพันธมิตรในการสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ โดยเตรียมโครงการ ซี สเปส ที่เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตรายการและคนรุ่นใหม่ได้ทำการเสนอรายการเข้ามา โดยบริษัทจะมีงบที่จะจัดสรรให้จำนวน 100 ล้านบาท หากสามารถผลิตคอนเทนต์ได้แล้ว ยังจะทำการเปิดตลาดในต่างประเทศร่วมกัน บริษัทยังได้มีการทดลองบริการบอร์ดแบนด์ Ving MCOT บนคลื่น 2600 วีดีโอสตรีมมิ่ง ที่จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในอนาคต

“หลังจากเราได้มีการศึกษาตลาดและความต้องการลูกค้ามาแล้ว จะเห็นได้ว่าช่วง 2-5 ปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคมองหาคอนเทนต์ใหม่ๆ และต้องแตกต่างจากเดิมที่มีอยู่ ต้องบอกว่าคอนเซ็ปต์ใหม่ของปีหน้า ไม่ได้หวังว่าต้องทำคอนเทนต์เพื่อเรทติ้งหรือโฆษณา ที่เม็ดเงินไม่มากเหมือนเมื่อก่อน แต่มุ่งไปสู่กลุ่มผู้ชมและผู้ฟังให้มากขึ้น ซึ่งอาจจะได้มูลค่ารูปแบบอื่นตามมา โดยจะไม่มีละคร เกมโชว์น้อยลง เพราะการผลิตสูง ” นายเขมทัตต์ กล่าว

อย่างไรก็ดี สัดส่วนรายได้ยังคงมาจากกลุ่มธุรกิจทีวีเป็นหลัก 40% วิทยุ 30% สัมปทานและอื่นๆ อีก 30% ซึ่งตอนนี้สัปทานกำลังจะหมด จึงต้องหารายได้ด้านอื่นมาทดแทน แน่นอนว่าต้องมุ่งเน้นออนลน์ แต่ทีวีก็ทิ้งไม่ได้เช่นเดียวกัน