ท่วมท้นตะเพิดป้อม ‘โลกโซเชียล’กระหน่ำไล่‘คสช.’กัดฟันเปิดไฟเขียวบอลประเพณีฯจัดหุ่นล้อ!


เพิ่มเพื่อน    

  "ป.ป.ช.” จ่อสรุปปมนาฬิกาหรูปลายเดือน ก.พ.นี้ "ศรีวราห์" สั่งเอาผิด 40 ม็อบเชียร์ "ป้อม" หน้ากลาโหม "คสช.-มธ." ยันไม่ห้าม นศ.พาเหรดหุ่นล้อการเมืองเหน็บ "บิ๊ก คสช." งานบอลจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ โลกโซเชียลเช็กเสียงประชาชนกระแส "ประวิตร" ทุกเพจตรงกัน อยากให้ออกไป ไม่เว้นโพล “ที่นี่ ThaiPBS” 

    เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานจากเลขาธิการ ป.ป.ช.ว่า พล.อ.ประวิตรทำหนังสือชี้แจงครั้งที่ 3 มาแล้วหรือยัง  แต่จากที่เลขาธิการ ป.ป.ช.รายงานก่อนหน้านี้ระบุว่า จะสอบพยานเสร็จในช่วงปลายเดือน ก.พ. ส่วนจะมีการเรียกสอบพยานเพิ่มเติมหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ โดยมีแนวทางปฏิบัติอยู่แล้ว ถ้าเห็นว่ามีความจำเป็น ส่วนเมื่อสอบพยานเสร็จแล้วจะตั้งอนุกรรมการไต่สวนเลยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่ ถ้าจำเป็นจะต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม จะต้องดำเนินการต่อไป
    พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า หากที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีการพิจารณาเรื่องนี้เมื่อไร ตนจะไม่สามารถร่วมพิจารณาได้ เพราะได้มีการขอถอนตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนกรณี พล.อ.ประวิตรประกาศว่าพร้อมจะลาออกจากตำแหน่งถ้าประชาชนไม่ต้องการนั้น  ถือเป็นเรื่องการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของ ป.ป.ช. เนื่องจาก ป.ป.ช.จะดำเนินการตามขั้นตอนและพยานหลักฐาน หรือถ้าลาออกจริง จะไม่ส่งผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ในปลายเดือน ก.พ. ถ้าได้ข้อมูลครบถ้วนแล้วสามารถนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาได้เลยหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมือง  สำนักงาน ป.ป.ช. ว่ามีความเห็นเป็นอย่างไร ยังบอกไม่ได้ และอย่างที่บอกว่ามันเร็วไม่ได้ ต้องให้โอกาสกับคนที่ถูกร้องเรียนได้ชี้แจง เจ้าหน้าที่ต้องพิจารณาให้ครบถ้วน ป.ป.ช.จะพิจารณาอะไรมันต้องชัดเจนก่อน
    ประธาน ป.ป.ช.ยังกล่าวถึงองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติเตรียมเปิดเผยดัชนีภาพลักษณ์การคอร์รัปชัน (Corruption Perception Index) หรือซีพีไอ ช่วงปลายเดือน ก.พ.ว่า คาดหวังว่าจะดีขึ้น เพราะบ้านเมืองเราดีขึ้นในหลายมิติ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ โดยคะแนนซีพีไอ 9 ฐานนั้น 8 ฐานเกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจ ส่วนกระบวนการแก้ไขเรื่องทุจริตนั้น เรามีผลงานด้านนี้ขึ้นเยอะ วันนี้ภาคประชาสังคมตระหนักรู้ถึงมาตรการและโครงการเพื่อสร้างสังคมปลอดทุจริตด้วย หากคะแนนยังไม่ดีขึ้น คงต้องมาวิเคราะห์กันว่าสาเหตุเกิดจากอะไร มีตัวแปรอะไรเข้ามาเกี่ยวข้อง เราหวังให้ดีขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจในการทำงาน
ขึงขังฟันม็อบเชียร์ป้อม
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ชุมนุมให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตร ที่หน้ากระทรวงกลาโหมวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ก็ถือว่ามีความผิด ได้ดำเนินคดีแล้วทั้งหมด 40 คน ผิด พ.ร.บ.ชุมนุมมาตรา 4 มาตรา 7 ชุมนุม 150 เมตรเขตพระราชฐาน และคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ชุมนุมเกิน 5 คน เบื้องต้นให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแล้วออกหมายเรียกเหมือนกับการชุมนุมที่สกายวอล์ก 
    "กฎหมายฉบับเดียวกันก็ดำเนินการเหมือนกัน เมื่อข้อเท็จจริงเข้าข่ายจึงสั่งการให้ดำเนินคดี" พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว
    รอง ผบ.ตร.กล่าวถึงการเดินขบวนพาเหรดล้อเลียนการเมืองในงานประเพณีฟุตบอลจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ว่า  เป็นเรื่องกีฬาภายใน เจ้าหน้าที่ตำรวจคงไม่ไปยุ่ง มีหน้าที่ดูแลอย่าให้เกิดม็อบหรือมือที่สามเท่านั้นเอง ไม่ใช่งานในหน้าที่  
    ส่วน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวที่ทางเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล ม.2 รอ.) เตรียมเข้าตรวจหุ่นล้อการเมืองของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประจำงานฟุตบอลประเพณี จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 ในวันที่ 3 ก.พ.นี้ว่า ถือเป็นเรื่องปกติที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบพูดคุยในการจัดงานทุกปีเพื่อดูแลพื้นที่ การขอความร่วมมืออยู่ในบรรทัดฐานเดียวกับทุกพื้นที่ที่มีการจัดกิจกรรม เพราะปัจจุบันสังคมมีความรู้สึกอ่อนไหวกับประเด็นต่างๆ เร็วกว่าในอดีตมาก แม้บางกรณีเป็นเรื่องเท็จ หรือเป็นเพียงการคาดเดาส่วนบุคคล เมื่อมีการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเสริมมาให้ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกได้ ในช่วงนี้จึงต้องอาศัยความร่วมมือและเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น
    โฆษก คสช.กล่าวต่อว่า ส่วนข้อกังวลเกี่ยวกับรายละเอียดของกิจกรรม ซึ่งแนวทางปีนี้ก็ไม่ต่างจากทุกปีที่ผ่านมา ที่ทางเจ้าหน้าที่ในพื้นคงจะได้มีการประสานกับทางผู้จัดงานในลักษณะการขอความร่วมมือให้ระมัดระวังการแสดงออก ที่ร่วมกันเน้นกิจกรรมไปในเชิงสร้างสรรค์ หากเป็นไปได้คงพยายามหลีกเลี่ยงการดำเนินกิจกรรมที่อาจสุ่มเสี่ยงจะไปกระทบภาพลักษณ์ บุคคล องค์กร ในแง่มุมต่างๆ จนเกิดเข้าใจผิดหรือส่งผลต่อความขัดแย้งเกลียดชังกันของคนในสังคม ซึ่งทุกปีที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือกันเป็นอย่างดี
    ด้าน พล.ต.สุวิทย์ เกตุศรี ผบ.พล ม.2 รอ. กล่าวว่าสำหรับกระแสข่าวการเข้าตรวจหุ้นล้อการเมืองทั้ง 6 ตัว ไม่เป็นความจริง เพราะทางหน่วยมีภารกิจเพียงเข้าดูแลความสงบเรียบร้อยภายในพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานเขต และเทศกิจเพียงเท่านั้น 
    พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (ผบ.มทบ.11) ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้สั่งห้ามใดๆ เป็นเพียงการไปดูแลอำนวยความสงบ รักษาความปลอดภัยเพื่อให้งานจัดไปได้อย่างราบรื่น โดยทางเจ้าหน้าที่จะดูเรื่องของความปลอดภัย โดยนำเครื่องสแกนวัตถุระเบิดและวัตถุต้องสงสัยมาตั้งไว้ก่อนเดินเข้าพื้นที่อัฒจันทร์ในสนามศุภชลาศัย ทั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นมาทุกปี ซึ่งเรารู้ว่าทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะจัดขบวนพาเหรดล้อการเมือง ขณะที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะมีขบวนล้อเลียนปัญหาสังคม ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องตื่นตระหนกอย่างใด เพราะทางคณะกรรมการจัดงานได้มีการตรวจสอบเรื่องของหุ่นล้อการเมืองอยู่แล้ว และมีวิจารณญาณในการวิเคราะห์ก่อนที่จะนำออกมาเดินขบวนพาเหรด
    เมื่อถามว่า กระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปตรวจสอบหุ่นล้อการเมืองนั้น เป็นความจริงหรือไม่ พล.ต.ปิยพงศ์กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับ พล.ต.สุวิทย์ เกตุศรี แล้ว ท่านยืนยันว่าไม่ได้เข้าไปตรวจสอบ เป็นเพียงเข้าไปดูแลความสะดวก รักษาความปลอดภัยร่วมกับตำรวจ เพื่อให้งานราบรื่นและสำเร็จตามวัตถุประสงค์ ถามต่อว่าเจ้าหน้าที่สั่งห้ามให้ทำหุ่นล้อเลียนประเด็นนาฬิกาหรือไม่ พล.ต.ปิยพงศ์กล่าวว่า เราไม่ได้สั่งห้ามอะไร แต่ขอให้มีความเหมาะสมของคณะกรรมการฯ ดังนั้นขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการห้ามแต่อย่างใด เพราะเรารู้อยู่ว่าจะมีขบวนพาเหรดล้อการเมืองและสังคมทุกปี ทางเจ้าหน้าที่เพียงดูแลในเรื่องการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้งานนั้นผ่านไปได้ด้วยความราบรื่น
ไม่จำกัดสิทธิหุ้นล้อเลียน
    พญ.อรพรรณ โพชนุกูล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษาธรรมศาสตร์ ออกแถลงการณ์ถึงกระแสข่าวเจ้าหน้าที่ทหารขอนัดหมายผู้บริหารเพื่อทำความเข้าใจกรอบการทำหุ่นล้อการเมืองว่า ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีจุดยืนและเสรีภาพทางวิชาการแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ชัดเจนมาโดยตลอด ไม่ได้มีการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกของนักศึกษา กรณีมีข่าวบางสื่อระบุว่าฝ่ายความมั่นคงหารือกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอให้นักศึกษาไม่ล้อการเมืองในบางประเด็น และไม่ทำหุ่นล้อผู้นำนั้น ไม่เป็นความจริง โดยมีข้อเท็จจริงที่เป็นข้อตกลงร่วมกันของชาวธรรมศาสตร์คือ การจัดแสดงในขบวนล้อการเมือง การจัดทำหุ่นในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 นั่นคือการเคารพในคุณค่าของเสรีภาพทางวิชาการและสปิริตแห่งธรรมศาสตร์ที่สะสมมาอย่างยาวนาน และย้ำว่ากิจกรรมจะอยู่บนข้อตกลงอันสำคัญ คือไม่ปิดกั้นความเห็นและกระตุ้นเตือนให้สังคมเห็นปัญหาของสังคมและขบคิดร่วมกัน โดยจะอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย สิทธิเสรีภาพการแสดงออกภายใต้รัฐธรรมนูญ
         "ที่สำคัญ ตราบใดที่พลังหนุ่มสาวและเยาวชนยังอยู่ในกฎหมาย การจัดแสดงต่างๆ ย่อมได้รับการคุ้มครองด้วยถือประโยชน์แห่งสาธารณะ เพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็นประเพณีปฏิบัติ เป็นการแสดงออกถึงจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์ ที่เราชาวธรรมศาสตร์เชื่อมั่นและยึดถือสูงสุด" พญ.อรพรรณกล่าว
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีขบวนล้อการเมืองของนักศึกษาสองสถาบันเป็นข้อเท็จจริงปรากฏในสังคมมาตลอดทุกยุคสมัย ว่าจะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย หรือรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจก็ถูกล้อการเมืองเป็นเรื่องปกติตามประเพณีปฏิบัติ รัฐบาลจึงไม่ควรปิดกั้นการแสดงออกความคิดความเห็นผ่านกิจกรรมขบวนแห่ล้อการเมืองของนักศึกษา เพราะหากเข้าไปปิดกั้นหรือแทรกแซง ก็จะถูกสังคมมองว่าใช้อำนาจเกินขอบเขต ไม่เว้นแม้แต่นิสิตนักศึกษา แต่หากปล่อยให้พวกเขาจัดกิจกรรมจนจบ โดยไม่ถูกแทรกแซงใดๆ ก็ถือเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งของรัฐบาล อีกทั้งยังได้รับรู้ความคิดความเห็นของนักศึกษา เยาวชน ต่อปัญหาการเมืองและพฤติกรรมของผู้มีอำนาจ ซึ่งรัฐบาลสามารถใช้ประโยชน์ได้อีก ด้วยการนำเรื่องดังกล่าวไปแก้ไขปรับปรุงให้สังคมพึงพอใจ แต่หากเลือกที่จะปิดกั้น นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ที่สุด ผลสะท้อนกลับจะเป็นบูมเมอแรงกลับมาสู่รัฐบาล คสช.เอง
    ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) นายวัส ติงสมิตร ประธาน กสม. แถลงผลการตรวจสอบกรณีนักศึกษาจำนวน 3 คน ยื่นคำร้องต่อ กสม. ให้ตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ขัดขวางไม่ให้เดินทางไปเพื่อทำกิจกรรม "นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง" ว่า ที่ประชุม กสม.เห็นว่าประเด็นเรื่องการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการสกัดกั้นกลุ่ม นศ.ไม่ให้เดินทางเป็นการดำเนินการตามกฎหมายความมั่นงคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน ที่สามารถทำได้ ส่วนการควบคุมตัวไปยังกองบัญชาการควบคุม กองพลทหารราบที่ 9 จ.นครปฐม ไม่ใช่เป็นการจับกุมหรือคุมขังที่จะต้องกระทำโดยอาศัยหมายของศาล หรือเหตุอย่างอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ  ประกอบกับทาง คสช.ไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงในกรณีที่ กสม.สอบถามว่า คสช.อาศัยอำนาจใดในการควบคุมตัวนศ.ที่เดินทางไปทั้ง 3 คน จึงมีมติให้ยุติเรื่อง เนื่องจากพยานหลักฐานที่มีไม่เพียงพอต่อการพิจารณาวินิจฉัย    แต่เห็นควรให้มีข้อเสนอแนะในการป้องกันและแก้ไขการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิ์ไปยังกระทรวงกลาโหมและ คสช. 
ล้อเลียนนาฬิกาหรูทั่ว
    ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวบรรยายในโครงการอบรมหลักสูตร “นักบริหารยุทธศาสตร์ป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง” (นยปส.) รุ่น 6 หัวข้อ “นโยบายระดับประเทศและการปฏิรูปประเทศในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต” ตอนหนึ่งว่า การเข้ามาของ คสช.ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากมีปัญหาด้านการทุจริต มีความแตกแยก ประชาชนเรียกร้องให้มีการปฏิรูป และอยากให้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ รัฐบาลจึงต้องนำสิ่งที่ คสช.ต้องการแก้ไขปัญหามาดำเนินการ ทุกรัฐบาลที่ผ่านมามีหน้าที่อย่างเดียว คือบริหารราชการแผ่นดิน แต่จากนี้ไป รัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐบาลยังมีหน้าที่ปฏิรูปประเทศ เดินตามยุทธศาสตร์ชาติ และสร้างความสามัคคีปรองดอง เหมือนอย่างที่รัฐบาลนี้ได้ตั้งคณะกรรมการ ป.ย.ป.
    นายวิษณุกล่าวว่า คณะกรรมการปฏิรูปด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็น 1 ใน 13 คณะกรรมการปฏิรูปที่รัฐบาลตั้งขึ้น โดยแผนปฏิรูปประเทศจะสามารถประกาศใช้ได้เดือน มี.ค.นี้ แผนปฏิรูปทั้งหมดเมื่อกองรวมกันแล้วจะมีความสูงเท่าเอว แต่จะให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ย่อลงให้เหลือแค่ตาตุ่ม เมื่อแผนปฏิรูปประกาศใช้ หน่วยงานราชการจะต้องปฏิบัติตาม ถ้าเตือนแล้วยังไม่ปฏิบัติตาม คณะกรรมการปฏิรูปสามารถร้องไปยังคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติให้ส่ง ป.ป.ช.ตรวจสอบ โดยมีฐานความผิดถือว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รวมถึงผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157  
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สังคมออนไลน์ได้ส่งต่อข้อความและภาพศิลปินกราฟฟิตี้รายหนึ่ง ซึ่งใช้นามแฝงว่า “Headache Stencil” ประกาศตัวว่าเป็นผู้ที่พ่นลายกราฟฟิตี้ล้อเลียน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อยู่บนนาฬิกาปลุก พร้อมโลโก้นาฬิกาโรเล็กซ์ บนตอม่อสะพานลอย จนกลายเป็นที่ฮือฮาในโลกโซเชียลฯ 
    ต่อมาเจ้าของผลงานโพสต์ข้อความระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารติดตามเขาทั้งเฟซบุ๊กเพจและอินสตาแกรม ยืนยันว่างานศิลปะบนกำแพงไม่สามารถล้มรัฐบาล หรือทำให้รัฐมนตรีเดือดร้อนได้ แต่ต้องการให้ประชาชนตัดสินพฤติกรรม พล.อ.ประวิตร ที่ทำอะไรแบบไม่เกรงใจประชาชน แบบที่ตอบสื่อว่านาฬิกาเพื่อน ตามที่ได้นำเสนอไปแล้ว
    จากนั้นได้มีการส่งต่อภาพเทศกิจกำลังลบภาพดังกล่าว ซึ่งอยู่บนถนนสุขุมวิทขาเข้า หน้าคอนโดมิเนียม เดอะวิลโลว์สพาร์ค ระหว่างปากซอยสุขุมวิท 56 และ 58 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ บริเวณตอม่อสะพานลอย โดยทาสีขาวทับรูปดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    มีรายงานว่า ภาพกราฟฟิตี้ดังกล่าว ศิลปินกราฟฟิตี้ “Headache Stencil” วาดไว้เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งมีการส่งต่อภาพทางโซเชียลฯ จนเป็นที่ฮือฮา
    วันเดียวกัน เวลา 17.00 น. ที่สกายวอล์ก บีทีเอส อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายธัชพงษ์ แกดำ แกนนำเครือข่ายศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อสังคมนิยมประชาธิปไตย หรือ YPD พร้อมเครือข่าย 4 คน ได้นัดชุมนุมแสดงศิลปะเชิงสัญลักษณ์ ไล่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ลาออก
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้ง 4 คนได้สวมหน้ากากของ พล.อ.ประวิตร พร้อมข้อความภาษาอังกฤษด้านล่างหน้ากาก “Get Out” แสดงเป็นละครใบ้โชว์กระดาษขนาดเอสี่ทีละข้อความ ส่งต่อจากคนที่ 1-4 ถึงความผิดพลาดในการทำงานของ พล.อ.ประวิตร ตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศ “ตามใจป้อม” ทั้งเรื่องการเช่าเหมาลำการบินไทย แต่ สตง.บอกไม่ผิด, ซื้อเรือดำน้ำ 3.6 หมื่นล้าน แต่ไม่มีการแถลงอ้างเป็นเอกสารลับ, เรื่องการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้อยเมย นักเรียนเตรียมทหาร บอกตายเพราะฮีตสโตรก ผมก็โดนซ่อมแต่ไม่ตาย ถ้าไม่เต็มใจโดนซ่อมก็ไม่ต้องมาเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร รวมถึงเรื่องแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน ที่ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน อ้างไม่ใช่ของตัวเอง ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน รวมถึงผลโพลที่ให้ ”บิ๊กป้อม” ลาออก โดยใช้เวลาในการแสดงกิจกรรมประมาณ 20 นาที
โซเชียลฟันธงไม่เอาป้อม
    นายธัชพงษ์กล่าวว่า จุดยืนที่ออกมาเรียกร้องคือสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน แสดงให้เห็นว่าเราไม่ต้องการนักการเมืองหรือรัฐบาลที่มีการโกง กิจกรรมวันนี้เป็นการต้านโกง และจะจัดทุกวันศุกร์ ต้องการให้รัฐบาลชุดนี้คืนความสุขให้ประชาชน โดยเฉพาะการโกง รวมถึงการคืนประชาธิปไตย เขาบอกจะมีการเลือกตั้ง แต่กลับพบว่ามีการเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด จะปฏิรูปประเทศก็ไม่มีการปฏิรูปใดๆ เป็นเพียงข้ออ้าง 
    "อยากฝากไปยัง พล.อ.ประวิตร ในฐานะที่ท่านเป็นทหาร ต้องรับผิดชอบต่อคำพูดของชายชาติทหารที่บอกว่า ถ้าประชาชนไม่ต้องการจะออก วันนี้ประชาชนได้แสดงชัดแจ้งแล้วว่าประชาชนไม่ต้องการ จึงต้องมาแสดงศิลปะเพื่อตัวแทนของประชาชนให้ท่านลาออก จะได้ไปพักผ่อนอย่างสบายใจ จะใส่แหวน นาฬิกากี่เรือนก็ได้ตามใจท่าน" แกนนำ YPD รายนี้ระบุ
    ต่อมา พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผกก.สน.พญาไท เข้าชี้แจงให้หยุดการแสดงกิจกรรม ซึ่งเป็นช่วงที่กลุ่ม YPD ทำกิจกรรมเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวทั้งหมดไปสอบปากคำที่ สน.พญาไท พร้อมแจ้งข้อหาผิด พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะโดยไม่ขออนุญาต มาตรา 10  
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ก.พ. เฟซบุ๊กเพจ “ที่นี่ ThaiPBS” ได้จัดทำโพลหัวข้อ “บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร “อยากให้อยู่ หรืออยากให้ไป” โดยภายหลังจากมีการเปิดให้ประชาชนโหวตตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.61 จนครบ 24 ชั่วโมง ในวันที่ 1 ก.พ.61 ที่ผ่านมา เพจดังกล่าวก็ได้ประกาศปิดโหวต 
    สรุปว่า มีประชาชนเข้ามาแสดงความเห็นกันอย่างล้นหลามประมาณ 192,000 ราย โดยผลโหวตที่ระบุว่า อยากให้ พล.อ.ประวิตรอยู่ในตำแหน่งต่อไป มีเพียงประมาณ 8,500 รายชื่อ หรือ 4% เท่านั้น ซึ่งสวนทางกับผู้ที่ออกเสียงว่า “อยากให้ไป” ที่มีมากถึง 184,000 รายชื่อ หรือ 96%
    ส่วนผลโพลในเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่นๆ อาทิ เพจ “Drama-addict”, เพจ “ต้องแฉ” และทวิตเตอร์ @johnwinyu ซึ่งมีการทำโพลในลักษณะเดียวกัน ต่างได้ผลที่ไม่แตกต่างกัน คือมีเสียงประชาชนสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตรลาออกจากตำแหน่งในสัดส่วนที่มากกว่าต้องการให้อยู่ต่อชนิดห่างกันลิบลับ กระทั่งทำให้เกิดเสียงสะท้อนตามมาว่า หลังจากผลโหวตออกมาเช่นนี้แล้ว พล.อ.ประวิตรจะยอมรักษาคำพูดหรือไม่
    นอกจากนี้ ที่เว็บไซต์ www.change.org ซึ่งนางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก ได้เปิดแคมเปญรณรงค์ในหัวข้อ "อยากให้รองนายกฯ ประวิตรลาออก ตามที่ท่านได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 31 ม.ค.61 ที่กระทรวงกลาโหม" เพื่อล่ารายชื่อประชาชนที่เห็นว่า พล.อ.ประวิตรควรลาออกจากตำแหน่ง โดยปรากฏว่า ยังคงมีประชาชนมาร่วมโหวตกันอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเย็นวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ก็มีผู้เข้ามาโหวตสนับสนุนมากกว่า 5 หมื่นรายแล้ว.
    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"