29พ.ย.61-นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง เปิดเผยถึงกรณีโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ว่า เรื่องการเก็บภาษี กับเรื่องการระดมทุนคนละอย่างกัน เพราะฉะนั้นไม่ว่าสถานศึกษาจะอยู่ในสถานะอย่างไร ก็สมควรที่จะต้องส่งเสริมในเรื่องของภาษี เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ว่าคุณอยู่สถานะหนึ่งต้องส่งเสริม และอีกสถานะหนึ่งไม่ส่งเสริม มันทำไม่ได้
สำหรับเรื่องการระดมทุน ปัจจุบันมีหลายช่องทาง ซึ่งส่วนใหญ่สถานศึกษาก็ลงทุนกันเอง ส่วนพวกไม่มีทุน ก็ไปกู้มาบ้าง ซึ่งปกติก็ต้องบอกว่าหากู้ยาก เพราะสถาบันการเงินค่อนข้างเข้มงวดกับการปล่อยกู้ให้กับโรงเรียน เวลาเกิดปัญหา มันไปเรียกคืนไม่ได้ เพราะมันเกี่ยวกับสังคมเยอะ สถาบันการเงินจึงไม่ค่อยให้
นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่บริษัทต่าง ๆ ร่วมกัน เพื่อสร้างโรงเรียนกลุ่มบริษัทของเขาเอง เพื่อที่จะสนับสนุนธุรกิจของเขา อย่างเช่นของกลุ่มใหญ่ๆที่ตั้งโรงเรียน ตั้งมหาวิทยาลัยของเขา อย่างของ ปตท. ก็มี ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะสร้างนักวิทยาศาสตร์ให้กับประเทศไทย อันนั้นเป็นเรื่องของซีเอสอาร์ที่เขาทำขึ้นมา
ขณะที่การระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ ก็ถือเป็นวิธีการระดมทุนอย่างหนึ่ง ซึ่งการให้เอกชนระดมทุนและเข้าตลาดได้หรือเข้าไม่ได้ คนที่จะตอบได้ดีที่สุด ต้องเป็น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า อนุญาตให้เขาเป็นมหาชน มีความเห็นอย่างไร ซึ่งอาจจะมีแผนงานที่ดีก็ได้ เป็นเรื่องที่เราไม่รู้ คงต้องไปดูแผนงานเขาคืออะไร เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะชนอย่างไร อันนี้คงต้องไปดู แต่จะไปตัดสินด้วยว่าเป็นโรงเรียน และไประดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้ อย่างเดียวคงไม่ใช่
“ส่วนจะมีข้อห้ามเรื่องการนำสถานศึกษาเข้ามาระดมทุนในตลาดหรือไม่นั้น ต้องถาม ก.ล.ต. กฎเกณฑ์คืออะไร และถ้ามีคงเข้าไม่ได้แล้ว คงต้องไปดู และการระดมอย่างนี้ ทำให้ส่วนรวมเสียหายไหม หากไม่เสียหายก็ไม่เป็นไร ส่วนกรณีที่ รมว.ศึกษาธิการ มองว่าไม่เหมาะสมนั้น มองว่า แล้วมันทำให้ใครเสียหายหรือไม่ ”รมว.การคลัง กล่าว
รมว.การคลัง กล่าวว่า กรณีที่หลายฝ่ายมองว่า หากด้านการศึกษาไม่เสียภาษี จะเกิดความลักลั่นกันกับบริษัทจดทะเบียนอื่นนั้น ยืนยันว่า เรื่องการส่งเสริมการศึกษา เป็นอีกเรื่อง ไม่ว่าอยู่สถานะอะไร การส่งเสริมการศึกษาก็คือการส่งเสริมทางการศึกษา มันไม่ได้เกี่ยวกันเลย เจ้าของโรงเรียนจะรวยเราก็สนับสนุนเหมือนกัน เจ้าของจนเราก็ให้เหมือนกัน มันดูสิ่งที่เขาทำ และเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับประเทศไทยและเราอยากจะช่วย และเรื่องการศึกษาก็เป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกสำหรับประเทศไทยอันดับแรก โดยเฉพาะการที่เราจะก้าวข้ามไป 4.0 การศึกษาจะสำคัญ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |