29 พ.ย.61 - นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมชลประทาน กล่าวระหว่างลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าเพื่อศึกษาออกแบบก่อสร้างโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพลว่า โครงการนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งกับประชาชนในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาภาคกลางที่ใช้น้ําเพื่อการเกษตร รวมถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลที่ใช้น้ําจากเขื่อนภูมิพล เพื่อการอุปโภค บริโภค และผลิตน้ำประปา อีกทั้งยังส่งผลประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวในบริเวณพื้นที่เขื่อน การประมง และการผลิตกระแสไฟฟ้า ตอบสนองการพัฒนาประเทศได้เป็นอย่างมาก
ทั้งนี้การสำรวจออกแบบโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพลนี้ มีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2562 แล้วจึงนำเสนอโครงการฯต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.) และคณะรัฐมนตรี หากดำเนินการได้ตามแผนนี้ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2569 รวมระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 7 ปี วงเงินก่อสร้างประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาท
โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล ได้ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำ 12 ปี (พ.ศ. 2558 – 2569) ที่จัดทำขึ้นโดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ที่มุ่งเน้นเรื่องการจัดการน้ําอุปโภคบริโภค สร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิตทั้งการเกษตรและ อุตสาหกรรม พัฒนาแหล่งน้ำและเพิ่มพื้นที่ชลประทาน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ การป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติต่าง ๆ รวมถึงเครือข่ายพันธมิตรในการทำงานและใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย อีกทั้งโครงการฯ ยังได้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน และมีการประชุมรับฟังความคิดเห็นตลอดระยะเวลาการศึกษาโครงการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและไม่ส่งกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้มีการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมไปแล้ว ระหว่างนี้เป็นการดำเนินการศึกษาเพื่อทำการออกแบบโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่ท้ายเขื่อนภูมิพลและลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง โดยผันน้ำส่วนเกินจากแม่น้ำยวมที่มีปริมาณน้ำมากในฤดูฝน ซึ่งไหลลงแม่น้ำเมยและไหลออกนอกประเทศ และไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ จึงต้องนำมากักเก็บไว้ในเขื่อนภูมิพล ด้วยการสร้างเขื่อนน้ำยวม และสถานีสูบน้ำ ก่อนส่งน้ำโดยแรงโน้มถ่วงผ่านอุโมงค์ส่งน้ำเข้าเขื่อนภูมิพลตามมติ ครม.
