เจอร์เกน คล็อปป์ รับสภาพ ลิเวอร์พูล ต้องพึ่งแอนฟิลด์กับแมทช์ชี้ชะตากับ นาโปลี ในนัดสุดท้าย หลังบุกพ่าย เปแอสเช ที่กรุงปารีส ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อคืนวันพุธ
    ประตูในครึ่งแรกจาก ฆวน แบร์นาท์ กับ เนย์มาร์ ช่วยให้ เปแอสเช เอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ 2-1 ที่ ปาร์ค เดส์ แพร็งซ์ โดยทีมเยือนได้ประตูตีไข่แตกจากจุดโทษของ เจมส์ มิลเนอร์ ในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก และครึ่งหลังทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้
    ลิเวอร์พูล ต้องเอาชนะ จ่าฝูงกลุ่ม ซี นาโปลี ให้ได้เท่านั้นในแมทช์สุดท้าย และอาจต้องชนะให้ได้มากกว่าหนึ่งประตู เพราะประตูได้เสียเป็นรองทีมแกร่งจากอิตาลีอยู่ 2 ลูก ถึงจะปาดหน้าผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ต่อไปได้ แต่หากไม่เสียประตู สกอร์ 1-0 ก็เพียงพอตามกฎเฮ้ดทูเฮ้ด
    "เกมนี้ออกสตาร์ทอย่างที่เราคาดไว้อยู่แล้ว เกมค่อนข้างเดือดและพวกเขาเปิดหน้าแลกเต็มที่ พวกเขาได้ 2 ประตูจากการแย่งบอลจังหวะสองได้ เรายังอยู่ในเกมถึงแม้จะตามหลัง เราเริ่มคอนโทรลเกมขึ้นมาเรื่อยๆ เกมนี้ยังไม่ตัดสิน เราพยายามทุกสิ่งแต่เราไม่ได้มีโอกาสที่จะแจ้งมากนัก"
    "การที่เกมออกสตาร์ทมาแบบนี้ทำให้นักเตะเสียความมั่นใจไปบ้าง ซึ่งต้องใช้เวลา ปัญหาอีกอย่างคือเราต้องรับมือกับการที่เกมถูกขัดจังหวะราว 5 แสนครั้งเห็นจะได้ในครึ่งหลัง และผู้ตัดสินยังคิดว่าเขาทำถูกต้องแล้วอีก เราเป็นหนึ่งในทีมที่เล่นแฟร์ที่สุดในอังกฤษ แต่ค่ำคืนนี้เราดูเหมือนฆาตกร ตอนนี้เราต้องพึ่งเกมที่แอนฟิลด์อีกหนึ่งนัด"
    สถานการณ์ กลุ่ม ซี หลังผ่าน 5 นัด โอกาสยังเปิดกว้างสำหรับ 3 ทีม คือ นาโปลี 9 คะแนน, เปแอสเช 8 คะแนน และ ลิเวอร์พูล 6 คะแนน ยังสามารถเข้ารอบและตกรอบได้หมด เว้นแต่ เร้ด สตาร์ ที่มี 4 คะแนน ตกรอบแน่นอนแล้ว
    สรุปผลบอล แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อคืนวันพุธ (ทีมหน้าเจ้าบ้าน) โลโคโมทีฟ มอสโกชนะ กาลาตาซาราย 2-0, แอตเลติโก มาดริด ชนะ โมนาโก 2-0, ดอร์ทมุนด์ เสมอ คลับ บรูช, เปแอสเช ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1, นาโปลี ชนะ เร้ด สตาร์ เบลเกรด 3-1, พีเอสวี แพ้ บาร์เซโลน่า 1-2, ปอร์โต้ ชนะ ชาลเก้ 3-1, ท็อตแน่ม ชนะ อินเตอร์ มิลาน 1-0,