2 ก.พ.61- ที่โรงแรมวี-วัน อำเภอเมืองจังหวัดนคราชสีมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย ดร.คุณหญิงกัลยาโสภณพานิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และนายเกียติ สิทธิอมร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้เกียติตามคำเชิญของสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา นำโดย นายสายันต์ โกลาตี นายกสมาคมศิษย์เก่าอัสสัมชัญนครราชสีมา ในการประชุมคณะกรรมการสมาคมศิษย์เก่า ครั้งที่ 1/2561 ครั้งที่ 42 โดยมีพลเอกมารุต ลิ้มเจริญ ผู้ทรงคุณวุติและกรรมการที่ปรึกษาสมาคมฯ นายกสมาคมกีฬาจังหวัดนครราชสีมา,นายชัชวาล วงษ์จร ประทานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และนายทวีชัย สุวรรณวัชร์ รองอธิบดีอัยการภาค 3 รวมทั้งสมาชิกสมาคม พ่อค้าคหบดี นักธุรกิจ ผู้บริหาร อปท. รวมกว่า 100 คนร่วมงาน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวในที่ประชุมว่า สิ่งที่ตนอยากจะย้ำเรื่องของอนาคตของประชาชนทั้งในจังหวัดนครราชสีมา ในภาคอีสานและในประเทศไทย เพราะมันเป็นเรื่องแปลกเวลาที่เราพูดกันว่ามีปัญหาการเมืองมีความขัดแย้งและเวลาจะไปพูดเรื่องปรองดองหลายคนก็มักจะไปขุดเรื่องอดีตขึ้นมา ความจริงถ้าหยิบเรื่องอดีตขึ้นมาแล้วขัดแย้งกันมันปรองดองยาก วิธีที่จะปรองดองดีที่สุดร่วมกันมองอนาคตมากกว่าว่าเราจะเดินหน้าบ้านเมืองเราไปได้อย่างไร เพราะกว่า 10 ปีแล้วเป็นอย่างน้อยที่ประเทศไทยสูญเสียโอกาสจากเหตุการณ์หลายอย่าง ซึ่งทุกคนไม่เว้นแต่ตนและนักการเมืองคนอื่นๆต้องมีส่วนรับผิดชอบ ในขณะที่เราสูญเสียเวลาไปกว่า 10 ปีกับปัญหาภายในของเราโลกก้าวไปไกลมากทั้งเทคโนโลยี ทั้งสภาพความเป็นจริงทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่าเราไม่ทราบว่าจะมีการเลือกตั้งวันไหน ใครทราบช่วยบอกที ไม่ได้ติดใจว่าจะเลือกตั้งปี 2561 หรือ 2562 หรือจะต้องเดือนไหน แต่สิ่งที่หวังคือเลือกตั้งแล้วประเทศชาติเดินหน้าได้หรือเปล่า และตกลงเราได้คนที่มาบริหารประเทศที่คิดถึงสิ่งประเด็นที่ตนพูดหรือยัง หรือสุดท้ายต้องมาแข่งขัน ประชานิยม หรือสุดท้ายต้องให้ราชการมาบอกว่าจะต้องมีนโยบายอย่างไร นี้คือความท้าทายสำหรับประชาชน คนไทยทั้งประเทศ และตนอยากจะเห็นว่ากันเลือกตั้งที่จะมีขึ้นมันเป็นโอกาสของประเทศไทยจริงๆที่จะก้าวพ้นจากสภาพปัญหาสิ่งเหล่านี้
“ ที่ผมพูดตรงนี้เรื่องบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องการเมือง ผมไม่ทราบจริงๆว่าเขาจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ ถามว่าผมแนวทางที่ประชาชนมีการพูดเรื่องรัฐบาลที่กำลังเดินสายทำอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างผมทราบดี ก็ต้องบอกพูดตรงๆพวกผมเป็นฝ่ายถูกกระทำค่อนข้างมาก"
เขายกตัวอย่าง กฎหมายพรรคการเมืองที่ต้องทำฐานสมาชิกให้เป็นปัจจุบันโดยฐานของ กกต. มีอยู่ประมาณ 3 ล้านคนมาบังคับให้ตนปรับปรุงให้เป็นปัจจุบันโดยห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง ตนทำเสร็จทันตามกำหนดในเวลา หลังจากนั้นมีมาตรา 44 ออกมาว่าที่ทำมาไม่ต้องทำแล้ว และที่พิสดารไปกว่านั้น ใครที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองอยู่ในปัจจุบันให้เวลาจากวันที่ 1 เมษาถึง 30 เมษา เท่านั้นไปทำหนังสือยืนยันว่าอยากเป็นพรรคการเมืองนั้นต่อ และต้องแสดงหลักฐานว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมายที่จะเป็นสมาชิกพรรค เช่น ไม่ติดยาเสพติด ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ไม่เคยถูกปลดออกจากราชการ ไม่อยู่ระหว่างเพิกถอนสิทธิ แต่ที่แปลกกว่านั้นพรรคเก่าห้ามหาสมาชิกใหม่ แต่พรรคใหม่ให้หาสมาชิกได้หมด รวมทั้งดึงสมาชิกพรรคเก่าไปเป็นสมาชิกพรรคใหม่ได้และการสมัคสมาชิกพรรคใหม่ไม่ต้องมีหลักฐานตัวนี้ เป็นต้น
"ผมไม่กังวลอะไรว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ พรรคเราอยู่มา 70 ปี เจอมาหมดในการเอารัดเอาเปรียบ แต่พวกผมอยู่ได้ ใครเอารัดเอาเปรียบผมไม่เห็นอยู่ได้นาน สุดท้ายมีอันเป็นไป เพราะผมยังเชื่อว่าอุดมการณ์และความซื่อสัตย์ที่จะมีจีรังยั่งยืน และปัจจุบันประชาชนก็พอมองเห็นว่าอนาคตของประเทศจะต้องเดิน ถ้าบ้านเมืองไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตไม่มีอะไรสำเร็จ ไม่มีความมั่นคงในหลักการว่าจะทำด้วยวิธีใดเรื่องความโปร่งใส เลือกตั้งเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น แต่ผมก็จะเดินหน้าของผมอย่างนี้ ส่วนใครจะใช้อำนาจรัฐอำนาจเงินอย่างไรพวกผมเจอมาหมดแล้ว “ นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |