ท่ามกลางกระแสข่าวอดีต ส.ส.ย้ายข้าง เปลี่ยนขั้วไปพรรคต่างๆ มากมาย พรรคเพื่อชาติไม่ได้รับผลกระทบ เลยจัดทัพในพรรค เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งในปี 2562 ด้วยความที่ย้ำชัด เกาะกลาง พร้อมพูดคุยกับทุกฝ่าย บนจุดยืนประชาธิปไตย จากอดีต ส.ส.รุ่นเก๋าของพรรค ผู้สมัครหน้าใหม่ และคนรุ่นใหม่ทางการเมืองของพรรค ต่างยึดถือเป็นแนวทางหลัก

                เพื่อชาติ เป็นเหมือนพรรคการเมืองอื่น ที่อุดมไปด้วยคนรุ่นใหม่ทางการเมือง ในวันนี้ได้ร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนมุมมองการเมืองกับ ป๊อบ-น.ส.พรพรหม พรหมชาติ รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ ที่มาบอกเล่าถึงสนามการเมือง ได้ย้อนเล่าให้ฟังว่า ‘สมัยเรียนมัธยม อายุประมาณ 12 ปี จากจังหวัดนครศรีธรรมราช มาร่วมชุมนุมในรัฐบาลอภิสิทธิ์ มาศึกษาเขามาเรียกร้อง เพราะอะไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งความสูญเสียผู้คน หลายเหตุการณ์ ทำให้เราคิด มันเกิดอะไรกัน พอกลับไปใช้ชีวิตที่นครศรีธรรมราช ใช้ชีวิตนักเรียนปกติ ตอน ม.3 ได้จัดรายการวิทยุชุมชนด้วย เกี่ยวกับข่าวการเมือง จนมาถึงปี 2556-2557 นปช.เรียกร้องประชาธิปไตยที่ถนนอักษะ ขณะนั้นยังเป็นเด็ก ม.5 ช่วงปิดเทอม ได้มาร่วมบวกกับเราสนใจการเมืองอยู่แล้ว ตอนนั้นถือเป็นจุดพีก ผู้ใหญ่หลังเวทีเห็นเราเป็นคนใต้ ทำไมมายืนตรงนั้น เลยได้ขึ้นไปบนเวทีได้พูดอะไรเล็กๆ น้อยๆ ตอนนั้นอายุประมาณ 17 ปี จากนั้น ม.6 เกิดเหตุการณ์พลิกผัน ได้ย้ายโรงเรียนไปจังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นผลกระทบหลังจากขึ้นเวทีตอนนั้น ต่อมาเรียนจบมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตอนนี้กำลังเรียนปริญญาโท

                เหตุที่มาร่วมพรรคเพื่อชาติ เพราะให้โอกาสคนทุกรุ่น ทุกคนถามป๊อบ ลงเขตไหน เราอายุเพียง 22 ปี เราเห็นว่าเพื่อชาติสร้างคนเพื่อจะไปสร้างชาติ เลยให้ความสำคัญ ดึงเราเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในนั้น เป็นรองโฆษกพรรค มาฟังแนวคิด อุดมการณ์ เพื่อจะบอกว่าเราไม่ได้แอบอิงผลประโยชน์ แต่เด็กหรือเยาวชนกลุ่มนี้ในวันข้างหน้าเราต้องการอะไร พรรคเพื่อชาติ ได้ให้โอกาสเรา คนรุ่นใหม่ที่มาทำงานในพรรคเพื่อชาติ ทุกคนมุ่งตรงด้วยเป้าหมายเดียวกัน ทำเพื่อชาติ เพื่อประชาธิปไตย 

                ที่บ้านในเรื่องการเมือง ที่บ้านเปิดเสรี ไม่จำกัดว่าใครจะต้องคิดเห็นเหมือนกัน เป็นความเสรี อยู่ที่ว่าจะไปในทิศทางไหน ไม่มีการมาบอกจะต้องมาอยู่ในฝั่งนั้น ฝั่งนี้นะ เป็นการปล่อยความคิดเสรี คุณมีความคิดของคุณเอง สิ่งไหนดี ไม่ดี และควรจะทำกับประเทศอย่างไร

                หากมีโอกาสนำเสนอนโยบายไปให้พรรคเพื่อชาติ

                นโยบายต้องเป็นนโยบายสร้างคน เพื่อจะสร้างชาติ คือเรื่องการศึกษา คนจะพัฒนาประเทศได้ การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ คนทุกคนเท่าเทียมกัน ขอแค่รัฐจัดสรรให้เท่าเทียม อยากให้พรรคเพื่อชาติ จัดสรรการศึกษา ตอบโจทย์เด็กไทยได้ดี เหมือนกับต่างประเทศที่เป็นหนึ่งเรื่องการศึกษา

                ถ้าใครได้ดูกิจกรรมพรรคเพื่อชาติ เราเป็นพรรคเกาะกลางประชาธิปไตย หากยืนฝั่งประชาธิปไตยคือฝ่ายเดียวกัน แต่ไม่เอาเผด็จการ ด้วยบุคลากรที่เราได้เห็นในวันประชุมใหญ่ พรรค ได้เห็นแล้วว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เป็นอดีต ส.ส.น้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นคนหน้าใหม่ ที่พร้อมจะพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ในกลุ่ม First time Voter ที่มีประมาณ 7 ล้านคน ในการที่จะไปใช้สิทธิออกเสียงครั้งแรก โดยตัวเองก็เป็นหนึ่งในนั้น อยากจะผลักดันคนที่ได้เลือกตั้งครั้งแรก ได้เห็นความสำคัญ ออกมาเลือกตั้งให้เยอะ ใช้สิทธิให้เต็มที่

                แรงเสียดทานในฐานะเป็นคนใต้ที่มาอยู่ทางนี้ ขณะที่คนส่วนใหญ่นิยมในพรรคการเมืองอื่น

                แรงเสียดทาน มีมาแต่แรกเริ่มที่สนใจการเมืองในวัยอายุ 10 กว่าๆ มีผลกระทบมาหาเราตลอด แต่จากจุดนี้ทำให้เราคิดได้ว่า เราก็หนักแน่นอุดมการณ์ ส่วนพี่น้องภาคใต้จะคิดอย่างไร เป็นหน้าที่เขาฉุกคิด เด็กตัวเล็กๆ คนนี้มายืนจุดนี้ท่ามกลางความเสี่ยง ทำไมเขาถึงกล้า ต้องเป็นคำตอบให้เขาในหลายๆ คน ถ้าอายุถึง ก็อยากเป็นผู้แทนประชาชนอยู่แล้ว ทุกการแก้ไขต้องแก้ไขในรัฐสภาฯ เราคิด เราทำแก้ไข โดยตัวเราเองมันยาก ถ้าแก้ไขต้องแก้ไขในสภาฯ เท่านั้น เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เรามีความคิด อยากจะแก้ไขบ้านเมืองให้ดีกว่านี้ ในวันข้างหน้าหากมีการหาเสียง จะร่วมไปด้วย พ่วงท้ายไปด้วยตลอด อยากรู้ว่ามันเกิดอะไร ไม่ชอบมาตามดู ตามอ่านทีหลังว่าเกิดอะไร ชอบไปลุย ไปดูเองในหน้างานเองมากกว่า ควรทำอย่างไร จะแก้สถานการณ์อย่างไร

                หากมีโอกาสได้ไปปราศรัย พูดกับพี่น้องภาคใต้

                ตอนพรรคเพื่อชาติไปเปิดสาขาที่นครศรีธรรมราช ได้พูดในฐานะคนใต้ พูดให้พี่น้องภาคใต้เห็นได้คิด นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ส่วนใหญ่เป็นพี่น้องปักษ์ใต้ ทำไมถึงมาเรียกร้อง จะบอกว่าพรรคนี้ไม่ใช่คนบ้านเรา ก็คงไม่ใช่ คนเรียกร้องประชาธิปไตยแต่แรกเริ่ม นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นคนสุราษฎร์ธานี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นคนนครศรีธรรมราช บริบทพี่น้องภาคใต้ อาจคิดว่าไม่ใช่พรรคบ้านเรา แต่อย่าลืมว่า ตัวบุคคลเหล่านี้คือคนภาคใต้ ที่ขึ้นเวทีก็คนภาคใต้ ถือเป็นโอกาสหนึ่งให้พี่น้องทุกภาค และภาคใต้ได้ฉุกคิด วันนี้แม้จะให้ความสนใจเราน้อยกว่าพรรคขวัญใจ อย่างพรรคประชาธิปัตย์ แต่เราอาสายื่นมือมาพูดคุย อยากให้พี่น้องได้ลองว่า หลายๆ ครั้งเชื่อพรรคขวัญใจไปแล้ว ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิด อยากให้ลองเปิดใจในพรรคประชาธิปไตย จะลองเชื่อดูสักครั้งไหม เมื่อยอมรับตรงๆ ผิดหวังหลายรอบ ลองดูสักรอบจะเป็นอย่างไรไป

                ขอให้เปิดใจ ให้พรรคเพื่อชาติ ขอบคุณพรรคเพื่อชาติ เปิดโอกาสกับพรรคเพื่อชาติ ไม่ว่าจะเคยผิดหวังมา อยู่สีไหนมา ถ้าคิดใหม่ เราสู้อีกครั้ง เพื่อประชาธิปไตย ยืนหยัดประชาธิปไตย โดยไม่เอาเผด็จการ เราพร้อมสู้ไปด้วยกัน อยากให้ฉุกคิด เราเป็นเยาวชนตัวเล็กๆ ยังกล้าขับเคลื่อน ยืนอย่างท้าทาย ที่กล้าเพราะเห็นว่าสิ่งนี้ใช่แล้ว สิ่งนี้ถูกต้อง อนาคตการเมือง ในเมื่อเราศรัทธาประชาธิปไตยมาแต่แรกเริ่ม หากเพื่อชาติยังมีมุมมองประชาธิปไตย เราก็ยังอยู่เคียงข้างพรรคเพื่อชาติ.