27 พ.ย.61-นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย.จนถึงวันที่26 พ.ย.ที่ผ่านมา มีมากกว่า 1,300 คน และหลังจากนี้ทางพรรคจะเร่งตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครที่มีความประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ในระบบเขตเข้าเป็นสมาชิกในลำดับต้นก่อน ซึ่งตัวเลขของผู้สมัครถือว่าเกินการคาดหมาย 

ทั้งนี้เชื่อว่าน่าจะเกิดจากแนวทางของพรรคในการสร้างความสงบสุขให้กับสังคมและประเทศตลอดจนมีเป้าหมายเพื่อขจัดความขัดแย้งจึงทำให้มีอดีตรัฐมนตรี  อดีตส.ส.และนักการเมืองท้องถิ่น รวมถึงผู้สนใจอื่นจำนวนมาก โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและแกนนำ นปช.

เมื่อถามถึง จำนวนผู้ที่มาสมัครและประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบเขต ที่มีจำนวนมากและมีความหลากหลาย นายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ผู้ที่จะได้ลงสมัครนั้นต้องสมัครเป็นผู้ลงสมัครของพรรคก่อน และจะต้องผ่านการสำรวจความนิยมของประชาชนในพื้นที่ประกอบกับการตัดสินใจของกรรมการสรรหาผู้สมัครของพรรค 

อย่างไรก็ตามคาดว่าพรรคจะมีคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครของพรรค 11 คน ได้ประมาณช่วงต้นเดือนธ.ค.รวมถึงต้องจับตามองการออกจากตำแหน่งของ 4 รัฐมนตรีคือ หัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคและโฆษกพรรค เพื่อเข้ามาทำงานพรรคพลังประชารัฐอย่างเต็มตัว ในช่วงที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีผลบังคับใช้

ส่วนการจะเสนอบุคคลให้เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐจะเป็นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. หรือไม่นั้น นายวิเชียร กล่าวว่า ขณะนี้ทางพรรคยังไม่ได้มีการพูดคุยกันซึ่งทั้งหมดจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของช่วงเวลาที่เหมาะสม รวมถึงการตัดสินใจของบุคคลที่จะทาบทามด้วย

"หากพล.อ.ประยุทธ์ตอบรับเป็นนายกรัฐมนตรีในนามของพรรคพลังประชารัฐเราก็ต้องยอมรับในเงื่อนไขมีทั้งจุดเด่น และจุดด้อย ที่แม้ประชาชนจะรู้จักพล.อ.ประยุทธ์เป็นอย่างดีแต่ก็ไม่สามารถจะช่วยพรรคหาเสียงได้"นายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ กล่าว.