27 พ.ย.61- นายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว Sustarum Thammaboosadee ระบุว่า
วันนี้ผมได้บรรยายเรื่องเสรีนิยมใหม่กับการทำลายประชาธิปไตยจากการทำลายระบบสวัสดิการ ที่ ศูนย์สิทธิมนุษยชนแห่งนอร์เวย์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยออสโล
ข้อเสนอหลักคือ บันไดขั้นสุดท้ายของการทำลายประชาธิปไตยของรัฐบาลอำนาจนิยมคือการทำลายความเป็นประชาธิปไตยในระบบสวัสดิการ และสร้างระบบใหม่ที่วางอยู่บนฐานความไร้อำนาจของประชาชน
มีการแลกเปลี่ยนจากนักวิชาการชาวนอร์เวย์หลากหลายมากๆ หยิบประเด็นสำคัญดังนี้
Q: ในประเทศอย่างไทยที่ไม่มีสหภาพแรงงานเข้มแข็งจะสร้างรัฐสวัสดิการได้อย่างไร กรณีนอร์เวย์สหภาพแรงงานเป็นกลไกสำคัญมาก
A: ประเทศไทยมีสมาชิกสหภาพแรงงานน้อยมาก แต่เรามีสามารถเริ่มจากปริมาณที่ไม่มากนี้สำคัญคือ แรงงานนอกระบบ 20 ล้านคน เราต้องจัดเงื่อนไขรัฐสวัสดิการเพื่อคนกลุ่มนี้ให้ได้ เพราะฉะนั้นระบบต้องมีเงื่อนไขน้อยที่สุดเพราะคนที่ลำบากที่สุดไม่ได้จนที่สุดแต่ถูกกีดกันสิทธิมากที่สุด เมื่อรัฐสวัสดิการเกิดขึ้นคนกลุ่มนี้จะมีพลังและรวมตัวได้
Q: จะเรียนรู้จากจีนที่ใช้เสรีนิยมใหม่เข้ามาแล้วแก้ไขคนที่จนที่สุดได้หรือไม่
A: จีนประสบความสำเร็จในการแก้คนจนที่สุด แต่ล้มเหลว(โดยจงใจ)ในการแก้ความเหลื่อมล้ำ ปัจจุบันเทคโนโลยี ระบบการผลิตที่ก้าวหน้า ในสังคมที่ไม่เป็นประชาธิปไตยและคนไร้อำนาจทางเศรษฐกิจจากความเหลื่อมล้ำ กลับสร้างอำนาจในการควบคุมชีวิตคนแม้กระทั่งอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนได้ผ่านอำนาจรัฐและทุนที่ผูกขาดมากล้น
Q: การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ในสองปีที่ผ่านมาในไทยทำให้มิติการพูดเรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน
A: จากผู้สังเกตภายนอกอาจไม่ต่าง เพราะเราปกครองโดยเผด็จการทหารมาสี่ปี ถ้าคุณมาเที่ยวเมืองไทย คุณอาจรู้สึกไม่ต่างกับการที่คุณไปสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย คนไทยเหมือนชินกับเผด็จการ แต่เมื่อไม่กี่เดือน แกนนำ กปปส.ประกาศตั้งพรรคการเมือง สี่ปีก่อนคนนับแสนสนับสนุนเขา ตอนนี้แม้เขาจะประกาศจุดยืนไม่ต่างกับสี่ปีก่อนแต่ความนิยมของพวกเขากลับตรงข้าม ผมเชื่อว่าเหตุหนึ่งคือการเปลี่ยนแปลงเมื่อสองปีก่อน
Q: ทำไมชนชั้นกลางไทยจึงไม่สนับสนุนรัฐสวัสดิการ รวมถึงประชาธิปไตย
A:จากแผนภาพสถิติที่แสดงผมเชื่อว่ามีชนชั้นกลางในไทยน้อยกว่าที่คนไทยเข้าใจ คนที่ปลอดภัยจากการอยู่กับระบบมันน้อยมาก ทุกคนปากกัดตีนถีบ แต่คนที่พอปลอดภัยในระบบเชื่อว่าถ้าชนชั้นล่างมีชีวิตดีจะขึ้นมาแย่งพื้นที่ของเขาซึ่งล้วนเป็นมายาคติ ชนชั้นนำในไทยผูกขาดทั้งทางเศรษฐกิจและอุดมการณ์จนชีวิตชนชั้นกลางและล่างแทบไม่มีอะไร
Q:บริบทวัฒนธรรมไทยมีผลต่อการปฏิเสธ รัฐสวัสดิการและสิทธิมนุษยชนมั้ย
A:มีแน่นอน ซึ่งถูกหล่อหลอมประยุกต์ คติแบบจารีตให้มีผลสำคัญ เราคนไทยโดยมากไม่เชื่อเรื่องสิทธิโดยกำเนิด สิทธิมีเงื่อนไขเสมอโดยเฉพาะคนมีอำนาจสามารถกำหนดสิทธิได้ คนดีควรได้สิทธิมากกว่าคนอื่น คนเก่ง คนรวย คนประสบความสำเร็จ ก็พึงได้สิทธิมากกว่าตามแต่ละอรรถาธิบาย เห็นได้ชัดจากสิทธิข้าราชการ การสงเคราะห์ การพิสูจน์ความจน การผลักให้ลูกซื้อประกันให้พ่อแม่ (ผู้ฟังตลกและตกใจเรื่องนี้มาก พ่อแม่ซื้อให้ลูกก็แปลกแต่พอเข้าใจได้ แต่ลูกซื้อประกันให้พ่อแม่นี่แปลกมากสำหรับคนที่นี่) ซึ่งคติเหล่านี้ทำงานร่วมกับเสรีนิยมใหม่ได้ดีมาก ในการจำกัดอำนาจทางเศรษฐกิจการเมืองของคนส่วนใหญ่
บรรยากาศทางวิชาการและการมีส่วนร่วมของนักวิชาการเข้มข้นมากน่าจะมาจาก สหภาพผู้ปฏิบัติงานมหาวิทยาลัยเข้มแข็ง นักวิชาการมีเวลาว่าง ภาระงานไม่เยอะมาก สามารถมาร่วมแลกเปลี่ยน
ทั้งนี้มีสิ่งหนึ่งที่นายษัษฐรัมย์ ไม่อธิบายคือคำถามจากนายใจ อึ๊งภากรณ์ นักเคลื่อนไหวทางวิชาการและการเมือง บุตรชายคนสุดท้องของ ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เคยเขียนบทความเรื่อง "แรงงานไม่ควรหลงเลือกนายใหม่ในรูปแบบพรรคอนาคตใหม่" ซึ่งมีเนื้อหา ระบุว่า บริษัทไทยซัมมิทอีสเทิร์น ซีบอร์ด ออโต้พาร์ท อินดัสตรี ของตระกูลนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้สั่งเลิกจ้างคนงาน 50 คนในวันที่ 26 ธันวาคม 2549 เพราะได้ไปสมัครเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานฟอร์ดและมาสด้าประเทศไทย และทางบริษัทเกรงว่าจะทำให้ลูกจ้างมีอำนาจต่อรองกับบริษัทมากขึ้นหากมีสหภาพแรงงาน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |