ในวันที่ 'บุญทรง' ได้พูด


เพิ่มเพื่อน    

     คือ...

                เรามาถึงวันที่ โอ๊ค อ้างอิงคำพูด มาติน ลูเธอร์ คิง

                “ศรัทธาคือบันไดขั้นแรก แม้คุณไม่อาจมองเห็นขั้นบันไดทั้งหมด”

                โอ๊ค ช่างมาไกลจริงๆ!

                ทำนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนแปดเปื้อน!

                โอ๊ค ไม่ลองไปถามพ่อดูบ้าง ใช้บันไดมากี่อันแล้ว

                แต่ละอันมีคนตกไปตายกี่ศพ อยู่ในคุกกี่คน

                ไอ้ที่ไปด่าไล่หลังคนย้ายพรรค ว่า นอกจากจะได้ประโยชน์คดีความทั้งหมดของตัวเองและครอบครัวก็จะหลุดพ้นด้วย..!!

                แล้วพูดถึงตัวเองว่า      

                สำหรับตัวผม..

                -คุณพ่อโดนตัดสินจำคุกในฐานะคู่สมรส ที่เซ็นยินยอมให้คุณแม่ไปประมูลที่ดิน

                -ตัวผมเองกำลังโดนฟ้องคดีฯ ข้อหาฟอกเงิน

                -ญาติพี่น้องก็กำลังจะโดนยัดข้อหา โดยการกันคนไปเป็นพยานและปั้นหลักฐานเท็จ เพื่อที่จะหาเรื่องโยนความผิดให้ได้...

                -แต่ละเรื่องที่โถมเข้ามา รุนแรงและหนักที่สุดเท่าที่ครอบครัวผมเคยเจอมา

                แต่การเป็น “ลูกทักษิณ” การจะท้อหรือกลับไปกลับมามันเป็นไปไม่ได้ เพราะทางเลือกมีแค่ 2 ทาง คือ อยู่เงียบๆ รอเขาไล่ล่า หรือเดินหน้าต่ออย่างมีศรัทธาและอุดมการณ์เท่านั้น!!..........

                ทำไมโอ๊ค พูดไม่หมด

                เอาดีเข้าตัว โยนชั่วให้คนอื่น

                น่าขำ พอมีคดี อุดมการณ์บังเกิด แล้วก่อนหน้านั้นไปทำอะไรอยู่?

                โอ๊คน่าจะรู้ว่า คนที่ต้องติดคุกตอนแก่ไปหลายคนนั้น ติดเพราะอะไร

                วิโรจน์ นวลแข

                สุชาย เชาว์วิศิษฐ

                ๑๘ ปี ที่ต้องไปอยู่ในคุกเพราะใคร 

                ศาลตัดสินคดีกรุงไทย ไปตามหลักฐานเท็จงั้นหรือ? ใครเป็นคนยัดข้อหา

                โอ๊คแน่ใจได้อย่างไรว่า คนที่ทิ้งเพื่อไทยไปอยู่พรรคอื่น เพราะเรื่องคดีความ

                หรือถ้าเป็นไปตามที่โอ๊คว่าจริง คดีความ มาจากไหน

                ใครเป็นคนบงการให้เกิด

                พวกที่มีคดีเผาบ้านเผาเมือง โอ๊คก็รู้ว่า ที่แล้วมาสู้เพื่อใคร 

                หรืออย่างคดี "บุญทรง เตริยาภิรมย์" ใครจะไปช่วยอะไรได้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาติดคุก ๔๒ ปีไปแล้ว

                ที่เหลือพอจะทำได้คือ ถึงเวลาตามเงื่อนไขก็ทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ

                การที่ลูกชาย บุญทรง ย้ายไปพรรคพลังประชารัฐ แล้ว โอ๊ค มาบอกว่าเพราะคดีความ โอ๊ค ก็ควรไปบอกพ่อ กับ อาปู ให้ทำบุญไว้เยอะๆ เผื่อจะบรรเทากรรมที่สร้างไว้กับคนอื่นได้บ้าง

                ถ้ายังไม่รู้ว่าเรื่องอะไร งั้นก็ย้อนไปเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว

                สุรนันทน์ เวชชาชีวะ ลูกน้องของพ่อโอ๊คนั่นแหละโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suranand Vejjajiva  เล่าถึงเรื่องราว "กูพูดไม่ได้"

                .....คนส่วนใหญ่วันนี้คงโพสต์ถึงอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

                แต่ผมขอโพสต์ถึง "เพื่อน" ผม "บุญทรง เตริยาภิรมย์"

                ผมรู้จัก "บุญทรง" ตั้งแต่เราเข้ามาร่วมอุดมการณ์ตั้งพรรคไทยรักไทย ปี ๒๕๔๒-๒๕๔๓ อายุเท่าๆกัน

                "ฮุก" เกิด ๒๕๐๓ ส่วนผม ๒๕๐๔

                คุยกันถูกคอ

                เราเป็นคนรุ่นเดียวกัน

                และเป็นรุ่นแรกๆ ที่เข้ามาทำการเมืองในพรรค

                ตั้งแต่พรรคไทยรักไทยยังเป็น "วุ้น"

                ผมรู้สึกว่า "บุญทรง" เป็นคนหนุ่มตั้งใจดี

                เป็นนักธุรกิจที่อยากเห็นประเทศเจริญก้าวหน้า

                เราคุยกันตลอด จัดสัมมนาร่วมกันเพื่อระดมความคิดในการทำการเมืองในหมู่คนรุ่นใหม่ด้วยกัน

 เราอยากเห็นการเมืองใหม่ อยากเห็นการเมืองก้าวหน้า

                และเชื่อว่า "ทักษิณ ชินวัตร" จะเป็นผู้นำที่จะทำให้ความฝันของเราเป็นความจริง

                ริมบ่อริมบึงหลังระดมความคิด ผมนั่งจิบเบียร์กับ "บุญทรง" หลายครั้งหลายหน ผมเชื่อว่าเราเข้าใจตรงกัน ในฐานะนักการเมือง "รุ่นใหม่" ในขณะนั้น

                ชะตาชีวิตพลิกผัน ปี ๒๕๔๔ ผมเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ "เพื่อน" เป็น ส.ส.เขต เราคุยกันเสมอ

                ผมก้าวกระโดดจาก ส.ส. และโฆษกพรรค ปี ๒๕๔๔-๒๕๔๘ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในปี ๒๕๔๘ แต่ก็ติดต่อกันคุยและประสานงานกับ "เพื่อน" จนรัฐประหาร ปี ๒๕๔๙

                จากนั้นก็แตกกระสานซ่านเซ็นกันไป

                ได้ข่าว "เพื่อน" อีกทีเป็นเลขานุการส่วนตัวนายกฯ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" ใจห่วงว่าเพื่อนจะปลอดภัยหรือไม่

                ยกหูโทร.คุยกันครั้งหนึ่งเท่าที่จำได้

                เพื่อนบอก "ไม่ต้องห่วง"

                ส่วนผมนั้นโดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง ๕ ปี ด้วยเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้แต่ช่วยให้กำลังใจอยู่ห่างๆ

                เวียนมาเจอและร่วมงานอีกครั้ง เมื่อ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เป็นนายกรัฐมนตรี

                ผมเข้ามาเป็น "เลขาธิการนายกรัฐมนตรี" หลังพ้นการตัดสิทธิ์ ปี ๒๕๕๕ "เพื่อน" เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ไปเยี่ยมห้องครัวเพื่อนไฟไหม้ ที่กระทรวง ยังหัวเราะกันอยู่

                จน "เพื่อน" เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผมเป็นเลขาธิการนายกฯ ได้เจอกันบ้าง แวะไปคุย เห็นเพื่อนแฟ้มเต็มโต๊ะ ยังเป็นห่วง

                "ใครดูให้มึง แต่ละเรื่องน่ากลัว" ผมแอบพลิกแฟ้มดู

                "กูมีทีม"

                แล้วชวนทานข้าวจากโรงอาหาร หน้าห้องสั่งมาให้ ยังคงความเป็นคนง่ายๆ ที่ผมรู้จัก ถึงแม้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่

                เวลานายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปต่างประเทศ บางทีได้คุยกัน ได้ปรับทุกข์ผูกมิตรกันมากกว่าอยู่กรุงเทพฯ  แต่ในแววตา "เพื่อน" มีความกังวล

                ช่วงวิกฤต ผมงานหลายด้าน แต่ก็ไม่วายห่วงเพื่อน ส่งเรื่องจากทำเนียบก็คอยเตือนว่าเรื่องไปแล้วรีบจัดการ เราเป็นเพียง "เสมียน" ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางทั้งหมด

                แต่รู้สึกเสมอว่าเพื่อน "ไม่สบายใจ"

                หลังพายุพัดผ่าน รัฐประหารไปแล้ว เคยนั่งจิบไวน์คุยกันสองคน

                ผมถาม​ "มึงเล่าให้กูฟังหน่อยว่าเรื่องเป็นยังไง" ผมนับถือน้ำใจมันที่ตอบ

                "กูพูดไม่ได้"

                เราร่ำสุราจนดึก แล้วไม่แตะเรื่องนั้นอีกเลย

                ทางการเมือง บางเรื่อง "ต้องตายไปกับเรา" พูดไม่ได้ ผมเข้าใจดี และผม "เห็นใจ" เพื่อน ที่ต้องเข้าไปติดกับ "เงื่อนไข" นั้น ผมอาจจะ "โชคดี" กว่า ที่ยังรักษาความเป็นตัวของตัวเองได้

                และ "เพื่อน" ไม่ "โชคดี" เท่า

                ผมโลดแล่นทางการเมืองมาหลายสิบปี เห็นคนตั้งใจดีโดนกลั่นแกล้งจนถอยไป และเห็นคนที่เริ่มต้นด้วยอุดมการณ์ดี แต่เวลาผ่านไป "เสียคน" ก็เยอะ

                เอาเป็นว่า หาก "ใจ" ไม่ "นิ่ง" จริง อำนาจทำลายล้างทางการเมือง ทำลายคนได้

                ครั้งสุดท้ายที่เจอ "เพื่อน" เมื่อเร็วๆ นี้ ก็ได้แต่ "โบกมือ" ทักทายกัน เพราะต่างมี "ภารกิจ" ไม่นึกว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนคำตัดสินของศาลวันนี้

                สาธารณชนอาจจะตัดสิน "บุญทรง" อย่างไรก็ตาม และต่างๆ นานา ย่อมทำได้

                แต่ผมรู้จัก "บุญทรง" และไม่ว่าจะในสถานะใด จะผิดจะถูกอย่างไร เขาเป็น "เพื่อน" ผมเสมอ

                ขอให้ "เพื่อน" โชคดีและพ้นวิบากกรรม

                ผมขอให้กำลังใจ.....

                ต่อไป เวลา โอ๊ค จะโพสต์เฟซบุ๊ก ก็ใช้สมองคิดให้เยอะหน่อย ว่าเรื่องราวมันจะวกกลับเข้าหาตัวเองหรือไม่

                ที่จริงคนในพรรคเพื่อไทยต่างรู้ดีว่า ใครสั่ง ใครต้องทำตาม

                กรณี "บุญทรง" มีความชัดเจนที่สุด ที่จะอธิบายเรื่อง "ติดคุกแทนนาย"

                การบริหารงานราชการแผ่นดินยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นที่รู้กันว่า ไม่มีกระทรวงไหนที่ไม่ถูกล้วงลูกจากอำนาจภายนอก

                อยู่ที่...จะมีใครมาบ่นให้ฟังหรือเปล่า?

                แฟ้มรัฐมนตรีมีแต่เรื่องน่ากลัวเต็มโต๊ะ

                รัฐมนตรีบางคนกล้าเสี่ยง เพราะอาจได้ผลประโยชน์ร่วมกัน

                แต่คนที่ไม่กล้า ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุปรับคณะรัฐมนตรี 

                ฉะนั้นที่ โอ๊ค บอกว่าคนย้ายพรรคคือ คนที่อยากจะล้างคดีความทั้งหมดของตัวเองและครอบครัว  อ้างแบบนี้มักง่ายไปนะโอ๊ค

                "บุญทรง" ติดคุก ๔๒ ปี มาถึงวันนี้....

                กู...ยังไม่พูดว่าทำไม ยังปกป้อง "เจ๊หญิง-นายใหญ่" 

                แต่ที่พูดคือ ให้ลูกชาย ย้ายไปทำงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ

                เป็นไปได้ที่ "บุญทรง" คาดหวังว่า หากพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล จะช่วยดูแลเรื่องขั้นตอนการอภัยโทษให้เร็วขึ้น

                และอาจเป็นไปได้เช่นกันที่ "บุญทรง" ไม่ต้องการให้ลูกชาย ประสบชะตากรรมเดียวกับตัวเอง จากการรับใช้ตระกูลชินวัตร

                แล้วที่ โอ๊ค บอกว่า จะเดินสายหาเสียงทั่วประเทศ ไปบอกกับประชาชนว่าถูกปล้นประชาธิปไตย  ไปประจานพวกตีจาก เพื่อจะได้เข็ดหลาบ!!

                ถ้าจะให้ใครเข็ดหลาบ โอ๊ค อย่าหลบ....ต้องแมนๆ หน่อย

                โอ๊ค ไม่ยอมบอกเลยว่าจะลงสมัคร ส.ส.เขตไหน หรือจะเป็นปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทย

                กลัวใครฉี่ทับงั้นหรือ?

                ไม่คิดจะลงเล่นการเมือง คงจะกลัว "รุ่งริ่ง"          

                ขณะที่ ลูกชาย บุญทรง ประกาศชัดเจน ลงสมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขตเดิมของพ่อ

                มันจบแล้วครับโอ๊ค!

                                                                                                ผักกาดหอม

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"