"บิ๊กตู่" ชัดไม่สังกัดพรรคการเมือง แบะท่ารอทาบนั่ง "นายกรัฐมนตรี" เมินโพลหนุน "หญิงหน่อย" แซงหน้า บอกแค่ถามคนหลักพัน "ประวิตร" ปัดอยู่เบื้องหลังใช้คดีบีบอดีต ส.ส.ซบ "พปชร." วันสุดท้ายสมัครสมาชิกพรรคคึกคัก "น้องนิสิต" เปลี่ยนขั้วเข้าพลังประชารัฐ "พี่ชายเสื้อแดง" ฉุนขาดลั่นไม่ต้องมาอธิบายเหตุผล "พท." ปรับแผนชู "โอ๊ค" ดีเอ็นเอ "แม้ว" หาเสียง ส่วน "ปชป." หวิดวุ่น "นาถยา" เกือบย้ายไปภูมิใจไทยสุดท้ายกลับลำอยู่ต่อ "พวกแปรพักตร์เพื่อไทย" ผวา! โดนเตะถ่วง แห่เช็กนายทะเบียน กกต.
ตลอดวันจันทร์ที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา บรรยากาศการเมืองเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายสำหรับผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ต้องสังกัดพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 90 วัน รวมทั้งยังมีการจับตาท่าทีทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
โดยก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และประชุม คสช.ซึ่งเลื่อนขึ้นมาจากวันอังคาร เพราะนายกรัฐมนตรีต้องเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงท่าทีทางการเมือง เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายที่ต้องสังกัดพรรคการเมือง เพื่อเป็นไปตามคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย กล่าวเพียงว่า "ให้ไปดูกฎหมาย"
จากนั้นหลังประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์แถลงข่าวตอนหนึ่งถึงความสนใจทางการเมืองว่า เรื่องสนใจการเมืองหรือไม่สื่อก็ถามแล้วถามอีก ก็ต้องบอกว่าสนใจการเมือง เพราะวันนี้ทำงานการเมืองอยู่ ถ้าไม่สนใจแล้วจะได้เรื่องหรือไม่ คงไม่สามารถบริหารจัดการได้ ขอให้เข้าใจว่าทำงานการเมืองอยู่แล้ว ก็ต้องสนใจงานการเมืองต่อไปว่าอะไรจะเกิดขึ้นในประเทศไทยบ้าง จะเกิดการบริหารงานตามยุทธศาสตร์และแผนแม่บทหรือไม่ สิ่งที่ได้แก้ไขและปฏิรูปไปแล้วจะมีการทำต่อหรือไม่ อยากให้ทุกคนสนใจเรื่องเหล่านี้มากกว่า อย่าไปฟังคำพูดบิดเบือนต่างๆ
"ได้ถามฝ่ายกฎหมายและนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีแล้ว ยืนยันว่าผมไม่ต้องสมัครอะไรทั้งนั้น วันนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดทาบทาม มีแต่สื่อมวลชนที่ทาบทามให้ทุกวันว่าจะไปอยู่ที่ไหนอย่างไร สมัครสมาชิกพรรคแล้วหรือยัง ไม่รู้จะอะไรกับผมนักหนา ดังนั้นจึงขอตอบเลยว่าไม่จำเป็นจะต้องไปสมัครกับพรรคการเมืองใด การทาบทามก็เป็นเรื่องของการทาบทาม แต่วันนี้ยังไม่มีการทาบทามเลยสักพรรค" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ถามถึงกรณีที่มีนักการเมืองแห่เข้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นจำนวนมาก นายกฯ กล่าวว่า พูดกันมาเป็นเดือนแล้ว ที่ผ่านมารัฐบาลก่อนหน้านี้ก็มีการย้ายพรรค เพราะเป็นเรื่องความสมัครใจของแต่ละคน ตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องสักพรรค เขาย้ายเพราะตนสั่งให้ย้ายหรืออย่างไร ทุกคนย้ายมาหมดเพราะเห็นว่านโยบายทางการเมืองตรงกัน หลายคนอยากแก้ไขปัญหาความบกพร่องในอดีต ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี หากจะไปร่วมกับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง และเราต้องเรียนรู้ว่าระบบการเลือกตั้งเป็นอย่างไร ประชาชนจะเลือกจากส่วนใด นโยบาย หลักการและเหตุผล โดยต้องนำยุทธศาสตร์ชาติมาเป็นหลักในการทำงาน ไม่ว่าพรรคการเมืองใดที่ทำแบบนี้เชื่อว่าจะนำไปสู่ความสำเร็จ แต่ถ้าทำเป็นอย่างอื่นก็จนใจ ตนไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น รับผิดชอบไม่ได้
"แต่อนาคตแก้ปัญหาไม่ได้ ปฏิรูปไม่ได้ ก็จะมาโทษผมอีกว่าเสียของ คือโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง วันนี้ผมต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่วันหน้าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ แต่ละพรรคคงอยากให้โอกาสให้มาทำงานกับพรรค แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับหัวหน้ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเลือกตั้งตามกฎหมาย ซึ่งใครจะเป็นยังไม่รู้ แต่อย่าลืมอำนาจนายกรัฐมนตรีก็มีอยู่ ถ้านายกฯ ไม่ทำหน้าที่อย่างมีธรรมาภิบาล ทุกอย่างก็จบ ก็หานายกฯ อย่างนั้นมาก็แล้วกัน ไม่เกี่ยวอะไรกับผมทั้งสิ้น" นายกฯ กล่าว
'บิ๊กตู่' แบะท่ารออุ้มสม
ถามถึงกรณีโพลระบุว่า ประชาชนเห็นว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย เหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ อันดับ 1 ส่วน พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นอันดับ 2 พล.อ.ประยุทธกล่าวว่า วันนี้มีโพลจำนวนมาก ซึ่งวิธีการทำโพลนั้นทุกสำนักมีจุดมุ่งหมายด้วยกันทั้งสิ้น ว่าอยากให้คำตอบออกมาเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายและการตั้งคำถาม สิ่งที่ได้มานั้นจะใช่หรือไม่ก็ยังไม่รู้ เพราะตนไม่อาจหยั่งรู้จิตใจของประชาชนทุกคนได้ แต่ผลโพลไม่ใช่ความเห็นของคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งประเทศ ดังนั้นการสำรวจความเห็นของคน 1,000-2,000 คนนั้นไม่ได้อะไร เพราะวันข้างหน้าผลโพลก็ผิดทุกครั้งไป จึงต้องไปดูเป้าหมายว่าทำโพลเพื่ออะไร จากใคร จากไหน เพราะบางครั้งการทำโพลก็มีอะไรอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นจึงไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะเชื่อมั่นในประชาชน วันนี้ประชาชนเรียนรู้มาก อย่าใช้วิธีการเหมือนเดิมจนทำให้ประชาชนเกิดความไม่เข้าใจ
ซักว่าที่บอกสนใจการเมืองและไม่จำเป็นต้องสมัครอะไรนั้นหมายถึงเรื่องใด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หมายถึงไม่ต้องสมัครสมาชิกพรรค
ถามว่าการที่นายกฯ ไม่ชัดเจนอาจทำให้คนที่สนับสนุนไม่รู้ท่าทีว่านายกฯ จะลงการเมืองหรือไม่ลง เป็นผลให้โพลออกมาลักษณะนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เดี๋ยวจะชัดเจนเอง เมื่อกฎหมายออกมาจะชัดเจนเองว่าตนจะอยู่ตรงไหน แล้วมีคนทาบทามตนหรือยัง ถ้าใครทาบทามมาก็จะตัดสินใจ แต่ถ้าไม่มีใครทาบทามก็ไม่เอา เขามีกำหนดเมื่อไหร่ ให้ทาบทามเมื่อไหร่ ให้เสนอชื่อนายกฯ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ
"แล้วผมจะรับหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย ดูใจผมก่อนว่าสิ่งที่เขาจะมาขอตรงกับใจผมหรือเปล่า ตรงกับความคิดผมหรือเปล่า" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กดดันอดีตนักการเมืองให้เข้าร่วมเป็นสมัครสมาชิกโดยใช้คดีความเป็นเงื่อนไขว่า "โอ๊ย มีที่ไหน พรรค พปชร.เขาจะไปช่วยอะไรได้ เรื่องคดีความต้องไปพูดกับศาลเท่านั้น ต่อให้ใครมาพูดอะไรกับตน ก็ไม่สามารถช่วยได้ และคนที่โดนคดีจะเกี่ยวข้องอะไรกับตน เพราะไม่เกี่ยวกับพรรค และไม่มีใครไปควบคุมศาลได้"
พล.อ.ประวิตรยืนยันรัฐบาลและ คสช.ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคพลังประชารัฐ เพียงแต่เป็นเรื่องของรัฐมนตรีที่เข้าไปเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค พปชร. ถึงพรรคนี้จะประกาศเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ใช่การปูทางอะไร เพราะพรรค พปชร.ไม่มีทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง แล้วทหารจะเข้าไปเกี่ยวได้อย่างไร เพราะไม่มีการไปสมัครเป็นสมาชิกที่ประกาศจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ตนก็ไม่รู้ เป็นเรื่องของเขา ต้องไปถามคนเสนอ
"เรื่องผลโพลที่ให้คุณหญิงสุดารัตน์เป็นนายกฯ สูงกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องไปถามนิด้าโพล แต่เวลาที่คะแนนนายกฯ มาเป็นอันดับหนึ่งทำไมไม่มาถามกันบ้าง และนิด้าโพลก็สำรวจความคิดเห็นแค่ 1,200 คน แต่ประชาชนมี 70 ล้านคน" รองนายกฯ กล่าว
ส่วนความเคลื่อนไหวการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายนั้น ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เวลา 11.00 น. นายดนัยฤทธิ์ วัชราภรณ์ อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร.
นายดนัยฤทธิ์กล่าวว่า เหตุผลที่มาสมัคร พปชร.เพราะเชื่อมั่นในอุดมการณ์และนโยบายของพรรค ไม่ได้หวังว่าจะต้องลงสมัครรับเลือกตั้ง ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ในพรรคจะพิจารณาและพร้อม หากผู้ใหญ่ให้โอกาส และจากการลงพื้นที่ที่ผ่านมาพบว่าประชาชนยังไม่ทอดทิ้งเรา ดังนั้นเราจะไม่ทิ้งประชาชน ส่วนจะได้เสียงในพื้นที่อยู่หรือไม่ขึ้นอยู่กับประชาชน
น้องเสื้อแดงซบ 'พปชร.'
เวลา 11.45 น. นางจุรีพร สินธุไพร รองนายก อบจ.ร้อยเอ็ด และแกนนำ นปช.ภาคตะวันออก น้องสาวนายนิสิต สินธุไพร อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรค พปชร. โดยให้เหตุผลการเข้าร่วมกับ พปชร.ว่า ส่วนตัวต้องการลดความขัดแย้ง อยากให้ประเทศชาติเดินไปได้ ตนตั้งใจจะมาร่วมกันสร้างประเทศชาติให้ดีขึ้น
"ยอมรับการตัดสินใจมาพรรคนี้ไม่ได้ปรึกษากับนายนิสิต สินธุไพร พี่ชายที่ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย เมื่อตั้งใจว่าจะมาก็ตัดสินใจมา และเชื่อว่าการที่มาอยู่พรรค พปชร.ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในพื้นที่ เพราะทุกคนในประเทศไทยเป็นพี่น้องกันและประชาชนควรจะเข้าใจ ต่อไปนี้ไม่ควรทะเลาะกันแล้ว แต่ควรร่วมมือกันสร้างบ้านเมืองและประชาชน ดิฉันเข้าใจในส่วนที่รัฐบาลยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือในหลายด้าน เวลานี้ลงไปที่ใดก็มีคนยิ้มรับมากขึ้นและกระแสพรรค พปชร.ก็ดี" นางจุรีพรกล่าว
ถามว่าเกรงประชาชนจะสับสนหรือไม่ที่พี่กับน้องอยู่ต่างพรรคกัน น้องสาวนายนิสิตกล่าวว่า คิดว่าประชาชนจะแยกแยะได้ และขึ้นอยู่กับประชาชนจะตัดสินใจ ซึ่งตนเคารพการตัดสินใจของประชาชน โดยพร้อมจะลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อรับใช้ประชาชน จ.ร้อยเอ็ด
ต่อมาเวลา 12.30 น. กลุ่มพริตตี้เอ็มซี นำโดย น.ส.นพวรรณ หัวใจมั่น หรืออ้อแอ้ พร้อมคณะได้เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร.ด้วย
น.ส.นพวรรณกล่าวว่า ที่มาสมัครก็รู้ข่าวจากโซเชียลมีเดีย ไม่ได้มีใครติดต่อให้มาสมัคร และได้สมัครสมาชิกแบบตลอดชีพ เพราะตั้งใจอยากลงสมัคร ส.ส.ด้วย ซึ่งการพิจารณาขึ้นอยู่กับพรรค ตนมีภูมิลำเนาอยู่ใน กทม. จบปริญญาตรีด้านเภสัช ปริญญาโทนิเทศศาสตร์ ด้านการตลาด จึงหวังว่าจะช่วยเหลือพรรคในด้านที่เรียนมาไม่ว่าทางด้านการแพทย์ หรือด้านการประชาสัมพันธ์ที่ตนทำงานพริตตี้เอ็มซีอิสระ รับงานตามงานอีเวนต์ต่างๆ ไม่มีสังกัดมานานกว่า 10 ปีแล้ว และถ้าพรรคจะให้ตนลงสมัคร ส.ส.ก็พร้อม
"ตั้งใจจะมาเป็นตัวแทนของกลุ่มอาชีพพริตตี้เอ็มซี (พนักงานเชียร์สินค้าที่สามารถพูดประชาสัมพันธ์สินค้าออกไมค์ได้) รวมทั้งสาขาอื่นๆ ด้วย และที่มาสมัครพรรคนี้เพราะเห็นว่าพรรคเปิดโอกาส ขณะที่ตนหวังจะช่วยนำเสนอแนวคิดให้รัฐบาลได้เห็นว่าทุกอาชีพมีความสำคัญ ไม่มองแค่ความสวย ยืนยันไม่มีผู้ใหญ่ประสานมาแต่มาสมัครเอง" ตัวแทนพริตตี้เอ็มซีระบุ
เวลา 13.15 น. นายประนอม โพธิ์คำ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย ได้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร. โดยระบุว่าตัดสินใจเพียงวันเดียวเพราะชอบการทำงานของพรรค และได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเมื่อช่วงเช้า และไม่ได้มีความขัดแย้งใดๆ เป็นการจากกันด้วยดี
กระทั่งเวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศพรรค พปชร.ยิ่งคึกคักขึ้นไปอีกเมื่อนายมานิต นพอมรบดี อดีต รมช.สาธารณสุข พา น.ส.กุลวดี นพอมรบดี ส.จ.ราชบุรี บุตรสาว มาสมัครเป็นสมาชิกพรรค เช่นเดียวกับนางกรรณิการ์ เจริญพันธ์ อดีต ส.ส.สุรินทร์ กลุ่มมัชฌิมาธิปไตย ที่นำ น.ส.ผกามาศ บุตรสาวมาสมัคร รวมทั้ง น.ส.ชะวรลัทธิ์ ชินธรรมมิตร อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคภูมิใจไทย ก็มาสมัครเป็นสมาชิก โดยมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร., นายวิเชียร เชาวลิต นายทะเบียนพรรค และนายธนกร หวังบุญคงชนะ คอยให้ต้อนรับ
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า จนถึงเวลานี้มีคนสนใจมาสมัครเป็นสมาชิกจำนวนมาก และเป็นที่น่าพอใจ และยังมีอดีต ส.ส.และสมาชิกที่มีคุณภาพ มีศักยภาพติดต่อเข้ามาตลอด ถือว่ามีสมาชิกคุณภาพจำนวนมากในเวลาอันสั้น ขั้นตอนต่อไปจะมีการตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร 11 คนตามขั้นตอน
พท.ปรับแผนขาย 'โอ๊ค'
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยระบุอดีต ส.ส.ที่เข้ามาร่วมงานกับพรรคนี้เพราะถูกบีบเรื่องคดี นายสนธิรัตน์กล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นเรื่องของแต่ละคน แต่ยืนยันและพูดมาตลอดว่าอดีต ส.ส.แต่ละคนที่ย้ายพรรคการเมืองนั้น มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาอย่างมาก การตัดสินใจแต่ละครั้งทุกคนใช้วิจารณญาณ จึงไม่ง่ายที่เรื่องต่างๆ ที่วิจารณ์กันจะเป็นเครื่องจูงใจ ตนคิดว่าการวิจารณ์เช่นนั้นไม่เป็นธรรมกับผู้มาสมัครเข้าร่วมพรรค คิดว่าต้องให้เกียรติการตัดสินใจของแต่ละคน ที่ตัดสินใจด้วยเหตุผลทางการเมือง และที่คิดว่าพรรคใดที่เข้ามาแล้วตรงกับความต้องการของแต่ละคนมากกว่า ไม่อยากให้มองว่าเป็นการโจมตีกันเพราะการเมืองจะวนอยู่ที่เดิม
ซักว่า ถึงเวลาที่จะส่งเทียบเชิญ พล.อ.ประยุทธ์มาร่วมงานหรือยัง เลขาฯ พรรค พปชร.กล่าวว่า เวลานี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะส่งเทียบเชิญ พล.อ.ประยุทธ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอดีต ส.ส.ที่สมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร.มาจากหลายพรรคหลายกลุ่มการเมือง อาทิ กลุ่มบ้านริมน้ำ, กลุ่มสามมิตร, กลุ่มเชียงราย, กลุ่มกำแพงเพชรของนายวราเทพ รัตนากร, กลุ่มเพชรบูรณ์ของนายสันติ พร้อมพัฒน์, กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า, กลุ่มชลบุรี, กลุ่มโคราช, กลุ่มขอนแก่น, กลุ่มนายสุพล ฟองงาม (อีสานตอนบน), กลุ่มคนรุ่นใหม่ สายนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และกลุ่มวิชาการ-สตาร์ทอัพ สายนายอุตตม สาวนายน, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล และกลุ่ม กทม. เป็นต้น
ที่พรรคภูมิใจไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศการสมัครเข้าพรรควันสุดท้ายก็คึกคักไม่แพ้พรรคอื่น โดยมีอดีต ส.ส., ส.ก., ส.ข.เดินทางมาสมัครสมาชิกไม่น้อย อาทิ นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย, น.ส.ปราณี เชื้อเกตุ อดีต ส.ก.บางเขน, น.ส.สายรุ้ง ปิ่นโมรา อดีต ส.ก.คลองสามวา, นายไสว โชติกะสุภา อดีต ส.ก.ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ, นายณัทวุฒิ หมัดนุรักษ์ อดีต ส.ก.สวนหลวง, น.ส.อุไร อนันตสิน อดีต ส.ก.ปทุมวัน, นายทวีพร อนุตรพงษ์สกุล อดีต ส.ก.ป้อมปราบศัตรูพ่าย, นายอนุชาญ กวางทอง อดีต ส.ข.พญาไท, นายบวรกิตติ์ สันทัด อดีต ส.ข.จตุจักร
นายบุญมี พิบูลย์คณารักษ์ อดีต ส.ข.คลองสามวา, นายพงศ์ไพศาล มะลูลีม อดีต ส.ข.เขตมีนบุรี, นายอำนวย ชัยพรประเสริฐ อดีต ส.ข.สายไหม, นางณิฐ์ภาวรรณย์ จ้อยเอม อดีต ส.ข.ดอนเมือง, นายอัครกฤษ นุ่นจันทร์ อดีต ส.ข.บางกะปิ, นายสามารถ หวังพิทักษ์ อดีต ส.ข.สะพานสูง พร้อมกันนี้ยังมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.จากหลายตำบลในจังหวัดเชียงใหม่เข้าสมัครสมาชิกพรรค โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค, นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรค และนายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคให้การต้อนรับ
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีรายงานว่า ภายหลังที่อดีต ส.ส.และแกนนำพรรคออกไปอยู่พรรคพลังประชารัฐและพรรคอื่นๆ จำนวนมากนั้น ฝ่ายบริหารพรรคได้ปรับยุทธศาสตร์การหาเสียงของพรรคในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นใหม่ เพราะเหลือแกนนำระดับคีย์แมนในการปราศรัยไม่มาก ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้แกนนำที่จะเป็นตัวหลักในการปราศรัยหาเสียงประกอบด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯ และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร ที่เพิ่งสมัครเป็นสมาชิกพรรคเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา
"การสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยของนายพานทองแท้ เป็นการเรียกขวัญกำลังใจให้อดีต ส.ส.ที่ยังปักหลักอยู่กับพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ประชาชนเห็นว่านายทักษิณไม่ได้ทิ้งพรรคไปไหน ในการหาเสียงนายพานทองแท้จะเดินทางไปหาเสียงในลักษณะโรดโชว์ ขึ้นเวทีโชว์ตัวโดยไม่ต้องปราศรัยมาก ให้ประชาชนเห็นว่าเป็นดีเอ็นเอที่นายทักษิณส่งมา ให้ประชาชนได้มั่นใจว่าทักษิณยังอยู่" แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยระบุ
'นิสิต' ฉุนน้องเปลี่ยนขั้ว
ส่วนความเคลื่อนไหวการจัดตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยนั้น ขณะนี้ในภาค กทม.ที่มีอดีต ส.ส.กทม. 10 คนจากการเลือกตั้งปี 2554 นั้น ทั้งหมดจะยังคงลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทยต่อไป รวมถึงยังมีว่าที่ผู้สมัครอีก 3 คนที่จะลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายวัน อยู่บำรุง ว่าที่ผู้สมัครเขตบางบอน นายประพนธ์ เนตรรังษี ว่าที่ผู้สมัครเขตจตุจักร และนายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ว่าที่ผู้สมัครเขตบางกะปิ ส่วนอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยใน กทม.ที่คะแนนทิ้งห่างจากคู่แข่งจะย้ายไปลงสมัครในนามพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งจะมีบางเขตที่ทั้งสองพรรคจะส่งผู้สมัครลงแข่งกัน เช่น เขตบางกะปิ เนื่องจากนายตรีรัตน์ไม่ยินยอมย้ายพรรค มีการประเมินว่ามีโอกาสชนะยาก ทางพรรคไทยรักษาชาติจึงจะส่งผู้สมัครมาเก็บคะแนนในเขตดังกล่าวด้วย
"คุณหญิงสุดารัตน์มีแนวโน้มที่จะลงสมัครเลือกตั้งระบบเขตในพื้นที่ กทม.เพื่อการันตีการทำงานในสภาฯ กรณีที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล ส่วนจะลงเขตใดนั้นอยู่ระหว่างการตัดสินใจ แต่ต้องเป็นเขตที่เป็นฐานที่มั่นของพรรคที่ลงแล้วชนะเลือกตั้งแน่นอน" แหล่งข่าวระบุ
นอกจากนี้ ในส่วนของเขตเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ที่นายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ ได้ลาออกไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ในวันนี้ (26 พ.ย.) นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ที่ลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อธรรม ได้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว โดยจะลงเลือกตั้ง ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่แทนเขตของนายเดชนัฐวิทย์
นายนิสิต สินธุไพร สมาชิกพรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีนางจุรีพร น้องสาวไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐว่า ตนไม่ทราบมาก่อนเลย มารู้บ้างเมื่อคืน (25 พ.ย.) เขาจะย้ายไป โทร.ไปก็ไม่รับสาย จนตอนเช้ามาปรากฏข่าวว่าไปแล้ว
"ก่อนหน้าเขาก็ไม่ได้มาถามก่อน เพราะคงรู้หากมาถามพี่คงไม่ให้ไปอยู่แล้ว ในหลักการการย้ายพรรคถือเป็นสิทธิ เราเคารพการตัดสินใจ แต่ไม่คิดว่าจะเลือกเดินในเส้นทางนี้ ไปเลือกพรรคที่มีแนวคิดสืบทอดอำนาจ หากจะไปในพรรคที่มีเส้นทางประชาธิปไตยก็คงไม่คิดอะไรมาก เพราะน้องชาย (นายวิเชียรชนินทร์ สินธุไพร) ตัดสินใจไปสมัครร่วมงานพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งยังอยู่ในเส้นทางประชาธิปไตย ผมก็รับได้ไม่ว่าอะไร" นายนิสิตกล่าว
แกนนำคนเสื้อแดงผู้นี้ระบุว่า เราต่อสู้กันมานาน ตนเองก็เคยติดคุกติดตะราง ไม่เข้าใจเขาไปด้วยเหตุผลอะไร ส่วนเรื่องคดีที่มีการมองกันว่าถูกนำมาต่อรองนั้นคงไม่น่ามี ในช่วงรัฐประหาร 2557 ใหม่ๆ ทั้งตน น้องสาวและสามีเขาเคยถูกทหารเรียกไปคุมตัว แต่หลังจากนั้นถูกปล่อยออกมา แต่ในส่วนของตนยังมีคดีต่างๆ เหลืออยู่
"ผมเสียใจมาก ยอมรับว่าเสียใจมาก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่คิดว่าจะเจอกับเหตุการณ์นี้ แปลกใจ ทำไมเขาตัดสินใจเช่นนั้น ทางบ้านเรื่องเศรษฐกิจเงินทองไม่ได้เดือดร้อนอะไร เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา แต่ที่ย้ายไปเป็นเพราะอะไรยังไม่เข้าใจ ถึงเขาจะมาพูดตอนนี้ก็ไม่อยากฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น เพราะเขาตัดสินใจไปแล้ว" พี่ชายนางจุรีพรระบุ
นายนิสิตยืนยันในส่วนของตนเองยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ไปไหน ไปไหนไม่ได้เพราะสู้ทางนี้มานาน ตัวเองแม้จะสู้ไม่ได้จะสนับสนุนลูกหลานต่อไป ตนอาสาทางพรรคลงระบบบัญชีรายชื่อ นางเอมอร สินธุไพร ภรรยาขอเว้นวรรคการเมือง ส่วน น.ส.จิราพร สินธุไพร ลูกสาว กำลังพูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคเพื่ออาสาลงสมัครรับเลือกตั้งระบบเขตในจังหวัดร้อยเอ็ด
'นาถยา' ปักหลัก ปชป.
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีตรองหัวหน้าพรรค ปชป. ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน นำนายอร่ามอาชว์วัต หรืออร่าม โล่ห์วีระ อดีต รมช.คมนาคมสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และอดีต ส.ส.ชัยภูมิ พรรคความหวังใหม่ พร้อมว่าที่ผู้สมัครใน จ.ชัยภูมิทั้งหมดเข้าสักการะแม่พระธรณีบีบมวยผม โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค สวมเสื้อแจ็กเกตสีฟ้าของพรรคประชาธิปัตย์ให้ทุกคน ถือเป็นการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครยกทั้งจังหวัด และประกาศว่าจะให้ได้ ส.ส.ยกจังหวัดเช่นกัน
ต่อมา พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือผู้การแต้ม เจ้าของฉายามือปราบหูดำ ได้เปิดตัวเป็นผู้สมัครพื้นที่ กทม. โดยมีนายอภิสิทธิ์และนายสรรเสริญ สมะลาภา รองหัวหน้าพรรคดูแลพื้นที่ กทม.สวมเสื้อแจ็กเกตพรรคให้เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันได้เกิดข่าวลือจนเกิดความสับสน กรณีนางนาถยา เบ็ญจศิริวรรณ อดีต ส.ส.กทม.เขตประเวศ พรรคประชาธิปัตย์ จะยื่นใบลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์และย้ายไปอยู่ภูมิใจไทย ซึ่งล่าสุดนางนาถยาออกมายืนยันยอมรับมีการทาบทามและตัดสินใจจะไปอยู่พรรคภูมิใจไทยจริง แต่สุดท้ายตัดใจไม่ได้เพราะผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังให้การต้อนรับและอบอุ่นเหมือนเดิม
"ผูกพันกับที่ประชาธิปัตย์จึงตัดสินใจไม่ได้ แต่ตอนแรกที่มีข่าวว่าจะไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยนั้น เป็นเรื่องของเหตุผลภายในครอบครัว ยอมรับว่าใจตนเองไขว้เขวไป แต่ต่อไปนี้จะตัดสินใจทำงานเพื่อพรรคและเพื่อชาติต่อไป เพราะเกิดจากพรรคประชาธิปัตย์" นางนาถยากล่าว
เช่นเดียวกับนางนันทพร วีรกุลสุนทร อดีต ส.ส.กทม.เขตจอมทอง พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีข่าวว่าจะย้ายออกจากพรรคด้วย ขณะนี้ไม่ได้ลาออกแต่อย่างใด พร้อมยืนยันว่าจะอยู่ทำงานกับพรรคนี้ต่อไป
ที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ชทพ. พร้อมด้วยนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค และนายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานยุทธศาสตร์พรรค ให้การต้อนรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ผู้สมัครสมาชิกจำนวนกว่า 100 คน อาทิ กลุ่มดารานักแสดง นำโดย น.ส.วราไพรินทร์ ลภัสนิธิโรจน์ อดีตนักแสดง, นายสุระ แสนคำ หรือ เขาทราย แกแล็คซี่, นายวิโรจน์ แสนคำ หรือเขาค้อ แกแล็คซี่ โดย น.ส.กัญจนากล่าวระหว่างการต้อนรับว่า ยินดีที่ได้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานกับพรรค คิดว่าจะเป็นส่วนผสมที่ทำงานกับผู้อาวุโสของพรรคได้ลงตัว โดย น.ส.กัญจนายืนยันจะไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ จ.อ่างทอง เพื่อเป็นการให้เกียรติครอบครัวปริศนานันทกุล
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันมีสมาชิกจากพรรคการเมืองเดินทางมายื่นใบลาออกจากพรรคที่สังกัดอยู่เดิมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะวันนี้มีกว่า 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกจากพรรคเพื่อไทยย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น ทั้งพรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยรักษาชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา นอกจากนี้บางส่วนยังเดินทางมาตรวจสอบสถานะการลาออกของตัวเอง เพราะไม่มั่นใจว่าพรรคจะส่งมาให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทันหรือไม่ และเกรงจะถูกหลอกหรือดึงชื่อไว้
นายศิริพงษ์ รัสมี อดีตประธาน ส.ข.หนองจอกและอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มาติดตามความคืบหน้าจาก กกต.หลังได้ยื่นใบลาออกจากพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 16 พ.ย. และได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แล้ว
ส่วนนายอำนาจ จำปาทอง อดีตคณะทำงานพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมาลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตรวจสอบการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองว่าซ้ำซ้อนหรือไม่กลายเป็นปัญหาสำหรับพรรคการเมืองในขณะนี้ เนื่องจากระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคที่ กกต.เปิดให้ตรวจสอบสามารถตรวจสอบได้เฉพาะการเป็นสมาชิกที่พรรคการเมืองได้รายงานผลการยืนยันการเป็นสมาชิกเมื่อเดือน เม.ย.เท่านั้น โดย กกต.ได้ให้นโยบายพรรคการเมืองยึดเอกสารการสมัครเป็นหลัก เนื่องจากการนำชื่อเข้าระบบอาจจะไม่สมบูรณ์ ทั้งนี้การที่ให้พรรคการเมืองยึดเอกสารการสมัครอาจทำให้เกิดปัญหามีการสมัครย้อนหลังได้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |