จับ 2 ผู้บริหารกาแฟแคชแบ็ค ขายกาแฟลักษณะแชร์ลูกโซ่ฉ้อโกงประชาชน มีผู้ตกเป็นเหยื่อนับพันราย มูลค่าความเสียหายกว่า 3 พันล้านบาท เหยื่อบางคนเครียดหนักถึงเสียชีวิต อีก 2 สาวร่วมแก๊งอยู่ระหว่างหลบหนี
ที่สโมสรตำรวจ วันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) รองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (รอง ผอ.ศปอส.ตร.) แถลงข่าวจับกุมนายทรงทรัพย์ การะภักดี นายฉัตรคชายัน วงศ์ธนะพัชระ สืบเนื่องจาก ศปอส.ตร. ได้รับร้องเรียนจากประชาชนซึ่งตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพ เปิดบริษัทขายกาแฟในลักษณะแชร์ลูกโซ่ มูลค่าความเสียหายมากกว่า 3,000 ล้านบาท เข้าข่ายกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
จากการสืบสวนทราบว่า มิจฉาชีพกลุ่มนี้มีนายทรงทรัพย์ การะภักดี, นายฉัตรคชายัน วงศ์ธนะพัชระ, นางประทุมทิพย์ ประเสริฐ และนางสาวทิพย์ภาภรณ์ พรมประกอบ มีพฤติการณ์ร่วมกันเปิดบริษัทขายกาแฟใช้ชื่อว่า บริษัท กาแฟแคชแบ็ค จำกัด แถลงข่าวเปิดตัวเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2561 อ้างว่าจับมือกับหน่วยงานราชการหลายหน่วย คือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), กระทรวงพาณิชย์, กรมสรรพากร, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อีกทั้งกรรมการบริษัทอ้างว่ารู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งหน่วยงานและนายตำรวจที่ถูกแอบอ้างไม่มีส่วนรู้เห็นแต่อย่างใด
จากนั้นได้ชักชวนประชาชนให้สมัครเป็นสมาชิกกับบริษัทผ่านทางเว็ปไซต์ www.cofcashback.com ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท จะได้รับรหัสสมาชิกและกาแฟ 3 กล่อง กล่องละ 350 บาท หรือสินค้าตัวอื่น เช่น ครีม หรือกระทะจักรพรรดิ และจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินจำนวน 2,050 บาท ต่อ 30 วัน แบ่งเป็น 6 งวดจ่ายทุกๆ 5 วัน ทำให้ประชาชนหลงเชื่อสมัครเป็นสมาชิกจำนวนมากกว่า 86,000 รหัส ซึ่งช่วงแรกได้รับผลตอบกลับมาเพียงเล็กน้อย บางรายชักชวนญาติพี่น้องมาสมัครด้วย
ต่อมาวันที่ 23 ตุลาคม 2561 บริษัท กาแฟแคชแบ็ค ประกาศในเว็ปไซต์ว่าบริษัทมีปัญหาจ่ายเงินให้สมาชิกไม่ได้ ขอคืนเงินทุนให้และเพิ่มอีก 20% ของเงินทุน โดยแบ่งจ่าย 4 รอบ ช่วง 27-31 ตุลาคม 2561 แต่ไม่มีสมาชิกได้รับเงิน จากนั้นบริษัทได้ปิดตัวลงและปิดเว็บไซต์ พร้อมทั้งข่มขู่สมาชิกว่าถ้าใครไปแจ้งความจะฟ้องกลับฐานทำให้บริษัทเสียชื่อเสียง และระงับจะรหัสไม่จ่ายเงินให้ มีประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อไม่ได้รับเงินเครียดถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายกลุ่มแรกจำนวน 25 คน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก. 5 บก.ปอศ.จนมีการขออนุมัติต่อศาลเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง, ร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป้นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน”
กระทั่งเมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวนายทรงทรัพย์ และนายฉัตรคชายัน ส่วนอีก 2 รายอยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัว และจากการสืบสวนสอบสวนขยายผลทราบว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายราย ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติออกหมายจับและติดตามจับกุมตัวต่อไป ในส่วนของผู้เสียหาย มีข่าวว่าอีกกว่า 1 พันคนจะทยอยเข้าแจ้งความ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |