ร่วมมือกันแล้วได้ผล องค์การยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนมวยปล้ำเกาหลีเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ยื่นขอจดทะเบียนร่วมกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ออเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการยูเนสโกกล่าวในแถลงการณ์ว่า ข้อเท็จจริงที่ว่าเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ยอมสมัครด้วยกันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ที่ผ่านมาเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือเคยแข่งกันยื่นขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกหลายประเภทด้วยกัน เช่น กิมจิ อาหารประจำชาติของชาวเกาหลีที่เกาหลีใต้ยื่นขอจดเมื่อปี 2556 แล้วเกาหลีเหนือยื่นตามบ้างและได้รับขึ้นทะเบียนในปี 2558 หรือเพลงพื้นบ้าน อารีรัง ที่เกาหลีใต้ได้รับการขึ้นทะเบียนปี 2555 แล้ว 2 ปีหลังจากนั้นเกาหลีเหนือก็ได้สถานะเดียวกัน
ส่วนกรณีมวยปล้ำนั้น เกาหลีใต้เคยยื่นขอเมื่อปี 2559 ส่วนเกาหลีเหนือยื่นขอในปี 2560 จนกระทั่งสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลทั้งสองประกาศว่าจะยื่นขอร่วมกัน
ความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีพัฒนาอย่างรวดเร็วนับแต่ต้นปีนี้ สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลทั้งสองประกาศเชื่อมเส้นทางถนนข้ามชายแดนที่ใช้ร่วมกันเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เกาหลีใต้ก็เพิ่งส่งส้ม 200 ตัน เป็นของขวัญตอบแทนที่เกาหลีเหนือส่งเห็ดมาให้ 2 ตัน
มวยปล้ำของสองเกาหลีที่ยื่นขอจดทะเบียนกับยูเนสโกนั้น มีความแตกต่างกันเล็กน้อย โดยเกาหลีเหนือเรียกกีฬาชนิดนี้ว่า Ssirum ส่วนเกาหลีใต้เรียกว่า Sssireum เหตุจากใช้ระบบการแปลเป็นภาษาอังกฤษที่แตกต่างกัน นอกจากนี้เครื่องแต่งกายของนักกีฬาก็แตกต่างกัน และพื้นสังเวียนที่ใช้แข่งขันก็ต่างกันด้วย โดยเกาหลีใต้จะต่อสู้กันในทราย ส่วนเกาหลีเหนือใช้เบาะกลม
กีฬาชนิดนี้ ซึ่งมักเล่นกันตามเทศกาลของหมู่บ้านต่างๆ มานานหลายศตวรรษ มีความคล้ายคลึงบางประการกับกีฬาซูโม่ของญี่ปุ่น แต่มวยปล้ำเกาหลีเริ่มต้นโดยให้นักกีฬา 2 ฝั่งนั่งคุกเข่าแล้วจับผ้าคาดเอวของอีกฝ่ายไว้ แล้วให้ใช้ความแข็งแรงและเทคนิคในการล้มคู่ต่อสู้ลงกับพื้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |