สยามสปอร์ต ประกาศเอาเรื่องทางกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญากับ "สมาคมฟุตบอล" ให้ถึงที่สุด เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง หลังจากโดนโดนเล่ห์เหลี่ยมเอาพยานเอกสารและข้อเท็จจริงของตนฝ่ายเดียวในคดีฟ้องร้องอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีต่อศาล ออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และเกิดความเสียหายต่อสยามสปอร์ตเป็นอย่างมาก ทั้งๆที่สมาคมฟุตบอลเองถูกสยามสปอร์ตฟ้องเรียกค่าเสียหายในการผิดสัญญาการบริหารสิทธิประโยชน์อยู่ก่อนแล้วถึงกว่า 1,400 ล้านบาท แต่สมาคมฯกลับเอาข้อพิพาทที่อยู่มาฟ้องสยามสปอร์ตเป็นอีกคดี ยืนยันสยามสปอร์ตบริหารกิจการด้วยธรรมาภิบาล ซื่อสัตย์สุจริต อีกทั้งก่อนหน้านี้สโมสรสมาชิกก็ไม่เคยกล่าวหาร้องเรียนในการทำหน้าที่ในการบริหารสิทธิประโยชน์แต่อย่างใด
สืบเนื่องจากที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เรื่องให้ดำเนินคดีต่อสยามสปอร์ต และเรื่องที่สมาคมฟุตบอลได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อสยามสปอร์ต ตามที่ทางสมาคมฯได้ออกข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น ทางบริษัท สยามสปอร์ต จำกัด (มหาชน) โดยนายสรายุทธ มหวลีรัตน์ กรรมการผู้จัดการ และนายทวยเทพ ไวทยานนท์ กรรมการ ของบริษัท ได้ทำหนังสือชี้แจงข้อมูลในเรื่องดังกล่าวกับกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยสรุปใจความข้อพิพาททุกกรณีว่า
สิ่งที่อ้างถึงเป็นกรณีที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กับบริษัท ซีนิเพล็กซ์ จำกัด (บริษัทในกลุ่มทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป TVG) ได้ร่วมกันกระทำผิดสัญญาบริหารสิทธิประโยชน์ ฉบับที่ 1 ฤดูกาลแข่งขัน 2556-2560, สัญญาบริหารสิทธิประโยชน์ ฉบับที่ 2 ฤดูการแข่งขัน 2561-2565 และ สัญญาถ่ายทอดเสียงและภาพการแข่งขันฟุตบอลฯ ฤดูการแข่งขัน 2557-2559 (วงเงินสัญญา 1,800,000,000 บาท), ฤดูการแข่งขัน 2560-2563 (วงเงินสัญญา 4,200,000,000 บาท) ซึ่งทำให้บริษัทสยามสปอร์ต ได้รับความเสียหาย บริษัทฯจึงได้ให้การต่อสู้ในคดี และได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสมาคมฟุตบอล และบริษัท ซีนิเพล็กซ์ จำกัด รวมเป็นเงิน 1,401,220,807.15 บาท พร้อมให้ปฏิบัติตามสัญญาถ่ายทอดเสียงและภาพฯ ในฤดูการแข่งขัน 2560-2563 โดยให้ชำระเงินตามสัญญา จำนวน 3,900,000,000 บาท ให้กับบริษัท สยามสปอร์ต ซึ่งทั้งสองคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
ในการสืบพยานทั้งสองคดีนี้ ทางบริษัทสยามสปอร์ตได้นำเสนอข้อเท็จจริง ทางการเงินที่ถูกต้องในการบริหารกิจการ ปี 2556-2557, 2557-2558 ตามงบการเงินที่ได้นำเสนอต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไปแล้ว ต่อมาสมาคมฟุตบอลจึงได้นำพยานเอกสารที่บริษัทฯเสนอต่อศาลระหว่างพิจารณา นำมาฟ้องเป็นคดีใหม่ตาม คดีหมายเลขดำที่ ทป.179/2561 ซึ่งข้อเท็จจริงเดียวกันที่เป็นข้อพิพาทในสาระสำคัญต่างๆตามสัญญา เป็นข้อหาหรือฐานความผิดเดียวกันทั้งสองคดี ที่บริษัท สยามสปอร์ตได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลไปก่อนแล้วทั้งสองคดี
สยามสปอร์ตได้บริหารกิจการด้วยระบบธรรมาภิบาล ซื่อสัตย์สุจริตในการบริหารสิทธิประโยชน์ให้กับสมาคมฟุตบอล ด้วยการบริหารที่โปร่งใสและสามารถตรวจสอบความถูกต้องมาโดยตลอด โดยก่อนหน้านี้ทางสมาคมฟุตบอลและบรรดาสโมสรสมาชิกไม่เคยร้องเรียนหรือกล่าวหาการบริหารสิทธิประโยชน์ของบริษัท สยามสปอร์ตแต่ประการใด ซึ่งในเรื่องข้อพิพาทตามสัญญาอยู่ระหว่างการพิจารณาพิพากษาของศาล คดียังไม่ถึงที่สุด จึงต้องรอคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ชี้ขาดข้อพิพาทให้เป็นที่สุด
การกระทำของสมาคมฟุตบอล ที่ทำหนังสือร้องเรียนกล่าวหาบริษัทถึงคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แล้วมีการนำพยานเอกสารต่างๆและข้อเท็จจริงของตนเพียงฝ่ายเดียวไปเผยแพร่ต่อสาธารณชน ด้วยข้อความเพียงบางส่วนของฝ่ายตน และก็เป็นข้อเท็จจริงที่อยู่ระหว่างการพิจารณาพิพากษาของศาล การกระทำดังกล่าวนี้ ทำให้สยามสปอร์ตได้รับความเสียหาย สยามสปอร์ตจึงยืนยันใช้สิทธิเรียกร้องในทางแพ่ง และดำเนินคดีอาญา กับสมาคมฟุตบอล และบุคคลที่เกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าวนี้ให้ถึงที่สุด เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตนเอง และความถูกต้องให้เป็นประจักษ์ต่อสาธารณชนต่อไป
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |