นายกฯ อ้างการช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาจากความต้องการของผู้มีรายได้น้อย ฟุ้ง 1 ปีหมุนเวียนร้านธงฟ้า 4.9 หมื่นล้าน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน คณบดีเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต สวนกลับบัตรคนจนไม่ช่วยกระตุ้นการบริโภค "อนาคตใหม่" เกทับพร้อมแจกเงินเดือนเยาวชนเพื่อการศึกษา เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ ลั่นเงินทั้งหมดมาจากลดงบฯ กองทัพ

    นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เพิ่งออกมาล่าสุดว่า ทั้งหมดมาจากความต้องการของผู้มีรายได้น้อยที่ได้สำรวจเมื่อเดือน ก.ค.-ส.ค.60 ซึ่งส่วนใหญ่อยากให้ช่วยเหลือค่าสาธารณูปโภคพื้นฐาน คือค่าน้ำค่าไฟเป็นอันดับแรก รองลงมาคือช่วยเหลือค่าสินค้าที่จำเป็น ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายเพื่อดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลวางแผนเตรียมการมานานแล้ว 
    ก่อนหน้านี้ผู้มีรายได้น้อยได้รับการช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ โดยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.60-22 พ.ย.61 รัฐบาลได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายรวม 49,879.4 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าสินค้าอุปโภคบริโภคในร้านธงฟ้าประชารัฐ 47,209 ล้านบาท, ร้านค้าก๊าซหุงต้ม 79.8 ล้านบาท, รถ บขส. 137.2 ล้านบาท, รถไฟจำนวน 263.5 ล้านบาท, รถไฟฟ้า 17.4 ล้านบาท และโอนเงินเข้ากระเป๋า e-money ตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิต 2,172.5 ล้านบาท
    โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานว่าขณะนี้มีร้านธงฟ้าประชารัฐกระจายอยู่ทั่วประเทศราว 50,000 ร้าน จากเป้าหมาย 100,000 ร้าน ซึ่งกว่าร้อยละ 50 เป็นสินค้าที่ผลิตในชุมชนและสินค้าเกษตรในพื้นที่ โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ ข้าวสาร กะปิ น้ำปลา และอาหารแปรรูป ไม่ใช่สินค้าที่มาจากบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น
    "นายกฯ ย้ำว่า นอกจากผู้มีรายได้น้อยจะได้บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายโดยตรงแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อร้านค้าปลีกขนาดเล็กในชุมชนท้องถิ่น และร้านค้ารายย่อย เช่น แผงจำหน่ายอาหารหรือรถเร่ที่เข้าร่วมโครงการด้วย" นายพุทธิพงษ์กล่าว
    ด้านนายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสสี่ของไทยอาจจะยังคงเติบโตต่ำกว่า 4% ต่อเนื่องจากไตรมาสสามการขยายตัวยังคงแผ่วลงจากเศรษฐกิจในระดับฐานรากยังไม่ได้ขยายตัวมากนัก โดยการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าไม่คงทนซึ่งมีสัดส่วนค่อนข้างสูงในรายจ่ายของครัวเรือนรายได้น้อยถึงปานกลางยังขยายตัวต่ำ  มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการคนจน จะไม่ได้ช่วยกระตุ้นภาคการบริโภคมากนัก การขยายตัวของภาคการบริโภคจึงยังต้องอาศัยผู้มีรายได้สูง 
    "การเติบโตเศรษฐกิจไทยไตรมาสสี่ยังเผชิญปัจจัยฐานสูง ไตรมาสสี่ปีที่แล้ว ทิศทางการค้าโลกยังคงชะลอตัวลง ซึ่งจะทำให้ภาคส่งออกและภาคท่องเที่ยวในไตรมาสสี่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย มาตรการการเก็บภาษีนำเข้าจากจีนของสหรัฐเริ่มบังคับใช้เมื่อ 6 กรกฎาคม เริ่มส่งผลกระทบทางอ้อมต่อการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์บ้างแล้ว โดยเฉพาะมูลค่าส่งออกสินค้าดังกล่าวที่ส่งไปจีนในเดือนสิงหาคม หดตัวกว่า 10% การส่งออกแผงโซลาร์และกลุ่มเครื่องซักผ้าไปยังสหรัฐก็มีการหดตัวในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ สินค้ากลุ่มยางแผ่น ไม้แปรรูป เม็ดพลาสติกและเคมีภัณฑ์ ที่ส่งออกไปจีน จะได้รับผลกระทบจากมาตรการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของสหรัฐมากยิ่งขึ้นในไตรมาสสี่ ส่วนการลงทุนภาคเอกชนยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ" นายอนุสรณ์กล่าว     
    ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า การเดินหน้าตรวจสอบการแจกเงินเพิ่มในบัตรคนจนตามที่มีผู้ไปร้องเรียนนั้น ตนอยากให้ กกต.ทำงานตามปกติ อย่าเร่งให้เร็วหรือช้า ทำงานไปตามขั้นตอน สังคมก็จะไม่ครหาถึงการยืดเวลาหรือลดเวลาทำงานของ กกต. เพื่อเหตุผลบางอย่าง ซึ่งไม่เกี่ยวกับความได้เปรียบเสียเปรียบ และเชื่อว่า กกต. ชุดนี้ไม่ได้กลัวถูกปลด แต่กลัวความไม่ตรงไปตรงมามากกว่า 
    ที่ศาลาการเปรียบวัดหนองบัว ต.วังกระแจะ อ.เมืองฯ จ.ตราด นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) พร้อมด้วยนายสายันต์ บุญคู่ ประธานสาขาพรรค อนค. จังหวัดตราด นายศักดิ์ชัย นุ่มหนู ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรค อนค. จังหวัดตราด ร่วมจัดเวทีเสวนาพรรคอนาคตใหม่พบปะพี่น้องชาวตราด รับฟังปัญหา ความเดือดร้อน สะท้อนความรู้สึก เพื่อพัฒนานโยบายสู่การแก้ไข โดยมีประชาชนกว่า 100 คนร่วมเวทีเสวนา
    โดยเวทีเสวนามีการพูดถึงความเดือดร้อนในปัจจุบันของประชาชนชาวตราด เช่น ปัญหาราคายาง ที่ปัจจุบันมีราคาลดลงอย่างมาก มีเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราในจังหวัดตราดโค่นยางพาราทิ้ง เพราะราคายางที่ถูกลงทุกวัน ขณะที่ปัญหาการทำประมงในจังหวัดตราดเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นจาก พ.ร.บ.ประมงฉบับใหม่ ที่ประกาศขึ้นเมื่อปี 2558 ส่งผลให้ประมงพาณิชย์หลายลำถูกจับปรับดำเนินคดีหลายครั้ง เสียเงินหลายล้านบาท จนชาวประมงต้องขายเรือทิ้งหมดเครื่องทำมาหากิน
    หลังการรับฟังปัญหา นายปิยบุตรกล่าวว่า ได้กล่าวถึงแนวทางการทำงานพรรคและนโยบายพรรค โดยเรื่องการประมง สิ่งแรกที่จะทำหากได้เข้าสภา จะแก้กฎหมายประมงที่ คสช.เขียนขึ้นมาโดยประชาชนหรือชาวประมงไม่มีส่วนร่วม สิ่งนี้เองจึงทำให้พี่น้องชาวประมงทั่วประเทศไทยได้รับผลกระทบจากกฎหมายที่ไม่มีการรับฟังความเห็นจากคนไทย การที่ คสช.เขียนกฎหมายขึ้นมาโดยไม่มีการรักษาผลประโยชน์ของชาวประมง ไม่สนใจความเดือดร้อนชาวประมงเลย
    “ขณะที่ปัญหาราคายางพารานั้น พรรคอนาคตใหม่ จะยกระดับเกษตรกรเป็นผู้ประกอบการให้มากขึ้น เพราะปัจจุบัน ชาวสวนยางพาราไม่มีอำนาจการต่อรองราคาเลยแม้นิดเดียว พรรคอนาคตใหม่จะเข้ามาผลักดันราคา แปรรูปสินค้า สร้างมูลค่าเพิ่ม ที่ไม่ใช่แค่การขายน้ำยางพารา ส่วนนโยบายเงินเดือนเยาวชนและผู้สูงอายุนั้น พรรคอนาคตใหม่จะให้เงินเดือนเยาวชนเพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ เช่น ให้เงินเพื่อการศึกษา ส่วนผู้สูงอายุจะเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุให้มากขึ้น โดยเงินทั้งหมดจะลดจากงบประมาณกองทัพทั้งหมด ลดการซื้ออาวุธ ลดตำแหน่งนายพลลง เพราะสมัยนี้บนโลกไม่มีใครสู้รบกันแล้ว”  เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่กล่าว.