(1)
ทำท่าว่าจะหนาวๆ เพียงแค่แวบเดียว วูบเดียว...เดี๋ยวๆ ก็กลับมาร้อนกันอีกซะแล้ว แถมหลายวูบ หลายแวบ ออกไปทางร้อนสลับหนาว วูบๆ วาบๆ บางครั้ง บางคราว ดันมี ฝน เข้ามาแจม อยู่บ้าง ในบางช่วง บางระยะ ทั้งๆ ที่น่าจะหมดหน้าฝนไปนานแล้ว ด้วยอุณหภูมิ อากาศ ในลักษณะเช่นนี้ จึงต้องเรียกว่า...ออกจะเป็นอะไรที่ ไม่ปกติ อย่างเป็น ปกติ ไปแล้วนั่นแล...
(2)
ภายใต้อุณหภูมิ อากาศ ที่เป็นไปในลักษณะเช่นนี้...ถ้าหากนำมาเกี่ยวโยงกับความเป็นไปของมวลมนุษยชาติ ที่อยู่ใต้ฟ้า ใต้นภากาศ โอกาสที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะ เป็นไปด้วยดี เป็นไปแบบสมูธ ไลค์ ซิลค์ เหมือนคำขวัญการบินไทยนั้น ยังไงๆ...น่าจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ แม้ว่าสุดท้าย...ความดีย่อมต้องชนะความชั่ว ธรรมะย่อมต้องชนะอธรรม กันจนได้ ตามความเชื่อ ความศรัทธา ของบรรดาสาธุชน และวิญญชูชน ทั้งหลาย แต่กว่าจะถึงช่วงนั้น คงต้องผ่านอะไรที่หนาวๆ ร้อนๆ วูบๆ วาบๆ ผ่านขั้นตอน ความไม่ปกติ กันอีกเยอะแยะ ไม่ว่าในระดับโลก หรือแม้แต่ระดับไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาก็เถอะ...
(3)
หรือถ้ามองกันในแง่ของ กงล้อแห่งกาลเวลา ก่อนที่ช่วงเวลาแห่งความดีงาม ความถูกต้อง ยุติธรรม ความบริสุทธิ์ จะย้อนกลับมาถึงกันอีกรอบ มันคงหนีไม่พ้นต้องรอไปถึงจุดต่ำสุด ของช่วงเวลาแห่งความชั่ว ความฉ้อฉล อัปลักษณ์ ความไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ทั้งหลาย และแม้หลังจากนั้น...ก็ใช่ว่าทุกสิ่งทุกอย่าง จะถูกต้อง ดีงาม กันไปซะทั้งหมด เพราะกว่ากงล้อแห่งความดี ความงาม มันจะขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ยังหนีไม่พ้นต้องผ่านขั้นตอน อุปสรรค ต่างๆ กันอีกเยอะแยะมากมาย...
(4)
เหมือนอย่างที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านตรัสเล่าเอาไว้ในฉากจินตนาการ ว่าด้วย มิคสัญญียุค ในคัมภีร์พระไตรปิฎกบท จักกวัตติสูตร นั่นแหละว่า หลังผ่าน จุดต่ำสุด หรือผ่าน สัตถันตรกัปป์ ผ่านช่วงระยะเวลา 7 วัน ที่มวลมนุษย์ทั้งหลาย ต่างเห็นกันและกันว่าเป็นแค่ เนื้อ (มิคสัญญา) ก้อนหนึ่ง ไม่ได้เห็นว่าเป็นเพื่อนมนุษย์ เป็นสิ่งที่มีเลือดเนื้อ ชีวิต จิตวิญญาณ แต่อย่างใด จนต้องหันมาใช้ศาตราวุธเท่าที่มีอยู่ในมือ สังหาร พร่าผลาญกันและกัน ชนิดเลือดนองท้องช้างไปทั่วทั้งโลก...
(5)
แต่จากฉากเหตุการณ์อันน่าสยดสยอง พองขน ไปถึงระดับนั้น...ก็ยังเพียงแค่ส่งผลให้เกิดฉากจินตนาการระดับที่ว่า “ครั้งนั้น บรรดาสัตว์เหล่านั้น มีบางพวก บางกลุ่ม ที่มีความคิดว่า เราอย่าฆ่าใครๆ และอย่าให้ใครๆ ฆ่าเรา อย่ากระนั้นเลย เราควรเข้าไปตามป่าหญ้า สุมทุมพุ่มไม้ ป่าดง พงชัฏ ระหว่างเกาะ หรือซอกเขา ใช้เหง้าไม้ ผลไม้ป่ายังชีพ ครั้นเมื่อล่วง 7 วันผ่านพ้นไปแล้ว เขาก็พากันออกมาจากสุมทุม พุ่มไม้ ป่าดง พงชัฏ ระหว่างเกาะและซอกเขา แล้วต่างร่าเริงยินดีที่รอดชีวิต ขับร้องอย่างดีใจเหลือเกิน และจักรำลึกถึงความสิ้นญาติครั้งใหญ่ ว่าเป็นเพราะสมาทานในอกุศลธรรม อย่ากระนั้นเลย เราควรบำเพ็ญกุศลกรรม ละเว้นอกุศลกรรม เริ่มด้วยการงดเว้นปาณาติบาตเป็นเบื้องแรก...”
(6)
หรือพูดง่ายๆ ว่า...ยังแค่ทำให้เกิดการหวนกลับไปสู่ ศีลข้อที่ 1 เท่านั้นเอง กว่าที่ศีลข้อที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ตามมา ไปจนถึงศีล 8 โน่นเลย หรือจนกว่าที่ พระศรีอาริยเมตไตร จะได้โอกาสจุติลงมาโปรดสัตว์ทั้งหลาย อันนำไปสู่ ยุคชาววิไล ได้จริงๆ ยังต้องฝ่าด่าน ฝ่าอะไรต่อมิอะไรกันอีกเยอะ ไม่ต่างอะไรไปจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอากาศนั่นแหละทั่น กว่าที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะกลับมาเข้าที่ เข้าทาง กลับมาสู่ ความปกติที่เป็นปกติ มันคงต้องใช้ขั้นตอน เวลา กันอีกนาน...
(7)
ด้วยเหตุนี้...อะไรที่มันยังคงเละเทะ เลอะเทอะ ยังคงวูบๆ วาบๆ แวบๆ ไหวๆ อยู่ในช่วงระหว่างนี้ ต้องถือเป็นเรื่อง ปกติธรรมดา ของ ความไม่ปกติ ที่มันยังคงไม่ได้หมดไป หรือสูญสลายหายไปโดยสิ้นเชิง ยังคงต้องอาศัยพลังขับเคลื่อนของผู้ที่ใฝ่ดี ผู้ที่คิดดี ทำดี กันอีกเยอะ โดยเฉพาะบรรดาผู้ที่ยังเชื่อมั่น ศรัทธา ว่าสุดท้าย...ความดีย่อมต้องชนะความชั่ว หรือธรรมะย่อมต้องชนะอธรรม ตามแบบฉบับวิญญูชน และสาธุชนทั้งหลาย นั่นแล อย่าถึงกับต้องไปเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า เลิกคิด เลิกหวัง เอาดื้อๆ ถือซะว่า...เราทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องมือของกาลเวลา เป็นพลังขับเคลื่อนที่หนีไม่พ้นจะต้อง ทำหน้าที่ ไปตามช่วงระยะแห่งการหมุนขึ้น หมุนลง ของ กงล้อแห่งกาลเวลา นั่นเอง...
----------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |