รมว.วัฒนธรรมเผยนายกฯ กำชับรื้อถอนพระเมรุมาศให้ดี ไม่ตากแดด-โดนฝน และจัดเก็บในที่เหมาะสม ภาพรวมคืบ 26% แล้วเสร็จ มี.ค. กรมศิลป์ ตั้งผู้ควบคุม 9 ส่วนเดินหน้าตามแผนงาน-สมพระเกียรติ เคลื่อนย้ายพระจิตกาธาน-ฉากบังเพลิงไว้โรงราชรถ เตรียมจัดแสดงให้ประชาชนชม
         เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้างานรื้อถอน/ย้ายพระเมรุมาศและอาคารประกอบ และงานภูมิทัศน์  งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการรื้อถอน เคลื่อนย้ายและจัดเก็บพระเมรุมาศ อาคารประกอบและงานภูมิทัศน์ ที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน การประชุมครั้งนี้ได้สรุปข้อมูลเตรียมนำเสนอต่อนายวิษณุ ในสัปดาห์หน้า การรื้อถอนพระเมรุมาศมี 3 ส่วนหลักๆ ประกอบด้วยการรื้อย้ายเพื่อก่อสร้างและปรับรูปแบบไม่ให้เหมือนเดิม การรื้อย้ายเพื่อจัดเก็บอย่างเป็นระบบและหมวดหมู่ โดยเฉพาะงานศิลปกรรม และการรื้อย้ายเพื่อสลายวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเป็นวัสดุที่รื้อแล้วนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ เช่น ไม้อัด กระดาษทองย่น ยิปซัมบอร์ด  ต้องกำจัดด้วยวิธีการเผาและฝังกลบ  
    "ในการประชุม ผมได้แจ้งข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งกำชับเรื่องการรื้อถอนและการเคลื่อนย้ายส่วนต่างๆ ของพระเมรุมาศ รวมทั้งบอร์ดนิทรรศการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับว่า ต้องเก็บรักษาให้ดี ไม่ตากแดดและโดนฝน และจัดเก็บในที่เหมาะสม รวมทั้งให้มีการจัดทำแผนการนำไปใช้ประโยชน์ให้ชัดเจน ตลอดจนการอนุรักษ์และส่งมอบวัสดุให้นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป"
    รมว.วัฒนธรรมกล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการรื้อย้ายพระเมรุมาศ อาคารประกอบ กรมศิลปากร (ศก.) ได้แต่งตั้งผู้ควบคุมการรื้อถอนเคลื่อนย้ายและจัดเก็บพระเมรุมาศ อาคารประกอบและงานภูมิทัศน์ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนงานและสมพระเกียรติ แบ่งเป็น 9 ส่วน อาทิ ผู้ควบคุมรื้อถอน งานก่อสร้างสถานที่จัดเก็บประติมากรรม พระที่นั่งทรงธรรม อาคารนอกมณฑลพิธีสนามหลวง งานภูมิทัศน์ ขณะนี้ภาพรวมในการรื้อถอนทั้งหมดอยู่ที่ร้อยละ 26 จะแล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค.2561 โดยพระเมรุมาศมีความคืบหน้าร้อยละ 28 ขณะนี้ได้รื้อย้ายงานสถาปัตยกรรม งานไฟฟ้า ประติมากรรม สระอโนดาต และรื้อบล็อกปูพื้น รวมถึงได้เคลื่อนย้ายพระจิตกาธานและฉากบังเพลิงมาเก็บรักษาไว้ที่โรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพื่อจัดแสดงให้ประชาชนได้เข้าชม  
    ส่วนประติมากรรมทั้งหมดเคลื่อนย้ายไปจัดเก็บที่อาคารจัดเก็บประติมากรรม สำนักช่างสิบหมู่ ศาลายา    ส่วนงานรื้อถอน ศาลาลูกขุน 1 2 3 ทิมและทับเกษตร  พลับพลายกสนามหลวง พลับพลายกหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ คืบหน้าร้อยละ 17-41 ส่วนเกยลารื้อถอนเสร็จแล้ว ทั้งนี้ เมื่อรื้อย้ายสถาปัตยกรรมและประติมากรรมทั้งหมดแล้ว จะรื้อย้ายฐานรากและถมดินเพื่อคืนสภาพสถานที่ก่อสร้างให้แก่กรุงเทพมหานคร ซึ่งแผนรื้อถอนพระเมรุมาศจะใช้เวลา 55 วัน
    "งานรื้อย้ายเพื่อเตรียมก่อสร้างอาคารจัดแสดงนิทรรศการถาวรแห่งใหม่จะใช้โครงเดิม โดยมีส่วนหนึ่งของพระที่นั่งทรงธรรม ศาลาลูกขุน 4 หลัง พลับพลายกหน้าวัดพระเชตุพนฯ 1 หลัง ทิม 2 หลัง ทับเกษตร 2 หลัง แต่ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ ตัดทอนไม่ให้เหมือนของเดิมทั้งหมด โดยมอบให้กลุ่มสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร รับผิดชอบ เช่น พระที่นั่งทรงธรรม เดิมออกแบบเป็นอาคาร 1 ชั้น จะเพิ่มเป็นอาคาร 2 ชั้น ส่วนทิมและทับเกษตรปรับส่วนยอดใหม่ ส่วนงานรื้อถอนภูมิทัศน์คืบหน้าร้อยละ 21 โดยต้นไม้และกระถางเซรามิกได้ขนย้ายและส่งมอบให้ผู้ดูแลและหน่วยงานต่างๆ อาทิ วังสวนกุหลาบ กรุงเทพมหานคร วังไกลกังวล สำนักหอสมุดแห่งชาติ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ จ.ปทุมธานี" นายวีระกล่าว 
         ด้านนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า การก่อสร้างอาคารจัดแสดงนิทรรศการถาวรพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ ต.คลองห้า จ.ปทุมธานี มีพื้นที่ 12,000 ตารางเมตร ตัวอาคารจัดแสดงพื้นที่ 8,000 ตารางเมตร การออกแบบก่อสร้างจะไม่ให้เหมือนกับอาคารที่ใช้ในพระราชพิธี แต่จะยังคงสภาพความเป็นจิตวิญญาณของงานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม ทั้งในส่วนของอาคารจัดแสดง อาคารประกอบ งานประติมากรรม และศิลปกรรม โดยเน้นย้ำผู้รับจ้างการดำเนินการรื้อย้ายและจัดเก็บงานทุกอย่างให้เป็นระบบระเบียบ ส่วนงานศิลปกรรมและประติมากรรมที่นำไปจัดแสดงที่สำนักช่างสิบหมู่นั้น จะจัดสร้างเป็นอาคารนิทรรศการถาวร เมื่อแล้วเสร็จจะเปิดให้นักเรียนและผู้สนใจเข้าไปศึกษาเรียนรู้ได้ ส่วนการจัดเก็บสถาปัตยกรรมอื่นๆ เช่น โครงสร้างเหล็ก จะนำไปจัดเก็บที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จ.อยุธยา.