24 พ.ย.61 - จากกรณีที่มีนักเรียนชายชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ขับรถจักรยานยนต์ไปเฉี่ยวชนกองข้าวเปลือก ที่เกษตรกรตากไว้บนถนนทางหลวงหมายเลข 3047 สายบ้านหนองม่วงน้อย – หนองไทร ต.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย ซึ่งขณะนี้ผู้บาดเจ็บยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบเป็นถนน 2 ช่องจราจร ไม่ได้เป็นทางโค้ง แต่ไม่พบเกษตรกรนำข้าวเปลือกมาตากบนถนนสายดังกล่าวแล้ว มีเพียงร่องรอยบริเวณจุดเกิดเหตุเท่านั้น
สอบถามชาวบ้านใกล้เคียง ให้ข้อมูลว่า วันเกิดเกตุได้มีเกษตรกรนำข้าวเปลือกไปตากบนถนนสายดังกล่าว เพื่อลดความชื้นหลังจากเก็บเกี่ยวเสร็จเป็นปกติเหมือนทุกปี เนื่องจากในหมู่บ้านมีลานที่ใช้สำหรับตากข้าวเพียงจุดเดียว คือ ลานคอนกรีตศาลากลางหมู่บ้าน แต่เกษตรกรส่วนมากจะเก็บเกี่ยวผลผลิตพร้อมกัน ทำให้สถานที่ตากไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องนำไปตากตามถนนลาดยางในหมู่บ้าน ตำบล ซึ่งก็ใช้เวลาตากเพียง 2-3 วัน แต่ช่วงเย็นวันเกิดเหตุมีฝนตกหนักทำให้สภาพถนนลื่น ทั้งอาจเกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่ด้วย จึงทำให้รถจักรยานยนต์เสียหลักล้ม จนทำให้มีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว
นางประสงค์ ทราบรัมย์ ชาวบ้านหนองม่วงน้อย บอกตรงกันว่า สาเหตุที่เกษตรกรต้องนำข้าวเปลือกมาตากบนถนนลาดยาง เนื่องจากสถานที่ตากในหมู่บ้านไม่เพียงพอ เพราะเกษตรกรส่วนใหญ่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตพร้อมๆ กัน และการตากบนถนนทำให้ข้าวเปลือกแห้งเร็วใช้เวลาเพียง 2 – 3 วัน ก็เก็บเข้ายุ้งฉาง หรือนำไปขายให้กับโรงสีได้แล้ว แต่หากตากตามพื้นหญ้าจะทำให้ข้าวเปียกชื้นแห้งช้า อาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ หากถามว่าเกษตรกรรู้หรือไม่ว่าการนำข้าวเปลือกมาตากบนถนนผิดกฎหมาย
ส่วนใหญ่ก็ยอมรับว่า รู้แต่ก็ไม่มีทางเลือก เพราะหากไม่รีบตากให้แห้งแล้วมีฝนตกใส่ข้าวเปียกก็จะทำให้เมล็ดข้าวมีความชื้นสูง เสื่อมคุณภาพ และหักเสียหายทำให้ขายไม่ได้ราคา จึงอยากจะฝากให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการทำลานตากเป็นพื้นปูนให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อจะได้ลดปัญหาสถานที่ตาก เพราะเกษตรกรเองก็ไม่ได้อยากมาตากบนถนนอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจบนถนนตามหมู่บ้าน ตำบล ในหลายอำเภอ ยังคงมีเกษตรกรนำข้าวเปลือกออกมาตากตามถนนลาดยาง โดยจะตาก 1 ช่องจราจรแล้วมีการอุปกรณ์ หรือกรวยยางมาวางเป็นสัญลักษณ์ไว้ เพื่อให้ผู้สัญจรเห็น โดยเกษตรกรก็ให้เหตุผลเหมือนกันว่า ไม่มีสถานที่ตากจึงจำเป็นต้องมาตากบนถนน พอตกเย็นก็จะเก็บกองรวมไว้ไหล่ทางแล้วใช้ผ้าคลุมปิดไว้ ก็อยากให้เห็นใจชาวนาด้วย
ด้านนายวิทย์ วรวงศ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทบุรีรัมย์ ก็ได้ออกมาแจ้งเตือนเกษตรกรว่า ตามกฎหมาย พ.ร.บ.ทางหลวง มาตรา 38 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดติดตั้ง แขวน วาง หรือกองสิ่งใดเขตทางหลวงในลักษณะที่เป็นการกีดขวางหรืออาจเป็นอันตรายแก่ยานพาหนะ หรือในลักษณะที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางหลวงหรือความไม่สะดวกแก่งานทาง เว้นแต่จะได้รับอนุญาต ซึ่งหากฝ่าฝืนก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ทั้งนี้ที่ผ่านมาแขวงหลวงหลวงชนบทก็ได้ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีเกษตรกรบางส่วนที่นำข้าวเปลือกมาตากบนถนนและไหล่ทาง โดยอ้างว่าไม่มีสถานที่ตาก ซึ่งก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ออกสำรวจหากพบเกษตรกรรายใดนำข้าวมาตากกีดขวางถนน
เบื้องต้นก็จะเตือนให้เก็บออก แต่หากยังไม่ทำตามเจ้าพนักงานก็จำเป็นจะต้องเคลื่อนย้ายออกให้ ซึ่งหากมีค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายเจ้าของทรัพย์สินนั้น ๆ ก็ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง และกรณีนี้หากฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานก็มีความผิดตามกฎหมายทางหลวงเช่นเดียวกัน คือ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |