สมช.ผวาสารพัดกลุ่มต้านบั่นทอนคสช.


เพิ่มเพื่อน    

“สมช.” รับสภาพสารพัดม็อบมากขึ้นรับโหมดเลือกตั้ง ชี้เป็นความตั้งใจแซะรัฐบาล “บิ๊กแป๊ะ”  สำทับกลุ่มหน้าเดิม “เพื่อไทย” รุกหนักออกแถลงการณ์ อัด “ประยุทธ์” หมดความชอบธรรมบริหารประเทศ ซัดแม่น้ำ 5 สายโกงกฎหมายเพื่อตนเอง มาร์คชี้ความนิยมรัฐบาลลดวูบเป็นเรื่องธรรมชาติ “นิพิฏฐ์” เผยกลุ่มต้านจะผุดเป็นดอกเห็ด หากเสพติด “รัฏฐาธิปัตย์” กกต.มาแต่ไก่โห่หวังของบจัดเลือกตั้ง 5,800 ล้านบาท
    เมื่อวันพฤหัสบดี พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสม็อบต่างๆ ที่มีเพิ่มมากขึ้นว่า อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พูดว่าเป็นช่วงที่รัฐบาลทำงานมานานพอสมควร พอถึงจุดหนึ่งมีความพยายามทำให้รัฐบาลอ่อนแอเพื่อให้รัฐบาลออกไป พยายามลดเครดิตความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีความพยายามเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ แต่ช่วงนี้จะเห็นว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง กลุ่มการเมืองต่างๆ ก็ออกมาเพื่อประโยชน์ของกลุ่มตัวเอง เพื่อบั่นทอนรัฐบาล เพื่อก่อกระแสความวุ่นวายขึ้นมา
     เมื่อถามว่า งานด้านการข่าวพบมีการเตรียมก่อเหตุสร้างความวุ่นวายมากกว่านี้หรือไม่ พล.อ.วัลลภกล่าวว่า ช่วงนี้พบว่ามีการเคลื่อนไหวมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของทางการเมือง ส่วนจะขยายสถานการณ์หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแต่ละกลุ่ม อาจจะหวังผลการเมืองโดยเป็นความตั้งใจ
“ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ เจ้าหน้าที่ติดตามอยู่แล้วในเรื่องที่จะมีผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นการเดินขบวน การแสดงความคิดเห็นต่างๆ เจ้าหน้าที่ติดตามไปตามหน้าที่” พล.อ.วัลลภกล่าวตอบคำถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม มีการสั่งการให้ติดตามงานด้านการข่าวมากขึ้นหรือไม่ 
ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกลุ่มมวลชนต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองว่า ในที่ประชุมการมอบนโยบายการปฏิบัติราชการตำรวจ พล.อ.ประวิตรไม่ได้สั่งกำชับอะไรในเรื่องนี้ เพราะรู้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ดำเนินการอยู่แล้ว 
“ผมไม่กังวล ผมเป็นผู้ใช้กฎหมาย พวกกลุ่มมวลชนน่าจะกังวลมากกว่า” พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าว
     เมื่อถามว่า การชุมนุมมีแนวโน้มขยายไปยังต่างจังหวัดบ้างไหม พล.ต.อ.จักรทิพย์ตอบว่า กฎหมายครอบคลุมทั่วประเทศอยู่แล้ว ซึ่งได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ดูแลอยู่ ส่วนที่ยังมีกลุ่มมวลชนไม่เกรงกลัวหรือยังเคลื่อนไหวนั้น ในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายก็ออกหมายเรียก ไม่มาก็ออกหมายจับ ใครที่ปรากฏอยู่ในพื้นที่ก็ดำเนินการกันไปตามขั้นตอนกฎหมายไม่ว่ากลุ่มไหน และผู้สื่อข่าวก็รู้ ก็กลุ่มเดิมๆ 
“ได้สั่งให้ขยายผลไปยังผู้อยู่เบื้องหลัง บางส่วนตำรวจมีข้อมูล บางส่วนเป็นข้อมูลใหม่ ส่วนท่อน้ำเลี้ยงได้ให้การบ้านทางชุดสืบสวนไปดำเนินการ แต่ยังไม่ได้รับรายงานกลับมา ให้เจ้าหน้าที่เขาทำงานก่อน” ผบ.ตร.ระบุ 
ซัดบิ๊กตู่หมดความชอบธรรม
    ขณะที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง คสช.และรัฐบาลหมดความชอบธรรมที่จะเป็นรัฐบาลต่อไป โดยมีเนื้อหาสำคัญระบุว่า ตั้งแต่ คสช.ยึดอำนาจตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2557 ได้ใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ออกประกาศและคำสั่ง จำกัดสิทธิเสรีภาพอย่างมาก รวมทั้งยังใช้กลไกที่สร้างขึ้นเพื่อสืบทอดอำนาจ ไม่เคารพและยึดมั่นในรัฐธรรมนูญ ล้มเหลวในการสร้างความสามัคคีปรองดอง ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมได้ ไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันได้ 
“ปัญหาวิกฤติผู้นำ หัวหน้า คสช. และนายกฯ มีปัญหาวิกฤติศรัทธาที่ไม่สามารถจะนำพาประเทศต่อไปได้ เนื่องจากไม่รักษาคำพูดในเรื่องต่างๆ ไม่มีความจริงใจคืนอำนาจให้กับประชาชนเพื่อจัดการเลือกตั้ง มีการเลื่อนการเลือกตั้งไปเรื่อยๆ ก่อให้เกิดวิกฤติศรัทธาต่อหัวหน้า คสช.อย่างรุนแรง พรรคเพื่อไทยจึงเห็นว่า คสช. รัฐบาล และแม่น้ำ 5 สายเข้าข่ายสมคบคิดกัน มีการโกงกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ผิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อนานาชาติและประชาชน ทำให้ คสช.และรัฐบาลหมดความชอบธรรม” เนื้อหาแถลงการณ์ระบุ และว่า 4 ปีของการยึดอำนาจการได้พิสูจน์ให้คนไทยและสังคมโลกเห็นอีกครั้งแล้วว่า การรัฐประหารไม่อาจแก้ไขปัญหาของประเทศได้ แต่กลับสร้างปัญหาและผลกระทบในวงกว้าง ทางออกที่ดีที่สุดของ คสช.ในขณะนี้คือการคืนอำนาจให้แก่ประชาชนโดยเร็ว
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า อย่าไปวาดภาพว่ามีคนหาเรื่องล้มรัฐบาล ถ้าการเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแมปเดิมเชื่อว่าไม่มีใครเคลื่อนไหว แต่เพราะไม่มีความแน่นอนอะไรเลย และอยากให้สังคมพิจารณาว่า ระหว่างคนอยากเลือกตั้งกับคนอยากอยู่ยาว อะไรกันแน่ที่เป็นปัญหา โดยขอเป็นกำลังใจให้ผู้ถูกกล่าวหา เชื่อมั่นว่าทุกคนเข้มแข็งที่จะต่อสู้ตามหลักการต่อไป ซึ่ง นปช.ยังคงติดตามสถานการณ์ในที่ตั้ง
ขณะที่ ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้ใหญ่ประเภทไหน ทำไมปล่อยให้คนหนุ่มสาวหลายสิบคนถูกทำลายอนาคต โดน คสช.ดำเนินคดีและยัดข้อหาร้ายแรง เพราะมาร่วมชุมนุมที่สกายวอล์ก แต่ยัดข้อหาเหมือนเขาเป็นโจรผู้ร้าย รวมทั้ง คสช.ยังดำเนินคดีอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ทำกิจกรรม We Walk เพื่อสะท้อนปัญหาของบ้านเมืองอีกด้วย พวกเขาทั้งหมดไม่ได้ทำอะไรผิด คือการใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญของประชาชน
       "อันที่จริงคนรุ่น พล.อ.ประยุทธ์เปรียบเสมือนไม้ใกล้ฝั่ง นับวันมีแต่ร่วงโรย ท่านควรดีใจที่ได้เห็นคนรุ่นหนุ่มสาวมีความตื่นตัวทางการเมือง จะได้มีคนรุ่นใหม่มารับไม้ต่อในการทำงาน จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการดำเนินคดีต่อภาคประชาชนและนักวิชาการทันที และอย่าถลำลึกปราบปรามพี่น้องประชาชน" ร.ท.หญิงสุณิสากล่าว
ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ได้ฟัง พล.อ.ประยุทธ์พูดรู้สึกว่าจะสรุปง่ายไปหน่อย ที่บอกว่าเลือกเอาว่าจะเอาแบบเป็นอยู่ปัจจุบันหรือกลับไปเหมือนเก่า เพราะประเทศมีทางเลือกที่ดีกว่าทั้ง 2 ทางนี้ แต่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำ ซึ่งก็ไม่อยากใช้คำว่าเป็นการดิ้นของรัฐบาล ส่วนขาลงดูเหมือนทุกฝ่ายเข้าใจดีว่าความนิยมมีลดลงได้ นายกฯ ก็พูดเองทำนองว่านี่มันก็ปีที่ 4 แล้ว เพราะฉะนั้นก็ต้องบริหารจัดการ เพราะภารกิจที่เหลืออยู่ของ คสช.มีความสำคัญทั้งนั้น
เตือนม็อบขยายวง
     “ปัญหาที่เกิดขึ้นกระทบกับความนิยม มีพื้นฐานอยู่แค่ 3 ตัวเท่านั้น คือ 1.ภาวะเศรษฐกิจของประชาชน 2. ปัญหาของการทุจริตคอร์รัปชัน หรือความไม่โปร่งใส และ 3.ความคาดหวังเกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูป เพราะฉะนั้นก็ต้องไปแก้ 3 ปมนี้ว่าจะทำอย่างไร ถ้าคลาย 3 ปมนี้ได้ ภาวะนี้ก็จะผ่อนคลายไป ซึ่งก็ไม่ง่าย เพราะนักการเมืองเจอภาวะแบบนี้มาเกือบทั้งนั้น” นายอภิสิทธิ์กล่าว  
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้า ปชป. กล่าวว่า เมื่อผู้นำไม่รักษาคำพูด จะทำให้ประชาชนออกมาเรียกร้องและท้าทายรัฐบาล คสช.มากขึ้น โดยไม่กลัวคำสั่ง คสช. และหากมีการดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด ก็จะมีแนวร่วมเพิ่มมากขึ้น จึงเชื่อว่าหากยังไม่ยุติการท้าทายประชาชน จะมีการชุมนุมเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ซึ่ง คสช.จะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จึงอยากให้เลิกท้าทายประชาชน และเดินหน้ารักษาคำพูดทำตามโรดแมปของตัวเอง อย่าออกนอกเส้นทางหรือใช้เทคนิคทางกฎหมายเพื่อมายืดอายุให้กับรัฐบาล 
“แม้ คสช.จะมีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ แต่เมื่อมีรัฐธรรมนูญบังคับใช้แล้ว อำนาจนั้นต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ” นายนิพิฏฐ์กล่าว
นายวีระ สมความคิด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีตำรวจได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้เลือกตั้งเพิ่มเติม 39 คนให้มาพบพนักงานสอบสวนในวันศุกร์ที่ 2 ก.พ. และมีชื่อตนเองรวมอยู่ด้วย โดยตั้งข้อสังเกตว่า หมายเรียกลงวันที่ 30 ม.ค.ให้ไปพบในวันที่ 2 ก.พ. ภายใน 3 วันนับจากออกหมายเรียก มันจะเร่งรีบร้อนรนเกินไปไหม เพราะในวันที่ 2 ก.พ. ไม่สะดวก โดยทนายได้แจ้งต่อตำรวจแล้ว และขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันว่าจะไปพบในวันเสาร์ที่ 3 ก.พ.2561 เวลา 13.30 น.
สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่ม We walk เดินมิตรภาพนั้น ได้มีการรวมตัวกันกราบสักการะคุณย่าโม ก่อนออกเดินเท้าไปตาม ถ.ราชดำเนิน-ถ.ชุมพล ขึ้นสู่ ถ.มิตรภาพ มุ่งหน้าผ่านห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 และเซ็นทรัลโคราช ไปยัง ต.จอหอ และเข้าเขต อ.โนนสูง โดยมีกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 20 นาย คอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกการเดินทางอย่างใกล้ชิด         
      วันเดียวกัน ยังมีความต่อเนื่องจากกรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 
    โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า กรธ.ได้รับร่างกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับจาก สนช.แล้ว โดย กรธ.จะตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณารายละเอียดเนื้อหาแยกรายฉบับ ซึ่งยังตอบไม่ได้ว่าจะทำความเห็นโต้แย้งเพื่อนำไปสู่การตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมหรือไม่ เพราะต้องรอฟังความเห็นจากที่ประชุม กรธ. และพิจารณารายละเอียดที่ถูกปรับแก้เป็นจำนวนมากก่อน โดย กรธ.มีเวลาพิจารณาจนถึงวันที่ 9 ก.พ.นี้
“การปรับแก้ไขมาตรา 2 ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. โดยให้เวลาที่กฎหมายใช้บังคับจากเดิมให้มีผลหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเป็น 90 วัน ตามเหตุผลของ สนช.นั้นรับฟังได้ แต่จำเป็นต้องดูรายละเอียด” นายมีชัยกล่าวและว่า ส่วน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. โดยเฉพาะการปรับลดเหลือ 10 กลุ่ม และแก้ไขวิธีการเลือกหรือจำกัดการสมัคร ประเด็นเหล่านี้อาจไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ
พรเพชรหวังไม่ตั้ง กมธ.ร่วม
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. กล่าวว่า ได้ส่งร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 2 เรื่องไปยัง กรธ.และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว ซึ่งทั้งสองหน่วยงานต้องโต้แย้งมาภายใน 10 วัน และหากโต้แย้งมา ก็ต้องตั้ง กมธ.ร่วม 3 ฝ่ายพิจารณาใน 15 วัน แต่ถ้าไม่มีใครโต้แย้งก็ดี แต่การตั้ง กมธ.ร่วมก็ไม่ทำให้การเลือกตั้งเลยเวลาเดือน ก.พ. เพราะถือเป็นขั้นตอนปกติ แต่หากจะกระทบ ก็เมื่อมีการคว่ำเกิดขึ้น ก็จะเป็นปัญหา และหากมีการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ก็กระทบต่อวันเลือกตั้งเช่นกัน 
“ผมตอบแบบสมมติ เดี๋ยวจะมากล่าวหาว่าชี้นำให้ส่งศาล หรือบอกว่าจะไปคว่ำกฎหมาย ซึ่งไม่เกี่ยวกัน ผมบอกมาหลายเดือนแล้ว ไม่คิดจะมีการคว่ำอะไร” นายพรเพชรกล่าว
ส่วนนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณี สนช.ท้าให้เปิดเผยชื่อสมาชิกที่โทร.มาล็อบบี้ให้เสนอความเห็นแย้งเรื่องการจัดมหรสพในการหาเสียง   ว่ามีตัวตนจริง และเป็นคนที่รู้จักคุ้นเคยมานาน แต่คงไม่เหมาะสมที่จะเปิดเผยชื่อ เพราะเดี๋ยวเสียหายไปมากกว่านี้ เนื่องจากประเด็นที่พูดคุยยังมีสิ่งที่ขอร้องมากกว่านั้นอีก แต่หากใครอยากรู้ชื่อ ให้ไปถามตำรวจขอเช็กข้อมูลในโทรศัพท์มือถือได้ว่ามีใครที่เป็น สนช.โทร.มาหาในวันที่ 29 ม.ค. คงจะทราบชื่อโดยไม่ยาก 
    พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รักษาการเลขาธิการ กกต.กล่าวในงานประชุมผู้บริหารสำนักงาน กกต. เพื่อเผยแพร่ความรู้รัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งว่า เบื้องต้นเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่ต้องทำความเห็นโต้แย้ง คือเวลาลงคะแนนระหว่าง 07.00 น. ถึง 17.00 น. เพราะประเด็นนี้ไม่ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 77 กำหนดไว้ รวมทั้งยังมีประเด็นการจัดมหรสพในช่วงหาเสียงได้ 
    "การเลือกตั้งครั้งหน้า กกต.จะใช้งบประมาณ 5,800 ล้านบาท จากเดิม 3,000 ล้านบาท โดยในส่วนที่เพิ่มขึ้น 2,800 ล้านบาท เพื่อให้รัฐสนับสนุนลงมาช่วยผู้สมัครในการหาเสียง ซึ่งจะทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกจากนโยบายของพรรคมากกว่า" พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวและว่า สำนักงาน กกต.อยู่ระหว่างร่างระเบียบตั้งกองทุนปราบทุจริต เพื่อให้เป็นสินบนรางวัลกับบุคคลที่นำพยานหลักฐานการซื้อเสียงหรือการทุจริตเลือกตั้งมาแจ้งต่อ กกต. และหากนำไปสู่การให้ใบแดงหรือเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งได้ กกต.จะจ่ายสินบนรางวัลให้ 1 หมื่นบาท. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"