แลนด์สไลด์ทับทักษิณ


เพิ่มเพื่อน    

                 น่ากลัวนะ...

                ยิ่งใกล้เลือกตั้ง ก็ยิ่งเห็นการกวาดต้อนไพร่พลเข้าคอก หนักหน่วงขึ้น!

                ดูท่า...แลนด์สไลด์ไปฝั่ง "พลังประชารัฐ" ไม่ใช่ "เพื่อไทย"

                จากที่คิดกันว่าจะเป็นพรรคขนาดกลาง อันดับ ๓-๔

                วันนี้ "พลังประชารัฐ" ทำท่าจะเป็นพรรคอันดับ ๑ เสียแล้ว

                คนที่เจ็บใจที่สุดก็หนีไม่พ้น ทักษิณ ชินวัตร

                เพราะทุกอย่างกำลังย้อนกลับมาอีกครั้ง

                เป็นการใช้วิธีของทักษิณย้อนเกล็ดทักษิณ

                ถ้าจะเรียกว่าวงจรอุบาทว์....

                นี่ก็คือความอุบาทว์ทางการเมืองที่ทักษิณเคยสร้างไว้ และมันกำลังกลับมาอีกครั้ง โดยพรรคพลังประชารัฐ เพื่อกำจัด "ทักษิณ"

                แต่อย่าเพิ่งสิ้นหวังกับการเมืองไทย

                แค่ต้องรู้เท่าทัน เขี่ยเลวมากออก ให้เหลือที่เลวน้อยกว่า เท่าที่พอประคับประคองประเทศให้คลานไปข้างหน้าได้ เพราะตัวเลือกมันมีอยู่แค่นี้

                ณ วันนี้ สิ่งที่พรรคพลังประชารัฐทำอยู่ คือสิ่งที่พรรคไทยรักไทยเป็นมาก่อน

                และคนในพรรคเพื่อไทย ที่เอาแต่ด่าถึงกำเนิดพรรคของพลังประชารัฐ ก็ควรดูหนังหน้าตัวเองในกระจกไว้

                ถ้าบอกว่าคนอื่นระยำ

                รู้นะ...ตัวเองระยำมาก่อน!

                ไทยรักไทย จดทะเบียนก่อตั้งพรรคเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๑

                ก่อนการเลือกตั้งปี ๒๕๔๔ มีการใช้เงินดูด ส.ส.กันอย่างมโหฬาร 

                ไปสอยเอาจากพรรคสามัคคีธรรมเดิม พรรคความหวังใหม่ พรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม พรรคเอกภาพ

                ผลเลือกตั้งปี ๒๕๔๔ พรรคไทยรักไทย ถึงได้โกยไป ๒๔๘ เสียง

                เท่านั้นไม่พอ!

                ระหว่างทาง พรรคเสรีธรรมมีมติยุบพรรค เกิดการบัญญัติศัพท์การเมืองใหม่ โฮลดิงพรรคการเมือง  ควบรวมกับไทยรักไทย

                ได้เพิ่มมา ๑๔ เสียง

                ปี ๒๕๔๕ ถึงคิวพรรคความหวังใหม่ของ "พ่อใหญ่จิ๋ว" มีมติควบรวมกับไทยรักไทย

                ได้เพิ่มมาอีก ๓๓ เสียง

                ปี ๒๕๔๗ มีนักการเมือง ๒ กลุ่มหลักในพรรคชาติไทย ทำให้ "บรรหาร ศิลปอาชา" กระอักเลือด

                นั่นคือกลุ่มชลบุรี ของ "สนธยา คุณปลื้ม" 

                และกลุ่มบุรีรัมย์ ของ "เนวิน ชิดชอบ" ลาออกไปซบไทยรักไทย

                กวาดต้อนมาอีก ๒๖ คน

                ปี ๒๕๔๗ พรรคชาติพัฒนามีมติยุบพรรครวมกับไทยรักไทย

                ได้อีก ๒๙ คน

                รวมเบ็ดเสร็จพรรคไทยรักไทยมีที่นั่งในสภา ๓๕๐ ที่นั่ง

                ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.จากภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง

                แต่เบื้องหลังการยุบพรรคเพื่อควบรวมนั้น เต็มไปด้วยความโหดร้าย บางกรณีพูดได้เต็มปากว่า เป็นพฤติกรรมอันระยำของ ต้นคิด โฮลดิงพรรคการเมือง 

                ถ้าจะถามว่าการเมืองแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างหนักหน่วงตั้งแต่เมื่อไหร่?

                ใครที่ตอบว่า ก็ยุค คสช.ไง คงต้องกลับไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์การเมืองเสียใหม่

                พรรคชาติพัฒนาถูกบีบ จากการตั้งธงสอบสวนคดีทุจริตโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ เป็นเครื่องมือ

                กลุ่มชลบุรีของ สนธยา คุณปลื้ม ถูกบีบด้วยคดีอาญาของกำนันเป๊าะ "สมชาย คุณปลื้ม"

                พรรคไทยรักไทยควบรวมพรรคการเมืองเรื่อยมาตั้งแต่ จัดตั้งพรรค และเมื่อ "ทักษิณ" เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ยังสูบต่อเนื่อง

                สุดท้ายพรรคไทยรักไทยมี ส.ส.อยู่ในกำมือ ๓๕๐ เสียงอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น

                นั่นคือต้นทุนที่นำไปสู่ความสำเร็จในการเลือกตั้งปี ๒๕๔๘ ซึ่งไม่มีใครพูดถึงมากนัก

                ไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง ๓๗๗ เสียง เครดิตไปตกที่นโยบายหาเสียง

                "๔ ปีซ่อม ๔ ปีสร้าง"

                โหมกระพือกันว่า คะแนนนิยมในตัว "ทักษิณ" นั้นไม่เคยมีนักการเมืองไทยคนใดในประวัติศาสตร์ทำได้มาก่อน

                และความเชื่อนั้น ยังคงมาจนถึงทุกวันนี้

                แต่หากชำแหละเข้าไปดูเนื้อใน

                ก่อนเลือกตั้ง ทักษิณ ทั้งบังคับ ทั้งโหมดูด ส.ส.ได้มากถึง ๓๕๐ ที่นั่ง

                ก็ไม่แปลกอะไรที่ผลการเลือกตั้งปี ๒๕๔๘ ไทยรักไทยจะได้ ๓๗๗ เสียง

                การเมืองแบบนี้สะท้อนให้เห็นอะไรกันแน่

                ระหว่างความสำเร็จในนโยบายของทักษิณ

                หรือ ประชาชนยังเลือก ส.ส.ที่ตัวบุคคลอยู่

                อ้อ...ลืมไป!

                รู้หรือเปล่าว่าจุดประสงค์หลักของ "ทักษิณ" ที่พยายามกวาดต้อน ส.ส.ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้คืออะไร

                หลบเลี่ยงการตรวจสอบโดยสภาผู้แทนราษฎร

                เป็นการจงใจพังระบบตรวจสอบของรัฐสภา     

                เพราะรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ บัญญัติว่าการจะอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีนั้น ต้องใช้เสียง ๒  ใน ๕ ของสภาผู้แทนราษฎร

                ซึ่งก็คือ ๒๐๐ เสียง

                ช่วงปีหลังๆ เจียนอยู่เจียนตาย "ทักษิณ" ถึงกับเอ่ยปาก จะส่ง ส.ส.รัฐบาลร่วมลงชื่อกับ ส.ส.ฝ่ายค้าน เพื่อให้เสียงครบเปิดซักฟอกนายกฯ ได้

                นี่คือวิธีของคนที่บอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย

                มีคนบอกว่าไม่มีทางโค่นระบอบทักษิณลงได้ เพราะประชาชนชื่นชอบนโยบายของทักษิณ

                เลือกตั้งที่จะถึงนี้ คงเป็นบทพิสูจน์ว่า สิ่งที่เชื่อกันมานับสิบปีนั้นจริงหรือไม่

                การย้อนเกล็ดทักษิณของพรรคพลังประชารัฐ จะอธิบายได้ว่าแท้จริงแล้วการเลือกตั้งของไทย นั้น ประชาชนยังคงเลือกตัวบุคคลอยู่หรือไม่

                แต่ปรากฏการณ์ ณ เบื้องหน้านี้ ปฏิเสธกันได้หรือว่า การสูบ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้อยู่บนพื้นฐาน ตัวบุคคล

                ฉะนั้นองค์ประกอบของพรรคพลังประชารัฐช่วงกำเนิดนี้ จึงแทบไม่ต่างไปจากพรรคไทยรักไทยก่อนการเลือกตั้งปี ๒๕๔๔

                สำคัญไปกว่านั้น อาจกล่าวได้ว่า ตัวบุคคลส่วนใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ ก็คือ นักการเมืองหน้าเดิมที่เคยสังกัดพรรคไทยรักไทยมาก่อนนั่นเอง

                หรือไม่ก็อยู่ในตระกูลเดิม ที่เคยถูกทักษิณดูดมาก่อน

                จึงไม่แปลก...ทำไมช่วงนี้ "ทักษิณ" ถึงพยายามโชว์รวย!

                อวดนาฬิกาเรือนละ ๗๐-๘๐ ล้านบาท

                ที่สุดๆ คือ พยายามเค้นให้เห็นเม็ดเงินว่า "ทักษิณ" ยังมีปัญญาจ่าย

                เฟซบุ๊ก กรุงเทพ กรุงเทพ คนเขียนก็น่าจะใกล้ชิด "ทักษิณ" มากพอควร หรืออาจเป็นคนในครอบครัวด้วยซ้ำ เพราะเข้านอกออกในแหล่งพักพิงของผู้ต้องหาหนีคดีโกงได้ทุกที่ ทุกเวลา

                เขารายงานความรวยว่า

                ....ที่ผ่านมา..ทักษิณมีธุรกิจเหมืองทองใน ๕-๖ ประเทศ

                เหมืองเพชร ในแอฟริกา เหมืองแพลทินัม (ทองคำขาว) น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ โรงงานสร้างเฮลิคอปเตอร์ในกรุงอาบูดาบี ร่วมทุนนักวิจัยมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ตั้งบริษัท ประดิษฐ์เครื่องมือขนาดเล็กตรวจหามะเร็งด้วยลมหายใจ

                แนวคิดการลงทุนทำธุรกิจในต่างประเทศของท่านไม่ได้ยึดติดกับธุรกิจเดิมที่เคยทำ จะทำอะไรก็ได้ที่ดี เป็นประโยชน์ "และทำเงินได้"

                เรื่องการลงทุนทำเหมืองทองเกือบ ๑๐ ปีก่อน ตอนนั้นท่านคาดว่าค่าเงินจะมีความผันผวน ต่อไปทองคำจะมีมูลค่ามากขึ้น อาจจะอยู่ในรูปของธนาคารที่รับฝากทองคำ จึงได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับเหมืองทองใน ๕-๖ ประเทศ จึงได้ศึกษาข้อมูลต่างๆ จนได้ลงทุน!

                ในประเทศยูกันดา มีถึง ๓๑ เหมือง อีก ๕ ประเทศ มีอย่างละ ๑-๒ เหมือง รวมมูลค่ากว่า ๕ หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จ่ายค่าสัมปทานให้กับรัฐบาลแล้ว ก็ยังมีรายได้เหลืออีกนับหมื่นล้านบาท

                ธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติก็มีสัมปทาน ยังลงทุนโรงงานสร้างเฮลิคอปเตอร์ในกรุงอาบูดาบี

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยใช้เทคโนโลยีจากประเทศยูเครน (ที่ท่านกับ "ยิ่งลักษณ์" ไปชมเทคโนโลยีมาไม่กี่วันก่อนหน้านี้) โดยได้ร่วมลงทุนกับเพื่อนที่ UAE

                ๑๐ กว่าปีที่ผ่านมา คนชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" ท่องไปทั่วโลก สิ่งที่เข้ามามีทั้ง สัมปทานบ่อน้ำมัน กับก๊าซ เหมืองทอง เหมืองเพชร สัมปทานล็อตเตอร์รี่  ร่วมทุนกับเพื่อน ร่วมทุนกับบริษัทต่างๆ....

                ไม่อยากให้สำลักความรวย... เอาแค่เหมืองทองมูลค่าปาเข้าไป ๑.๖๕ ล้านล้านบาทแล้ว

                เกือบเท่างบประมาณของประเทศไทยทั้งปี

                ทั้งๆ ที่นิตยสาร Forbes จัดอันดับเศรษฐีไทยปีล่าสุดนี้ "ทักษิณ" มีทรัพย์สินราว 5.6 หมื่นล้านบาทเท่านั้น

                แล้วที่โม้มา มันคือเรื่องจริงหรือ?

                ร่อนเร่เป็นสัมภเวสีแค่ ๑๐ กว่าปี มีทรัพย์สินเพิ่มรวมแล้วเฉียดๆ ๒ ล้านล้านบาทเลยเชียวหรือ

                แต่คงไม่มีอะไรน่าข้องใจเท่ากับการมีเหมืองทองในยูกันดาถึง ๓๑ เหมือง

                เพราะเป็นที่รู้กันทั่วโลกว่า เหมืองเพชร เหมืองทองในยูกันดานั้น เป็นทรัพยากรที่แลกมาด้วยเลือด ของชาวพื้นเมือง ขนาดยูเอ็นไม่ใช่พ่อยังต้องจับตามอง

                และการเข้าไปทำธุรกิจในยูกันดา ยังมีต้นทุนเพิ่ม คือต้องจ่ายให้จอมเผด็จการ "โรเบิร์ต มูกาเบ"

                ท้ายที่สุดแล้ว ที่ผายลมมา ก็แค่การสร้างเรื่องเพื่อรับมือกับปรากฏการณ์แลนด์สไลด์

                ที่กำลังทับ "ทักษิณ" ให้หายไปจากเวทีการเมือง.

                                                                                                                                ผักกาดหอม

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"