สายเขียวเฮ! สนช.รับหลักการปลดล็อกกัญชาวาระแรกแล้ว ตั้งเป้า 60 วันคลอดกฎหมาย กรมวิทย์เผยผลตรวจกัญชาของกลาง ยาฆ่าแมลง-โลหะหนักพรึ่บ ไม่เหมาะนำมาใช้ “อภ.” ลุยปลูกทดลองตามแผน ส่วนระยะยาว ใช้พื้นที่ 1,500 ไร่
เมื่อวันศุกร์ มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่...) พ.ศ.... ซึ่งนายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. กับคณะ 44 คน เสนอในวาระแรก โดยสาระสำคัญคือการปลดล็อกให้กัญชาสามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้
โดยนายสมชายแถลงสาระสำคัญและประโยชน์ของร่างกฎหมาย ว่าเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 กำหนดให้สามารถขออนุญาตผลิต นำเข้า หรือส่งออกยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 ประกอบด้วย กัญชาและกระท่อม เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ สามารถนำไปใช้ในการรักษาโรคเฉพาะตัวได้ เช่นเดียวกับยาเสพติดให้โทษ ประเภท 2 แบบฝิ่นเท่านั้น ไม่รวมถึงการใช้เสพเพื่อสันทนาการ และให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นผู้กำหนดเขตพื้นที่ทดลองเพาะปลูกกัญชาและเสพกัญชา เพื่อการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ในปริมาณที่กำหนด โดยไม่ถือว่าผิดกฎหมาย
นายสมชายกล่าวต่อว่า การกำหนดพื้นที่ปลูกต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา มีมาตรการตรวจสอบควบคุม สำหรับผู้ที่จะสามารถอนุญาตครอบครองกัญชาได้ ประกอบด้วยกระทรวง องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น สภากาชาดไทย องค์กรเภสัชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์สาขาต่างๆ อาทิ ทันตกรรม สัตวแพทย์ และแพทย์แผนไทย โดยผู้ขออนุญาตต้องไม่เคยต้องโทษตามกฎหมายยาเสพติดมาก่อน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้พิจารณาอนุญาตตามความเห็นของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ
“ยืนยันว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านการรับฟังความเห็นจากประชาชน ตามมาตรา 77 วรรค 2 ทั้งจากเว็บไซต์ มีผู้เห็นด้วยถึง 99.03% และเปิดเวทีรับฟังความเห็น รวมถึงได้ส่งให้คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้ว โดยไม่ได้มีการเสนอร่างกฎหมายมาประกบ แต่มีข้อสังเกตความเห็นจากกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการกฤษฎีกา และ ป.ป.ส.” นายสมชายกล่าวและว่า ตั้งเป้าพิจารณากฎหมายฉบับนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน
ด้านสมาชิก สนช.ก็มีทั้งสนับสนุน ซึ่งระบุว่าโทษของกัญชามีน้อยกว่าเหล้าและบุหรี่ที่ไม่ได้กำหนดเป็นยาเสพติด ขณะที่ส่วนที่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากไม่ทราบถึงสาระสำคัญของร่างกฎหมาย และตั้งข้อสังเกตว่าร่างกฎหมายให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มีการระบุปริมาณที่ชัดเจน จากนั้นที่ประชุมมีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ด้วยคะแนนเอกฉันท์ 145 เสียง พร้อมตั้งกรรมาธิการ 29 คน กำหนดแปรญัตติ 7 วัน และจะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน
วันเดียวกัน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมด้วย ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรม (อภ.) แถลงผลตรวจวิเคราะห์กัญชาของกลาง เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ว่าจากการนำตัวอย่างกัญชาของกลางจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) จำนวน 100 กิโลกรัม เพื่อมาสกัดน้ำมันกัญชา ได้แบ่งตัวอย่าง 3 ตัวอย่างมาตรวจ พบสารเคมีและสารกำจัดศัตรูพืช 60 ชนิด ในส่วนของยาฆ่าเชื้อราไม่พบ แต่พบทั้งสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช และสารโลหะหนัก ตะกั่ว ปรอท สารหนู และแคดเมียมในกัญชาทั้ง 3 ตัวอย่าง ซึ่งถือว่ากัญชาของกลางที่ได้รับมานั้นไม่สามารถนำมาใช้ผลิตน้ำมันกัญชาเพื่อทางการแพทย์ได้
ภญ.นันทกาญจน์กล่าวว่า แม้ว่ากัญชาของกลางไม่ผ่านคุณภาพที่ใช้ทางการแพทย์ แต่จะนำไปศึกษาด้านอื่นแทนได้ โดยได้ประสานขอของกลางจาก บช.ปส.ไว้ 300 กิโลกรัม ส่วนการสกัดน้ำมันกัญชาเพื่อเตรียมใช้กับผู้ป่วยในเดือน พ.ค.2562 นั้น ยืนยันว่ายังเดินหน้าต่อไป เนื่องจากเตรียมใช้การปลูกกัญชาในพื้นที่ของ อภ.ที่คลอง 10 ประมาณ 100-200 ตารางเมตรมาทดแทน โดยแผนการปลูกอยู่ระหว่างหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงาน ป.ป.ส. เพียงแต่อาจทำให้น้ำมันกัญชาล็อตแรกล่าช้า
“แผนระยะยาวในการปลูกกัญชายังคงเดิม คือปลายปี 2562 จะใช้พื้นที่ 1,500 ไร่ รังสิตคลอง 10 เช่นกัน คาดว่าเมื่อถึงเวลานั้น จะมีกฎหมายมารองรับและสามารถนำมาใช้ในคนได้” ภญ.นันทกาญจน์ระบุ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |