7ธ.ค.ถกปลดล็อกกกต.ชี้มีข่าวดี


เพิ่มเพื่อน    

 “ประยุทธ์” เคาะแล้วคุยพรรคการเมืองปลดล็อก 7 ธ.ค. ยังกั๊กลงสนามการเมือง บอกต้องให้ฝ่ายกฎหมายดูก่อน ลั่นรัฐบาลเหมือนผลไม้ปอกเปลือก รู้ไส้รู้พุงหมดแล้วจะไปลองผลไม้อื่นเหรอ “กกต.” แพลมมีข่าวดีกลาง ธ.ค. คาดหลัง พ.ร.ป.ส.ส.ประกาศใช้ 5 วันออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งได้ “เพื่อไทย” ตามขย่มแบ่งเขตเลือกตั้ง ทั้งออกแถลงการณ์-ยื่นหนังสือ “ภูมิใจหนู” ระอา 13 พรรคเล็กไล่ไปลงเลือกตั้งคราวหน้า

        เมื่อวันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการนัดหารือกับพรรคการเมืองเพื่อปลดล็อกให้ทำกิจกรรมได้ว่า กำหนดไว้แล้ววันที่ 7 ธ.ค.นี้ ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต  ส่วนการพูดคุยจะชัดเจนแค่ไหน ต้องคุยกันก่อนว่าจะเอาอย่างไร การปลดล็อกต้องมีการร่างกฎระเบียบให้ชัดเจน แต่จะทำให้เร็วที่สุด ซึ่งรัฐบาลไม่ได้มีข้อขัดแย้งอะไร เข้าใจดี และบอกแล้วเมื่อกฎหมายต่างๆ ออกมาพร้อม เราก็จะปลดล็อกบ้างอะไรบ้าง ตรงไหน ทั้งนี้เพื่อให้บ้านเมืองปลอดภัย
          เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ นายกฯ เคยบอกว่าสนใจงานการเมือง ตอนนี้ตัดสินใจหรือยังว่าจะเข้าทำงานการเมืองในช่องทางใด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยัง ตอนนี้ยังฟังไม่ครบเลย เมื่อรุกถามว่าจะสมัครสังกัดพรรคการเมืองใดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ขอตอบอะไรทั้งสิ้น ขอดูกฎหมายก่อนว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเขียนไว้แล้ว ถ้านายกฯ จะลงไปอยู่การเมืองต้องไปอยู่ตรงไหน ทำอะไรได้บ้าง ต้องไปดูตรงโน้น จะมาถามอะไรเรา ขณะเดียวกันเราก็ต้องปรึกษาฝ่ายกฎหมายว่าทำอะไรได้แค่ไหน
เมื่อถามว่า นายกฯ ไม่ตัดสินใจเข้าพรรคเพื่อเป็นคนในหรือ นายกฯ กล่าวว่า ไม่จำเป็น และเมื่อถามต่อไปว่า เมื่อไหร่จะเปิดเผยความในใจ พล.อ.ประยุทธ์ส่ายหัวปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว
          ถามถึงความชัดเจนในวันเลือกตั้ง นายกฯ กล่าวทันทีว่า ยังยืนยันเป็นเดือน ก.พ.  ไปเลื่อนตรงไหนสักอันหรือยัง ส่วนพรรคการเมืองที่ร้องให้ขยับวันเลือกตั้งก็เห็นแต่ทางหน้าหนังสือพิมพ์ ในส่วนของ คสช.ยังไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น เป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะไปว่ามา ไม่มีส่วนในการตัดสินตรงนี้ 
       นายกฯ ยังกล่าวถึง 4 รัฐมนตรีที่ไปทำงานพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่าเดี๋ยวทั้ง 4 รัฐมนตรีเขาจะดูเองว่าจะออกเมื่อไหร่ ยังไงก็แล้วแต่เขา แต่ไม่มีปรับคณะรัฐมนตรี จะปรับทำไม ตามกฎหมายถ้าไม่ปรับก็มีคนแทนได้
ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า พรรคจะไม่เข้าร่วมประชุมกับ คสช.และแม่น้ำ 5 สายในวันที่ 7 ธ.ค. เพราะเห็นว่า คสช.ไม่ได้มีอำนาจจัดการเลือกตั้ง เพราะอำนาจเป็นของ กกต. ถ้า กกต.เชิญพรรคพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ คสช.เชิญไม่รู้ว่าจะไปทำไม
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี กกต.ให้แม่น้ำ 5 สายตัดสินใจเลื่อนเลือกตั้งตามข้อเสนอของพรรคการเมืองขนาดเล็ก ว่าถ้าพรรคขนาดเล็กทำเรื่องถึง กกต. ทาง กกต.ก็ต้องตัดสินใจ ที่มาโยนให้แม่น้ำ 5 สายตัดสินนั้นยังไม่ได้ประชุมกัน จึงยังไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร ดังนั้น จะมาถามหาคำตอบได้อย่างไร 
“ยังไม่มีการเลื่อนเลือกตั้ง ยืนยันทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมป อีกทั้งงานด้านความมั่นคงในขณะนี้ก็เรียบร้อยดี” พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อกรณีเลื่อนการเลือกตั้งจะส่งผลเสียต่อ คสช.หรือไม่ 
ชี้เหมือนผลไม้ปอกเปลือก    
    ต่อมาในช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับสภาเด็กและเยาวชน ในโครงการ “รวมพลังแกนนำเด็กและเยาวชนมุ่งสู่การเป็นแกนนำจิตอาสาในชุมชนป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน” กว่า 600 คนที่เข้าเยี่ยม ว่าวันนี้รัฐบาลเหมือนผลไม้ที่ปอกเปลือกแล้ว ทุกคนเห็นหมดว่าเนื้อในเป็นอย่างไร ทำอะไรไปบ้าง ทุกคนต้องรู้รสชาติของมันแล้ว แล้วท่านจะไปมองผลไม้ที่ยังไม่ได้ปอกเปลือกเลยหรือ มันจะดีอย่างนั้นหรือไม่ก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นตรงนี้จุดไหนมันเน่ามันเสียก็แก้กันไป
“ผมและรัฐบาลไม่ต้องการผลประโยชน์อะไร ผมเข้ามาแบบนี้ผมรู้ตัวว่าผมทำอะไรไม่ได้ ไม่ได้มุ่งหวังอะไรทั้งสิ้น ผลประโยชน์ทางการเมืองไม่มี อำนาจมีมาเยอะแยะแล้วเป็น ผบ.ทบ.มา 4 ปี ขี้เกียจ เบื่อใช้อำนาจแล้ว”นายกฯ กล่าว
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า การที่เดินหน้าการเมืองไปสู่ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยที่เรียบร้อย สงบ ไม่วุ่นวาย รักษาแกนหลักของประเทศ คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้ได้ อะไรที่ไม่ดีในอดีตอย่าให้เกิดขึ้นอีก สิ่งที่ดีในวันนี้จะเป็นโอกาสของวันข้างหน้า ไม่ใช่ไปรื้อโน่นนี่ หรือคิดไปแก้รัฐธรรมนูญ 60 ทั้งที่ยังไม่ได้ใช้บริหารราชการแผ่นดินเป็นเรื่องเป็นราวเลย 
    ด้านนายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต.ระบุว่า ยังเชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.พ.2562 โดยสัปดาห์หน้า กกต.จะพิจารณาเรื่องการแบ่งเขตให้เสร็จสิ้น และในเดือน ธ.ค.จะมีข่าวดีเกิดขึ้น ขณะนี้เรื่องปฏิทินการเลือกตั้ง ส.ส.ชัดเจนขึ้นมาก ทุกอย่างจะเร็วขึ้นจากเดิม 2 สัปดาห์ ทุกอย่างจะเสร็จในเดือน ธ.ค.ทั้งหมด จะทำให้พรรคการเมืองและผู้สมัครมีเวลาหาเสียงมากขึ้น เชื่อว่าจะหาเสียงกันสนุก ซึ่งเป็นความปรารถนาดีของผู้บริหารประเทศ และคาดว่าภายในเดือน พ.ค.-มิ.ย.จะได้รัฐบาลใหม่ 
เมื่อถามว่า ข่าวดีกลางเดือน ธ.ค. หมายถึงจะมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ส.ส.และกำหนดวันเลือกตั้งใช่หรือไม่ นายณัฏฐ์ไม่ปฏิเสธ โดยบอกไปคิดเอาเอง และแนะนำให้สื่อมวลชนไปอ่านคำสัมภาษณ์ของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้ละเอียด จะเห็นภาพชัดเจน ในส่วนของภาคปฏิบัติได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สิ่งที่นายณัฏฐ์ชี้แจงน่าจะหมายถึงหลังพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลบังคับใช้วันที่ 11 ธ.ค. แล้วจะมี พ.ร.ฎ.การเลือกตั้ง ส.ส.จากนั้นภายใน 5 วัน โดยทุกอย่างจะเกิดขึ้นภายในเดือน ธ.ค.ขยับขึ้นจากเดือน ม.ค.2562 ส่วนการเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตคาดว่ายังเป็นปฏิทินเดิมคือวันที่ 14-18 ม.ค.2562
    ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงพรรคเล็กในนามกลุ่มสหพรรคการเมือง จำนวน 13 พรรค ยื่นหนังสือถึง กกต.ให้เลื่อนวันเลือกตั้งไปเป็นวันที่ 5 พ.ค.2562 ว่า การเลือกตั้งมีกำหนดชัดเจนแล้ว และทุกคนทราบดี ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ.2562 หรือต่อให้เลื่อนออกไปก็ไม่เกินเดือน พ.ค. ซึ่งนายภราดร ปริศนานันทกุล สมาชิกพรรคก็พูดชัดแล้วว่า ถ้าไม่พร้อมก็ขึ้นรถบัสคันใหม่ คนอื่นเขาพร้อมกันหมด ไม่พร้อมก็รอเที่ยวหน้า อย่ามาหยุดยั้ง อ้างนู่นอ้างนี่ ทุกพรรคมีเวลาเท่ากัน ไม่มีพรรคใหม่พรรคเก่า 
ไล่พรรคเล็กไปเลือกตั้งครั้งหน้า
“คนที่อยู่ในการเมืองต้องมีสัญชาตญาณ มีไหวพริบเพียงพอ จะรู้ว่าการเลือกตั้งควรเกิดขึ้นช่วงไหน เลื่อนไปอีก 1-2 เดือนไม่มีความหมายอะไรที่ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งหรืออ่อนแรงลง พรรคภูมิใจไทยพูดเสมอว่าพร้อมเลือกตั้งตลอดเวลา ถ้าใครบอกว่าไม่พร้อมแล้วให้รอไปขึ้นรถไฟเที่ยวหน้าดีกว่า อย่าทำให้คนอื่นเสียเวลาด้วย”นายอนุทินระบุ
    สำหรับเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า การเปิดรับคำร้องเกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้งที่กำหนดถึงวันที่ 25 พ.ย. แม้ในวันที่ 24-25 พ.ย.เป็นวันหยุดราชการ แต่สำนักงาน กกต.จังหวัดจะเปิดทำการเพื่อรับเรื่องร้องเรียน และในวันที่ 26 พ.ย.ถึง 30 พ.ย. กกต.จะพิจารณาแบ่งเขตให้แล้วเสร็จ
      ส่วนนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค พร้อมด้วยนายสามารถและคณะ ได้แถลงกรณี คสช.ออกคำสั่งที่ 16/2561 และการแบ่งเขตของ กกต. โดยนายสามารถอ่านแถลงการณ์เรื่อง ขอให้ กกต.ได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยสุจริต และเป็นธรรม
ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ตอนหนึ่งระบุว่า คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2561 มีนัยทางการเมืองและไม่ชอบด้วยหลักกฎหมาย 4 ประการ คือ 1.คสช.ออกคำสั่งดังกล่าวโดยมิได้มีการร้องขอจากฝ่ายใดและไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 จึงตั้งข้อสังเกตว่าการออกคำสั่งนี้มีนัยทางการเมืองแอบแฝง และเป็นการแทรกแซงก้าวก่ายการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. 2.การออกคำสั่งให้ กกต.เปลี่ยนแปลงการแบ่งเขตเลือกตั้งได้โดยไม่ต้องทำตามกฎหมาย และระเบียบที่ออกไปก็ได้นั้น เป็นการส่งสัญญาณให้ กกต.ทำผิดกฎหมายได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงกฎหมาย ระเบียบ และความคิดเห็นของประชาชน และยังไปรับรองว่าการกระทำดังกล่าวของ กกต.ให้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและชอบด้วยกฎหมาย ถือเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ 3.การออกคำสั่งนี้ อาจถูกมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์สำหรับผู้สมัครของพรรคการเมืองในซีกรัฐบาลเพื่อชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้งได้ และ 4.กกต.เป็นองค์กรอิสระต้องมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความกล้าหาญ ต้องยึดกฎหมายและความเป็นธรรมเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ควรโอนอ่อนผ่อนตามไปตามความเห็นของบุคคล หรือกลุ่มบุคคลใด โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายและระเบียบที่ตัวเองกำหนดขึ้น 
“พรรคจึงขอเรียกร้องและให้กำลังใจต่อ กกต. โดยขอให้การปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา ยึดกฎหมายเป็นหลัก แม้ได้อำนาจมาให้กระทำการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายได้ ก็ไม่ควรกระทำ รูปแบบการเลือกตั้งที่เปลี่ยนแปลง โดยไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบ โดยไม่ฟังเสียงประชาชนนั้นไม่ควรที่จะเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด”  
          นายชูศักดิ์กล่าวว่า หาก กกต.จะมีการใช้เขตเลือกตั้งนอกเหนือจาก 3 รูปแบบเดิม ถามว่า กกต.ได้บอกประชาชนหรือยัง ได้สอบถามความเห็นประชาชนหรือไม่ ดังนั้นหากมีการใช้นอกเหนือจาก 3 รูปแบบ ควรบอกประชาชนและเปิดโอกาสให้เขาแสดงความคิดเห็น ควรเล่นบบแฟร์เพลย์ 
          ต่อมาที่สำนักงาน กกต. บรรดาผู้แทนพรรคการเมืองเดินทางมายื่นคำร้องคัดค้านการแบ่งเขตเลือกตั้งในหลายจังหวัด อาทิ จังหวัดสมุทรปราการ นครราชสีมา และกรุงเทพฯ โดยในส่วนของพรรคเพื่อไทย นำโดยนายสามารถ ยื่นหนังสือขอให้ กกต.คำนึงถึงกฎหมายในการแบ่งเขตเลือกตั้งหลังจาก คสช.ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2561 โดยนายสามารถกล่าวว่า อยากให้ กกต.เปิดเผยข้อมูลรูปแบบการเลือกตั้งการแบ่งเขตที่มีการร้องและมีการเปลี่ยนแปลงว่าใครเป็นผู้ร้อง และแบบเดิมไม่เหมาะสมอย่างไร เพราะถือเป็นการร้องเรียนนอกกรอบเวลาที่ กกต.เคยกำหนดไว้ เท่ากับว่าไม่เคารพกติกา เป็นการตามใจคนที่ไม่เคารพกติกาด้วยการออกคำสั่งพิเศษให้ กกต.รับฟังความเห็นใหม่จนอาจมีการออกแบบพิสดาร ซึ่งมีตัวอย่างจากกรณี จ.นครราชสีมา และ กทม.
ซัดทำประชาชนสับสน
“ขณะนี้แค่บัตรใบเดียวประชาชนก็สับสนอยู่แล้ว ยังมีการแบ่งเขตแบบตัดแขวงออกแล้วข้ามไปข้ามมาทำให้ประชาชนไม่สามารถลงในเขตเดิมได้ ก็ยิ่งจะมีความสับสน เพราะจะกลายเป็นผู้สมัครอีกคน และคนละเบอร์ด้วย” นายวิชาญ มีนชัยนันท์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยระบุ
    ส่วนนายอนุทินยอมรับว่า มีสมาชิกหลายคนแสดงความกังวล แต่คำตอบเดียวคือ ถ้าจะไปเป็นผู้แทนของประชาชน อยู่ที่ไหนก็เหมือนกันหมด คือมีหน้าที่ทำความนิยม ถ้าดูแล้วบางเขตไม่เหมาะสมกับตัวเองก็ไม่ต้องลงเลือกตั้ง พรรคคงไม่ไป ขอให้กำหนดเขตเลือกตั้งตามใจพรรค เพราะเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ กกต.ว่าจะกำหนดอย่างไร ซึ่งพรรคก็พร้อมส่งผู้ที่เหมาะสมที่สุดลงต่อสู้ ไม่มีปัญหา
    ขณะที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวในเรื่องนี้ว่า การดำเนินการของ คสช.ดูแล้วอาจมีเจตนาพิเศษ เพราะก่อนหน้านี้ กกต.จะประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว เพราะดำเนินการเสร็จแล้ว แต่พอมีคำสั่ง คสช. มาจึงทำให้ กกต.ชะงักงันและหยุดการประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง ซึ่งคิดว่า คสช.หรือพรรคที่ คสช.อาจจะหนุนหลังอยู่จะยังไม่พร้อม หรือผลสำรวจคะแนนนิยมพรรคพลังประชารัฐและพวกพรรคหนุนเผด็จการ ที่ออกมาว่าอาจได้จำนวนที่นั่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
    ส่วนที่รัฐสภา นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายพงศ์กิตติ์ อรุณภักดีสกุล ที่ปรึกษาด้านการเมือง การปกครอง และการบริหารจัดการ ผ่านไปยังเลขาธิการวุฒิสภา เพื่อขอให้วินิจฉัยการขาดคุณสมบัติของ กกต. จากกรณีที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ให้สัมภาษณ์ว่า การประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งอาจคลาดเคลื่อนไปจากปฏิทินของ กกต.ที่กำหนดไว้ในระเบียบว่าด้วยการแบ่งเขตเลือกตั้ง เนื่องจากเกิดปัญหาสุขภาพ โดยต้องไปผ่าตัดตา จึงทำให้เวลาการประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษาไม่เกินวันที่ 10 พ.ย.เคลื่อนออกไป เป็นเหตุให้เปิดช่องให้แทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.ได้ด้วยการออกคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 16/2561 ซึ่งถือเป็นหลักฐานที่ผูกมัดประธาน กกต.โดยชัดแจ้งว่ามีสุขภาพที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขัดต่อคุณสมบัติของการเป็น กกต.ต้องพ้นจากตำแหน่ง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"