23 พ.ย.61 - ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำประธานสภาเด็กและเยาวชน ที่เข้าร่วมโครงการ “รวมพลังแกนนำเด็กและเยาวชนมุ่งสู่การเป็นแกนนำจิตอาสาในชุมชนป้องกันการทุจริตคอรัปชั่น” กว่า 600 คน เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เพื่อนำเสนอผลการขับเคลื่อนการดำเนินงานของสภาเด็กและเยาวชน และมติสมัชชาเด็กและเยาวชนระดับภาค ประจำปี 2561 พร้อมทั้งมอบรายงานประจำปีของสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย และคู่มือการดำเนินงานของสภาเด็กและเยาวชน
โดยนายกฯ กล่าวว่า เราฝากความหวังไว้กับคนรุ่นใหม่ เขาคืออนาคตของประเทศ สิ่งสำคัญคือสังคมต้องสงบสุข ความขัดแย้งไม่เกิด ตรงนี้คือตัวประเมินว่าประเทศไหนมีเสถียรภาพ ตนไม่ไปขัดแย้งกับการเคลื่อนไหวหรือความคิดต่างๆของสังคม แต่สังคมต้องกำหนดว่าประเทศจะเดินไปอย่างไร ซึ่งความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย เป็นสิ่งสำคัญ ความมีเสถียรภาพของรัฐบาลนั่นคือหลักชัยสำคัญของประเทศ ก่อนที่เศรษฐกิจจะดีขึ้น ตนอยากพูดให้เข้าใจว่ามาตรการช่วยเหลือต่างๆที่รัฐบาลออกไประหว่างนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องการเมือง มีการดำเนินการมาตามลำดับ ถ้าดูเฉพาะงบประมาณที่ใส่ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกว่า 10 ล้านคนก็ดูเหมือนมาก แต่ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่าที่ผ่านมาทำอะไรไปแล้วบ้าง ถ้ามองแบบเดิม คิดแบบเดิม วันหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้เด็กและเยาวชนต้องให้ความสนใจว่ายุทธศาสตร์ชาติคืออะไร ตนอยากเห็นพลังอันยิ่งใหญ่ของเรา การคิดการแสดงออกแต่ไม่ใช่พูดแบบไม่มีหลักการ สักแต่ว่าพูดไม่ได้ คำพูดคือการจะแสดงความรับผิดชอบ แล้วต้องพูดเต็มปากเต็มเสียงแบบตน ถ้าพูดโดยไม่รับผิดชอบฟังสบายไป ซึ่งท้ายสุดต้องมองว่าที่พูดไปจะเอาอะไรและจะทำอย่างไร นั่นคือปัญหาประเทศ
“วันนี้รัฐบาลเหมือนผลไม้ที่ปอกเปลือกแล้ว ทุกคนเห็นหมดว่าเนื้อในเป็นอย่างไร ทำอะไรไปบ้าง ทุกคนต้องรู้รสชาติของมันแล้ว แล้วท่านจะไปมองผลไม้ที่ยังไม่ได้ปอกเปลือกเลยหรือ มันจะดีอย่างนั้นหรือไม่ก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นตรงนี้จุดไหนมันเน่ามันเสียก็แก้กันไป ผมและรัฐบาลไม่ต้องการผลประโยชน์อะไร ผมเข้ามาแบบนี้ผมรู้ตัวว่าผมทำอะไรไม่ได้ ไม่ได้มุ่งหวังอะไรทั้งสิ้น ผลประโยชน์ทางการเมืองไม่มี อำนาจมีมาเยอะแยะแล้ว เป็นผบ.ทบ.มา 4 ปี ขี้เกียจ เบื่อใช้อำนาจแล้ว”นายกฯกล่าว
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ทุกคนต้องไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และต้องรู้ว่าหลักการประชาธิปไตยที่ถูกต้องคืออะไร คือการรับฟังเสียงส่วนใหญ่ เมื่อเสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไรก็เป็นกติกาข้อตกลง ขณะที่เสียงส่วนน้อยก็ต้องรับฟังคนอื่นและให้เกียรติ และคนส่วนใหญ่ก็ต้องแก้ปัญหาให้คนส่วนน้อย ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่เอาอย่างนี้แล้วคนส่วนน้อยไปประท้วง ถ้าเป็นแบบนั้นโครงการอะไรก็เกิดขึ้นไม่ได้ การที่เราเดินหน้าการเมืองไปสู่ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดี ประเทศไทยต้องเป็นประชาธิปไตย แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยที่เรียบร้อย สงบ ไม่วุ่นวาย รักษาแกนหลักของประเทศ คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้ได้ อย่างไรก็ตาม อะไรที่ไม่ดีในอดีตอย่าให้เกิดขึ้นอีก สิ่งที่ดีในวันนี้จะเป็นโอกาสของวันข้างหน้า ไม่ใช่จะไปรื้อโน่นนี่ หรือคิดจะไปแก้รัฐธรรมนูญ 60 ทั้งที่ยังไม่ได้ใช้บริหารราชการแผ่นดินเป็นเรื่องเป็นราวเลย อีกหน่อยจะรู้ถ้าเข้ามาแล้วเจอกฎหมายที่มีอยู่วันนี้ ว่ามันไม่ง่ายนักหรอก.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |