เพื่อทำความเข้าใจสาธารณะ เรื่อง บทบาทของกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ และความเป็นคนในคนนอกที่คุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ตั้งประเด็นมา จึงขอนำเอาเนื้อหาโต้ตอบจากสื่อเฟซบุ๊ก ในระหว่าง 20-23 พย. 61 ของผู้เขียนกับคุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ มาให้พิจารณาดังนี้
พุธที่ 21 พฤศจิกายน 2561 นสพ.แนวหน้า เผยแพร่ข้อเขียนจาก FB ของประสาร มฤคพิทักษ์ มีข้อความ ดังนี้
“ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่ง รู้สึกคาใจว่า คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่รักษาคำพูดที่ออกมาเคลื่อนไหว ร่วมสร้างพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่กำลังเดินคารวะแผ่นดินอยู่ในเวลานี้ แม้ว่าคุณสุเทพ ยืนยันหลายครั้งแล้วก็ตามว่า “ จะไม่สมัคร สส. ทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อ จะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี จะไม่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ไม่รับแม้แต่เป็นกรรมการบริหารพรรค”
นี่เป็นเรื่องเข้าใจได้
ข้อเขียนนี้ไม่ใช่การแก้ต่าง แต่ขอเสนอมุมมองให้พิจารณา ดังนี้
1.บางคนย้อนอดีตไปรำลึกถึงคำพูด “ เสียสัตย์เพื่อชาติ ” ของอดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง เมื่อ 27 ปีที่แล้ว ที่ผิดคำพูดตนเองว่าจะไม่เป็นแล้ว กลับมาเป็นนายกฯ
ความจริงแล้ว เป็นเรื่องที่เอามาเปรียบกันไม่ได้ เพราะอดีตนายกฯ คนนั้นกลับคำมารับตำแหน่ง ในขณะที่คุณสุเทพ ปฏิเสธทุกตำแหน่ง ขอเพียงได้ทำหน้าที่สมาชิกพรรค ที่เอาการเอางานคนหนึ่งเท่านั้น
2.การเมืองเป็นเรื่องของประชาชน ระบบการเมืองจะดีหรือร้ายย่อมส่งผลกระทบต่อทุกคน คุณสุเทพ อาศัยสถานะของความเป็นสมาชิกพรรคการเมืองตามที่รัฐธรรมนูญเปิดทางให้ทุกคนร่วมสร้างพรรคการเมืองได้ ไม่เป็นเรื่องดีหรอกหรือหากคนๆหนึ่งมีพลังที่จะสร้างพรรคการเมืองของประชาชนที่แท้จริง ให้เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทย
3.บทบาทของคุณสุเทพ ในยุคการชุมนุม กปปส. 204 วัน เมื่อเกือบห้าปีที่แล้ว พิสูจน์ให้เห็นว่าที่ออกแรงสุดชีวิตร่วมกับประชาชนต้าน พรบ. นิรโทษกรรมสุดซอย และคัดค้านสารพันความฉ้อฉลจนเกิดผลเปลี่ยนแปลงในวันนี้ คุณสุเทพ ไม่มีผลประโยชน์ตอบแทนส่วนตนใดๆ ตรงกันข้าม บำเหน็จของกำนัน คือเป็นผู้ต้องหาในคดีกบฏ คดีก่อการร้าย คดีอั้งยี่ซ่องโจร มีโทษอาญาสูงจากจำคุกถึงประหารชีวิต ในทางแพ่งยังถูก กกต. ฟ้องแพ่งคุณสุเทพกับพวกเป็นมูลค่า 3,100 ล้านบาท คดีกำลังอยู่ในกระบวนการศาล และรอวันพิพากษา
4.ถ้าคนๆหนึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองถึง 40 ปี มีความสันทัดจัดเจนรู้เล่ห์ทันเหลี่ยมการเมือง
มีลำหักลำโค่น ที่จะใช้พลังสร้างสรรค์ พรรคการเมืองที่เคารพเจตจำนงของประชาชน มุ่งมั่นสร้างประชาธิปไตยภายในพรรค ทำให้พรรคกับประชาชนเป็นหนึ่งเดียวกัน น้อมรับเอาความทุกข์ยากของประชาชนมาเป็นความทุกข์ของพรรค บทบาทเช่นนี้ นอกจากทำให้เหล่านักฉ้อฉลทางการเมืองไม่สบอารมณ์แล้ว สังคมไทยจะได้รับผลพวงที่เลวร้ายอะไรตรงไหน
ใช่หรือไม่ว่า ความมุ่งมั่นที่จะก่อเกิดพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริงพรรคหนึ่ง โดยมีศักยภาพ และความเสียสละของคนๆนี้ ย่อมเป็นคุณูปการยาวไกลต่อสังคมไทย แล้วไยจึงมีคนเดือดร้อน กันนักหนากับสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ร่วมกับประชาชน เข้ามาขับเคลื่อนพรรครวมพลังประชาชาติไทยพรรคนี้ ”
คุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เขียน FB โต้ตอบว่า
“ถ้าจะว่ากันจริงๆ
1.พี่สุเทพ นั่นแหละเบอร์ใหญ่สุดในพรรค รปช. หริอพี่ประสารว่าไม่จริง ?
2.การเมืองที่น่ากลัวที่สุด คือ การเมืองที่ถูกครอบงำจากผู้มีบารมีที่อยู่นอกพรรค เวลาเราวิจารณ์พรรคอื่นเราบอกว่า มีคนต่างประเทศครอบงำอยู่เบื้องหลัง แต่กรณีพี่สุเทพ พี่ประสารคิดว่า หม่อมจัตุมงคล ใหญ่กว่าพี่สุเทพ จริงหรือ พี่เชื่ออย่างนั้นจริงหรือ พรรคของพี่ไม่ถูกครอบงำจากพี่สุเทพหรือ พี่เชื่อหรือ?
3.พี่ครับ คนอยู่นอกพรรคน่ะน่ากลัวที่สุด เพราะ “ ไม่ต้องรับผิดทางกฎหมายใดๆเลย ” แล้วยุคปฏิรูปเราปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีกหรือ
4.ผมเล่นการเมืองตรงไป-ตรงมาครับ พี่รู้จักผมดี หลอกใครเราหลอกได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้ครับ
-แลกเปลี่ยนความเห็นกันครับพี่”
ผู้เขียนได้เขียน FB ตอบไปว่า
“ผมจะไม่เถียงว่าใครใหญ่ใครเล็ก ใหญ่ไม่ได้แปลว่าดี เล็กก็ไม่ใช่ว่าเลว สำคัญมากกว่าคือองค์กรนั้นเดินไปในวิถีที่ถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ 2 ครั้งที่แม้วเป็นนายก มีใครใหญ่กว่าเขาบ้าง เขาเป็นใหญ่ตัวจริงเสียงจริง แต่บ้านเมืองป่นปี้แค่ไหนก็รับรู้กันอยู่
เรื่องคนในคนนอก ทบทวนประวัติศาสตร์ดีไหม 30 กว่าปีก่อน ปชป. ได้รับเลือกตั้งมี สส. มากสุด แต่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ คนนอกพรรคแน่ๆ กลับได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทำไมไม่เห็นกลัว พลเอกเปรมกันล่ะ ผมไม่ได้ตำหนิที่พลเอกเปรม ที่มาเป็นนายกตอนนั้น แต่ความเป็นคนนอกหรือใน ไม่ได้แปลว่าดีหรือร้าย
อนึ่ง คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นสมาชิกพรรค เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคจากจำนวน 607 คน เป็นคนในแท้ๆ ที่จะออกแรงมากน้อยก็เป็นไปตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญรองรับอยู่แล้ว
ส่วนเรื่อง“ไม่ถูกครอบงำจากพี่สุเทพหรือ พี่เชื่อหรือ” นั้น ผมมีแง่คิดว่าที่ยังเคารพตนเองได้จนถึงวันนี้ก็เพราะความเป็นตัวของตัวเองที่ไม่เผลอไผลไปกับความฉ้อฉล ผมแยกถูกแยกผิดเป็น อาจพลาดบ้างในบางเรื่อง แต่ด้านหลักแล้วยังยึดมั่นอยู่กับข้างความถูกต้อง ถ้าคุณสุเทพพาผมลงเหว คิดหรือว่าคนอย่างผม หม่อมเต่า ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ดร.สุริยะใส กตะศิลา พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์ จะกอดคอกันลงเหวไปด้วย แทนที่จะชี้นิ้วว่าใครครอบงำใคร จะดีกว่าไหมที่คิดว่า แนวคิดหลักของคนกลุ่มนี้ มุ่งไปในทิศทางเดียวกัน
-แลกเปลี่ยนด้วยครับ ถือเป็น “ไมตรีวิวาทะ”
คุณนิพิฏฐ์ ตอบกลับมาว่า
“เราแลกเปลี่ยนกันได้ครับ แต่พี่ไม่ได้ตอบคำถามผมว่า ในพรรค รปช. ใครคือ “เบอร์ใหญ่สุดหรือใครคือเจ้าของพรรคตัวจริง” แต่พี่พยายามเลี่ยงไปว่าใครใหญ่ใครเล็กไม่สำคัญหรอก แต่ไม่เป็นไร ผมถือว่าพี่จำนนด้วยหลักฐานแล้ว
ผมไม่ได้ต่อว่าอะไรพี่สุเทพ เพียงแต่บอกพี่ว่า ที่บอกว่าไม่เล่นการเมืองแล้ว ไม่รับตำแหน่งใดๆแล้ว มันไม่จริง เป็นการเลี่ยงบาลีเท่านั้นเองครับ ผมก็เข้าใจ ไม่ได้ว่าไร เพียงแต่เราจะหลอกชาวบ้านทำไม เราให้เกียรติเขาไม่ดีกว่าหรือ
ผมมั่นใจพี่สุเทพรักบ้านเมือง ผมไม่สงสัยประเด็นนี้เลย ผมไม่สงสัยเรื่องนี้ พี่พยายามเบี่ยงเบนประเด็น
พี่ยกตัวอย่างว่า 2 ครั้งแล้วแม้วไม่ได้เป็นนายกแต่ยังใหญ่อยู่ เชื่อเถอะ แม้พี่สุเทพไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็ใหญ่กว่ารัฐมนตรีเหมือนกัน แนวเดียวกันเลยครับ เพียงแต่คนหนึ่งไปซ้าย อีกคนหนึ่งไปขวา คือสุดโต่งทั้งคู่ พี่ชอบการเมืองแบบสุดโต่งอย่างนี้หรือครับ และพี่เชื่อว่าการสุดขั้วหรือสุดโต่งคือการแก้ปัญหาหรือครับ ผมว่าสร้างปัญหามากกว่า
พี่ยกตัวอย่างพลเอกเปรม ที่มาเป็นนายกฯ ผมว่า คนละเรื่องกันและพยายามทำให้คนสับสนด้วยคิดว่าพี่มีความรู้มากกว่าคนอ่าน พี่ครับ พลเอกเปรมไม่ได้มาจากการยึดอำนาจนะครับ แต่พลเอกประยุทธ์มาจากการยึดอำนาจ และสร้างกลไกสืบทอดอำนาจ แต่พลเอกเปรมไม่ใช่ ถ้าพี่เอาพลเอกเปรมมาเปรียบกับพลเอกประยุทธ์ ผมว่าแย่แล้วล่ะครับ พลเอกเปรมป้องกันการยึดอำนาจ แต่พลเอกประยุทธ์ มาจากการยึดอำนาจครับ
เช่นกัน ผมก็ไม่ได้โทษพลเอกประยุทธ์ 100 % ที่ยึดอำนาจนะครับ เพียงแต่ผมโทษที่ท่านสืบทอดอำนาจและเอาเปรียบพรรคอื่นเท่านั้นครับ ”
ผู้เขียนตอบกลับไปอีกครั้งว่า
“ผมไม่ตอบคำถามว่าใครเบอร์ใหญ่สุด ไม่ได้แปลว่าผมเลี่ยงหรือยอมจำนน ผมไม่ใช่จำเลย และคุณก็ไม่ได้เป็นศาลหรือทนายที่ผมต้องตอบคำถาม เพราะผมไม่เห็นว่าใหญ่หรือเล็กมีความสำคัญอะไร ใหญ่ก็โกงได้ โกงได้มากด้วยเพราะความใหญ่ ระบอบทักษิณทำมาแล้ว ผมขอเน้นว่า ทิศทางที่ก้าวไปของพรรคของรัฐบาล หรือของประเทศ มันเป็นเนื้อหาสาระที่สำคัญยิ่งกว่าเบอร์เล็กเบอร์ใหญ่ที่จำกัดเขตพื้นที่ทางสมองอยู่เพียงเท่านี้
เรื่องคนนอกคนใน ผมก็ตอบตรงว่า คุณสุเทพไม่ใช่คนนอก เพราะเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นสมาชิกตลอดชีพ ที่ยกตัวอย่างว่าพรรค ปชป. ต้อนรับพลเอกเปรม ยอมให้เป็นนายกในยุคนั้น ก็เพื่อจะชี้ให้ชัดว่า “ความเป็นคนนอก” เป็นสิ่งที่ ปชป. ทำมาแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว ตามที่คุณวาดภาพไว้ คุณก็มาแตกประเด็นเถียงไปอีกว่า อย่ามาเปรียบกับพลเอกประยุทธ์ ที่มาจากการยึดอำนาจ
ผมคงไปตามเถียงประเด็นแถของคุณไม่ไหวหรอก ว่าแต่ว่า “ผมมั่นใจพี่สุเทพรักบ้านรักเมือง” ที่คุณพูดน่ะ ขณะนี้คุณสุเทพซึ่งเป็น “คนใน” ของพรรค รปช. กำลังทำหน้าที่คารวะแผ่นดิน เป็นภารกิจรักบ้านรักเมืองเช่นนี้ ทำไมคุณนิพิฏฐ์ ถึงเป็นเดือดเป็นร้อนเหลือเกิน ”
หมายเหตุ:ชื่อบทความเดิม “ไมตรีวิวาทะ”เขียนโดย ประสาร มฤคพิทักษ์ ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |