ประธานราชวิทยาลัยสูติฯ ชี้ "คนไข้ถูกสเปก" หมอพูดได้ไม่ผิด เหมือนกับชมว่าสวย "อัจฉริยะ" ลุยต่อ เข้าร้องเรียนแพทยสภาเอาผิดหมอละเมิดคนไข้ ยันข้อมูลที่ได้ประกอบการจำลองเหตุการณ์ได้ข้อสรุปทำผิดจริง

    เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีสาวร้องเรียนถูกสูตินรีแพทย์คนหนึ่งข่มขืนขณะตรวจภายในคลินิกกลางเมืองนครสวรรค์ ว่า เรื่องนี้ยังคงรอทางแพทยสภาสอบถามความเห็นมา เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาของคณะอนุกรรมการจริยธรรม ที่ทราบว่าจะมีการประชุมในเดือนธันวาคมนี้ ส่วนกรณีที่มีการเปิดเผยการให้ข้อมูลของหมอสูติฯ คนดังกล่าวกับทนายชื่อดัง ที่ระบุว่าคนไข้ถูกสเปก เรื่องนี้หากเป็นในแง่ของคำพูด เหมือนกับชมว่าสวย แต่ไม่ได้มีการล่วงเกินคนไข้ ก็ถือว่าเป็นคำชื่นชมปกติ
    ศ.นพ.ภิเศกกล่าวว่า การตรวจคลำเต้านมถือเป็น 1 ในกระบวนการตรวจโรคทางนรีเวชใช้ในการตรวจกรณีพบความผิดปกติ เช่น มีหนอง หรือเจ็บร่วม แต่ในกรณีที่ไม่มีข้อบ่งชี้ก็ไม่ควรตรวจ เพราะไม่เหมาะสม ทั้งนี้ ไม่อยากให้เรื่องนี้กระทบทำให้ผู้หญิงเสียประโยชน์ในการตรวจหาโรค เพราะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นน้อยมาก ปัจจุบันมีแพทย์สูตินรีแพทย์ 3,000 คน ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ฉะนั้นถือว่าเกิดน้อยมาก
    อีกด้านหนึ่ง เพจเฟซบุ๊กชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม มีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เป็นประธาน ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 เวลา 10.00 น. ที่แพทยสภา ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จะยื่นหนังสือถึงนายกแพทยสภาตามที่ทางชมรมฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายเกี่ยวกับการเข้ารับการรักษาในคลินิกของนายแพทย์ จักรพงษ์ ที่จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งมีพฤติกรรมในการล่อลวงคนไข้ มีการกระทำการลามกอนาจาร รวมถึงมีการถูกกล่าวหาว่าข่มขืนกระทำชำเราคนไข้ในคลินิกที่ตนเองรักษา ซึ่งเป็นข่าวดังตามที่ปรากฏในสื่อมวลชนแล้วนั้น
    จากพฤติกรรมของนายแพทย์จักรพงษ์ที่ได้กล่าวมา ทางชมรมฯ ได้ส่งทีมงานลงพื้นที่หาข่าวในทางลับ และส่งทีมงานชมรมฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุจริง โดยมีการจำลองเหตุการณ์ รวมทั้งมีการตรวจสอบเอกสารทางราชการตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร จนเชื่อได้ว่านายแพทย์จักรพงษ์ผิดข้อบังคับแพทย์สภาด้านจริยธรรม ทางชมรมฯ จึงขอให้ทางแพทยสภาพิจารณาความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 และตามข้อบังคับว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2549 เนื่องจากนายแพทย์จักรพงษ์เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม แต่ไม่ดำรงตนในสังคมโดยธรรม ไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง มีพฤติกรรมในการหลอกลวงผู้ป่วยให้เข้าใจผิด เพื่อประโยชน์หรือความต้องการแห่งตนเอง และพฤติกรรมดังกล่าวทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพเวชกรรม ทางชมรมฯ จึงขอให้ทางแพทยสภาโปรดพิจารณาความผิดว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมดังกล่าวด้วย 
    แหล่งข่าวจากแพทยสภาระบุว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นยังไม่มีใครมาร้องเรียนกับแพทยสภา แต่ทางแพทยสภามีหน้าที่เก็บข้อมูล ซึ่งได้เก็บข้อมูลมาตลอดเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย แต่ยังขาดหลักฐานข้อเท็จจริง โดยทราบว่าทางชมรมฯ ได้ลงพื้นที่หาข้อเท็จจริงแล้ว และจะนำมามอบให้ในวันที่ 23 พ.ย. โดยแพทยสภาจะนำข้อมูลของชมรมฯ รวบรวมกับข้อมูลที่แพทยสภามีอยู่ เพื่อนำเสนอข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการแพทยสภาครั้งต่อไป เพื่อหามติว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป.