ขอความเป็นธรรม! อุทยานฯปล่อยไฟช็อตเด็กชายวัย12ปีดับคากองไม้พะยูง


เพิ่มเพื่อน    

สองสามีภรรยา ชาว อ.นาจะหลวย ร้องอุทยานฯภูจองนายอยปล่อยไฟฟ้าช็อตลูกชายวัย 12 ขวบเสียชีวิต บริเวณรั้วล้อมของกลางไม้พะยูง เผยไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งคดีและเงินเยียวยา วอนผู้เกี่ยวตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ความเป็นธรรมกับชีวิตลูกด้วย

22 พ.ย.61 - นางอุไร ทันเต อายุ 39 ปี และนายสิน ทันเต อายุ 44 ปี สองสามีภรรยา ชาวบ้านแก้งเรือง หมู่ 15 ตำบลนาจะหลวย อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี เดินทางเข้าขอความช่วยเหลือจากผู้สื่อข่าวให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงและขอความเป็นธรรมในกรณีลูกชายอายุ 12 ปี ที่ถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิตในบริเวณรั้วล้อมของกลางไม้พะยูง เขตอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อ.นาจะหลวย เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมาแต่ไม่มีความคืบหน้าทางคดี และยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากทางอุทยานฯ ซึ่งกลัวว่าเรื่องคดีความของลูกชายจะเงียบ จึงเข้ามาขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชน

นายอุไร เล่าว่า ในวันที่เกิดเหตุ ตนไปขายอาหารที่บริเวณน้ำตกห้วยหลวง เขตอุทยานแหง่ชาติภูจองนายอย ซึ่งทำเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว แต่ให้ลูกชายอยู่ที่บ้านและเล่นกับเพื่อนในชุมชน แต่พอเมื่อเวลา 16.00 น. ตนได้รับแจ้งว่ามีเด็กถูกไฟช็อตเสียชีวิตที่หน่วยพิทักษ์ ด่าน 1 อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ซึ่งเป็นด่านแรกก่อนจะเข้าไปยังเขตอุทยานฯ ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ติดกับสวนส้มโอของชาวบ้านแก้งเรือง ขณะนั้นยังไม่แน่ใจว่าเด็กที่เสียชีวิตเป็นน้องเฟรม ลูกชายวัย 12 ขวบของตนหรือไม่ จึงตรวจสอบที่โรงพยายามนาจะหลวย จึงมั่นใจว่าเป็นน้องเฟรม ซึ่งขณะนั้นหัวใจแทบสลายเมื่อทราบข่าว

แม่ของน้องเฟรม กล่าวอีกว่า หลังจากที่เกิดเรื่องตนได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.นาจะหลวย และเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อขอความช่วยเหลือเพราะเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะเหตุเกิดที่เขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ของทางอุทยานได้นำพวงหรีด และเงินช่วยเหลืองานศพจำนวน 30,000 บาท และได้นัดเจรจาเงินเยียวยากับทางอุทยานฯหลายรอบ

นางอุไร ระบุว่าทางอุทยานฯ จะขอช่วยเหลือเยียวยารวมทั้ง 90,000 บาทเท่านั้น ซึ่งตนและครอบครัวบอกว่าเงินจำนวนนี้ มันไม่สามารถที่จะมาทดแทนกับชีวิตของลูกชายได้เลย ซึ่งตนขอให้ทางอุทยานฯ ช่วยเหลือมากกว่านั้นได้ไหม แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบอีกเลย ซึ่งผ่านมากว่าหนึ่งเดือน ก็ยังไม่มีความชัดเจน จึงมาขอความเป็นธรรมและขอให้ทางอุทยานฯ ได้เห็นใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย เพราะการที่อุทยานฯ ปล่อยกระแสไฟฟ้าในรั้วนั้นก็ไม่เคยแจ้งให้ชาวบ้านรู้มาก่อน และอีกอย่างจุดที่เกิดเหตุก็ติดกับสวนของชาวบ้าน ส่วนใหญ่ใช้เส้นทางนั้นเดินทางไปเล่นน้ำที่แก่งคลองหลวงเป็นประจำ โดยเฉพาะเด็กๆในชุมชน

ด.ช.บอย (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี เพื่อนรุ่นน้องของน้องเฟรม ผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่น้องเฟรมถูกไฟฟ้าช็อต ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ในวันนั้นตนพร้อมเพื่อนๆรุ่นเดียวกันในชุมชนบ้างแก้งเรือง ได้เดินทางไปเล่นน้ำที่แก่งคลองหลวง ซึ่งปกติจะใช้เส้นทางนั้นและใกล้กับชุมชน ซึ่งน้องเฟรมเป็นคนแรกที่เดินทางนำหน้าเข้าไปและเพื่อนๆก็เดินตามหลัง ซึ่งพอไปถึงที่เกิดเหตุน้องเฟรม ได้ยื่นมือไปจับกับสายลวดที่ขึงไว้กับต้นไม้ ล้อมท่อนไม้พะยูงไว้ จากนั้นน้องเฟรมก็ร้องเสียงดัง ชักล้มลงโดยที่มือและหน้าอกของน้องเฟรมมีรอยไหม้และมีควันออกมา ตนและเพื่อนๆตกใจจึงวิ่งหนีออกมา และวนกลับไปดูอีกครั้งพบว่าน้องเฟรมนอนนิ่งราบไปกับพื้นไม่มีเสียง แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมน้องเฟรมต้องร้องและนอนนิ่งอย่างนั้น ตอนนั้นตนและเพื่อนๆรู้สึกตกใจทำอะไรไม่ถูกและรู้สึกกลัวด้วย

ขณะที่นายเจริญ อักโข อดีตกำนันตำบลนาจะหลวย อ.นาจะหลวย เปิดเผยว่าเดิมสวนส้มโอที่อยู่ติดกับที่เกิดเหตุนั้น เป็นสวนของลูกชายของตน และอยู่ติดกับแก่งคลองหลวง ซึ่งเป็นจุดที่ชาวบ้านเด็กๆ มาเล่นน้ำกันเป็นประจำ ซึ่งเข้าใจว่าเด็กๆจะชอบใช้เส้นทางนี้ แต่ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ไม่อนุญาต เพราะเป็นที่เก็บรักษาไม้พยุงของกลางจากคดีป่าไม้ ซึ่งตนยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ไม่เคยแจ้งว่าจะมีการปล่อยกระแสไฟฟ้าเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับไม้พะยุง เพราะปกติจะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าเวรยามอยู่แล้ว อีกอย่างจุดที่เก็บไม้พยุงก็อยู่ห่างจากป้อมยามของเจ้าหน้าที่เพียง 30 เมตร ซึ่งไม่น่าจะปล่อยกระแสไฟฟ้า และก็เป็นช่วงเวลากลางวันด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ได้พาเข้าไปสำรวจจุดเกิดเหตุ และพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่และเก็บภาพ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ขอให้สัมภาษณ์และไม่อนุญาตให้บันทึกภาพด้วย ซึ่งหากจะสัมภาษณ์และบันทึกภาพจะต้องส่งเอกสารไปขออนุญาตโดยตรงกับอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จึงทำได้เพียงเดินสำรวจห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 30 เมตร

บริเวณดังกล่าวมีไม้พะยูงของกลางจำนวนมาก ถูกกองไว้เป็นสัดส่วน และมีเลขกำกับทุกท่อน ซึ่งแต่ละกองมีลวดหนามที่ผูกติดไว้กับไม้พะยูงทุกกอง บางส่วนใช้สายลวดขนาดประมาณ 0.50 เซนติเมตร จำนวน 6 เส้น ยึดติดกับต้นไม้และล้อมกองไม้พะยูงเอาไว้ ซึ่งสายลวดถูกยึดให้ห่างกันประมาณ 10 นิ้ว เรียงเป็นชั้นจากพื้นดิน สูงไปประมาณ 170 เซนติเมตร ที่บริเวณต้นไม้มีป้ายสีแดงขนาด 10x10 นิ้ว ระบุข้อความว่า “อันตราย วัตถุระเบิด” และมีรูปหัวกะโหลกติดไว้ด้วย

จากการสอบถามชาวบ้านระบุตรงกันว่าป้ายนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน เพิ่งจะเคยเห็นหลังเกิดเหตุไฟฟ้าช็อตน้องเฟรมเสียชีวิต ซึ่งการตรวจสอบของทีมข่าวทราบว่าระยะห่างของสายลวดที่ปล่อยกระแสไฟ อยู่ห่วงจากรั้วสวนส้มโอของชาวบ้านเพียง 1-2 เมตรเท่านั้น


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"