ป้อมฟิตจี้กวาดล้าง อาชญากรข้ามชาติ


เพิ่มเพื่อน    

"บิ๊กป้อม" มอบนโยบายตำรวจ กำชับปราบปรามยาเสพติด ผู้มีอิทธิพล ต่างด้าวอยู่เกินกำหนด "จักรทิพย์" สั่งทุกภาคส่งการบ้านภายใน 1-2 เดือน ผลงานใครไม่เข้าเป้าถูกพิจารณา
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บ่ายวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานมอบนโยบายการปฏิบัติราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และผู้บริหารระดับ ตร. ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 และผู้บังคับการทุกจังหวัดรวม 167 นาย พร้อมกันนั้นมีเลขาธิการกองอำนวยการด้านความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครอง เข้าร่วมรับฟังนโยบายด้วย
    พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ ได้กล่าวรายงานกำหนดเป้าหมายการระดมกวาดล้างตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2561 โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มเป้าหมายด้านยาเสพติด เป็นการขยายผลจากการลักลอบจำหน่วยยาเสพติด มีกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 70 เป้าหมาย แบ่งเป็นของ บช.น. 28 เป้าหมาย ภ.1 จำนวน 19 เป้าหมาย, ภ.2 จำนวน 3 เป้าหมาย, ภ.3 จำนวน 3 เป้าหมาย, ภ.4 จำนวน 4 เป้าหมาย, ภ.5 จำนวน 3 เป้าหมาย, ภ.7 จำนวน 6 เป้าหมาย, ภ.8 จำนวน 2 เป้าหมาย และ ภ.9 จำนวน 3 เป้าหมาย รวม 70 เป้าหมาย
    กลุ่มที่ 2 เป้าหมายผู้มีอิทธิพล จำแนกเป็นผู้มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ 115 เป้าหมาย กลุ่มเป้าหมายเรียกรับผลประโยชน์และทวงหนี้ 13 เป้าหมาย กลุ่มเป้าหมายที่ค้ามนุษย์ หญิง เด็ก และแรงงาน 98 เป้าหมาย กลุ่มเป้าหมายเกี่ยวกับการพนัน 31 เป้าหมาย กลุ่มเป้าหมายเกี่ยวกับมือปืนรับจ้างและอาวุธสงคราม 275 เป้าหมาย กลุ่มเป้าหมายด้านยาเสพติด 282 เป้าหมาย รวมทั้งสิ้น 814 เป้าหมาย กลุ่มที่ 3 บุคคลต่างด้าวที่อยู่เกินกำหนด แยก 3 ประเภท คือ 1.กลุ่มคนที่อยู่ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป จำนวน 12 ราย 2.กลุ่มที่อยู่ตั้งแต่ 90 วัน-1 ปีขึ้นไป จำนวน 480 ราย 3.กลุ่มที่อยู่น้อยกว่า 90 วัน 4,296 ราย รวมทั้งหมด 8,778 ราย กลุ่มเป้าหมายอาชญากรรมข้ามชาติ มีจำนวน 27 สัญชาติ เกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติด ปลอมแปลงอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ คดีเกี่ยวกับทรัพย์ การพนันและมาเฟีย จำนวน 1,908 ราย ซึ่งจะมอบให้ บช.ทท.และ สตม.ดำเนินการ  
    กลุ่มที่ 4 กลุ่มเป้าหมายคดีสำคัญที่มีหมายจับ มีเงินรางวัลนำจับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีทั้งหมด 282 เป้าหมาย แยกเป็นความผิดต่อชีวิต ร่างกาย เพศ แรงงาน การค้ามนุษย์ กลุ่มมือปืนรับจ้าง ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ รัฐเป็นผู้เสียหาย และความผิดอื่นๆ จำนวน 282 หมาย ทั้งหมดที่กล่าวมาได้ส่งเป้าหมายไปยังผู้บังคับบัญชาระดับผู้บัญชาการทุกหน่วยที่เข้าร่วมประชุมนำไปปฏิบัติ  
    ในการมอบนโยบายครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็แล้วเสร็จ ก่อนที่ พล.อ.ประวิตรจะเดินทางกลับ
    ภายหลังประชุม พล.ต.อ.จักรทิพย์เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตรได้มอบนโยบายการปฏิบัติงานหลัก 3 ด้านด้วยกัน คือ 1.เรื่องยาเสพติด ซึ่งเป็นวาระของรัฐบาลที่ต้องการให้การปราบปรามยาเสพติดเป็นไปอย่างเข้มข้นและจริงจัง ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตรได้ชมเชยการปราบปรามยาเสพติด แต่ท่านได้กำชับให้ขยายผลไปยังผู้สนับสนุน การยึดทรัพย์ รวมถึงการสกัดกั้นของตำรวจปราบปรามยาเสพติดต้องเข้มข้นมากกว่านี้ 2.การปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง พล.อ.ประวิตรต้องการปราบผู้มีอิทธิพลอย่างจริงจัง ใครสนับสนุนโยงใยกับการเมืองที่ไหน อย่างไร 3.การกวดขันจับกุมชาวต่างชาติที่อยู่เกินกำหนดหรือโอเวอร์สเตย์ เพราะต่างชาติเมื่อเข้ามาที่ประเทศไทยแล้วพยายามที่จะอยู่ต่อ ไม่กลับประเทศ สิ่งเหล่านี้สะสมมาเป็นเวลานาน แต่ที่ผ่านมา สตม. สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ปราบปรามมาตลอด
    ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งเป้ากำหนดตัวเลขไว้ ถ้าผลการดำเนินงานไม่เข้าเป้าจะมีการคาดโทษหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ตอบว่า ตัวเลขเป้าหมายที่กำหนดมาเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อน โดยเฉพาะ สตม.มีชาวต่างชาติอยู่เกินกำหนดกว่า 8,000 คน ได้กำชับ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.สตม.ไปแล้ว ทำให้ตัวเลขลดลงให้เหลือให้มากที่สุดสัก 3,000-4,000 คน หลังจาก ผบช.หรือ ผบก.แต่ละภาคแต่ละจังหวัดได้รับโจทย์แล้วให้กลับมาส่งการบ้านภายใน 1-2 เดือน ถ้าภาคไหนไม่เข้าเป้าก็ต้องพิจารณา ไม่ได้เป็นการกดดัน แต่เป็นการเร่งรัดเพื่อดูแลความทุกข์สุขของประชาชนให้เกิดความอุ่นใจ การทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะเรื่องโอเวอร์สเตย์ ได้ประสานกับต่างชาติอยู่ตลอด แลกเปลี่ยนข้อมูล ล่าสุดตำรวจอิสราเอลและญี่ปุ่นก็ได้มีการพูดคุยกัน เนื่องจากการทำงานจับกุมคดีสำคัญๆ ส่วนตัวเลขชาวต่างชาติที่ยังมีสูงอยู่นั้น ที่ผ่านมาก็จับอยู่ตลอด แต่ไม่เป็นข่าว ยกเว้นที่เป็นขบวนการใหญ่ๆ อย่างยากูซ่า
    เมื่อถามว่าหากการทำงานของตำรวจไม่เป็นไปตามเป้า พล.อ.ประวิตรได้คาดโทษเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ตอบว่า “ถ้าจะคาดโทษต้องคาดโทษผมคนเดียว แต่เชื่อว่าอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นนโยบายของรัฐบาล เราขับเคลื่อนทุกเรื่องและได้ผลเป็นอย่างดี ท่านรองนายกฯ ยังได้ชมในที่ประชุม ส่วนขบวนการขนยาเสพติดที่มีอาวุธต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่สามารถป้องกันตัวได้อย่างเต็มที่".


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"