แนวโน้มการขึ้นเงินเดือน


เพิ่มเพื่อน    


    ใกล้จะสิ้นปีก็มีประมาณการทางด้านเศรษฐกิจออกมาให้เห็นกันหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของปี 2562 ที่กำลังจะมาถึงอีกไม่นานนี้ หรือแนวโน้มของธุรกิจดาวเด่น และธุรกิจที่ควรต้องเร่งปรับตัวก่อนจะหายไปจากตลาด รวมถึงกลยุทธ์หรือการลงทุนของแต่ละผู้ประกอบการ และแนวโน้มของค่าตอบแทนและสวัสดิการ ซึ่งมีผลการศึกษาที่น่าสนใจจากเมอร์เซอร์เกี่ยวกับการสำรวจค่าตอบแทนและสวัสดิการ ประจำปี 2561 พร้อมแนวโน้มค่าตอบแทนที่โดดเด่น และผลคาดการณ์ถึงแนวโน้มอัตราการเพิ่มการจ้างงานและเงินเดือนสำหรับปี 2562 ในเอเชียตะวันออกกลางและแอฟริกา
           โดยตัวเลขและการคาดการณ์มาจากผลการสำรวจค่าตอบแทนและสวัสดิการ ซึ่งเป็นการศึกษามาตรฐานค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ประจำปีของเมอร์เซอร์ โดยในปีนี้มีบริษัทในประเทศไทยเข้าร่วมการสำรวจกว่า 560 บริษัท จากหลากหลายอุตสาหกรรม และหากคำนวณจากอัตราเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นหักลบด้วยอัตราเงินเฟ้อในตลาดเกิดใหม่ จะพบว่าประเทศที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการขึ้นเงินเดือนสูงที่สุดในปี 2562 คือ ประเทศบังกลาเทศ หรือประมาณ 10% อินเดีย 9.2% และเวียดนาม 9.8%
        แต่ในทางตรงกันข้าม อัตราการขึ้นเงินเดือนในออสเตรเลียอยู่ที่ 2.6% และนิวซีแลนด์ 2.5% โดยมีประเทศญี่ปุ่นรั้งท้ายด้วยอัตราการเติบโตของเงินเดือนต่ำสุดที่ 2% สำหรับประมาณการอัตราการขึ้นเงินเดือนในประเทศไทยของทุกอุตสาหกรรมอยู่ในอัตรา 5% โดยอุตสาหกรรมยานยนต์มีแนวโน้มของการปรับเงินเดือนที่สูงที่สุดในประเทศไทยที่ 5.5% และอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงรักษาอัตราการขึ้นเงินเดือนที่ 5.5% ในปี 2562 อีกด้วย
           หากแบ่งประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาคออกเป็นหลายระดับ เช่น ในประเทศออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 30,000 เหรียญสหรัฐต่อปี และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเลื่อนขั้นสู่ระดับอาวุโส โดยเงินเดือนจะอยู่ที่ระดับ 250,000-350,000 เหรียญสหรัฐต่อปี ในขณะที่เงินเดือนเริ่มต้นในบริษัทที่เป็นโรงงานการผลิตต้นทุนต่ำนั้นน้อยกว่ามาก หรือส่วนใหญ่ได้รับเพียง 5,000 เหรียญสหรัฐต่อปี แต่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยในตำแหน่งงานกลุ่มผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเห็นได้ชัดเจนที่สุดในสาธารณรัฐประชาชนจีน
          ด้านผู้บริหารระดับสูงสุดได้รับค่าตอบแทนทิ้งห่างเพื่อนร่วมงานในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร โดยภาพรวมนี้จะเปลี่ยนไปเมื่อรวมปัจจัย อันได้แก่ ค่าตอบแทนจูงใจระยะยาว และสิทธิประกันสังคมในยุโรป 26% ขององค์กรได้รายงานถึงการมอบเงินตอบแทนพิเศษแก่พนักงานที่มีทักษะดิจิทัลบางประเภท แต่ในขณะเดียวกันยังบ่งชี้ให้เห็นเรื่องการขาดแคลนพนักงานที่มีความสามารถ ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มค่าตอบแทนอีกด้วย โดยประมาณ 48% ของบริษัทในเอเชียบอกว่ามีความยากลำบากในการหาพนักงานมาทดแทนตำแหน่งงานที่ว่างอยู่ เทียบกับ 38% ของบริษัททั่วโลกที่เผชิญกับความท้าทายในการหาพนักงานที่มีศักยภาพมาช่วยขับเคลื่อนการขยายตัวของธุรกิจ
        จากปัจจัยดังกล่าวบริษัทจึงมอบค่าตอบแทนพิเศษจำนวนมากแก่พนักงานขายเฉพาะทาง ตำแหน่งทางวิศวกรรม และผู้เชี่ยวชาญภาษาท้องถิ่น ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้แสดงให้เห็นถึงความท้าทายในด้านต้นทุนทดแทนที่มาในรูปของเงินเดือนพนักงานใหม่ที่สูงขึ้น ต้นทุนการจัดหางานและความสูญเสียด้านการผลิต ซึ่งส่งผลเสียต่อต้นทุนการบริหารงานโดยรวมและอัตรากำไร
           มีความเห็นจาก ภูนีต สวานี หุ้นส่วนและผู้อำนวยการธุรกิจแคเรียร์ (Career) ในระดับภูมิภาคระหว่างประเทศของเมอร์เซอร์ กล่าวว่า เอเชียยังคงต้องการแรงงานที่มีทักษะและความสามารถ โดยทักษะเชิงดิจิทัลยังเป็นทักษะที่ได้รับค่าตอบแทนสูงอย่างต่อเนื่อง บริษัทส่วนใหญ่พร้อมเสนอค่าตอบแทนตามความสามารถเพื่อจูงใจพนักงาน โดยหลายแห่งได้ปรับลดเงินโบนัสปลายปีลง และเพิ่มฐานเงินเดือนเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
           ในตอนนี้ประเทศไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัล 4.0 และรูปแบบธุรกิจที่มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลนำองค์กรไปสู่สถานการณ์ที่ชัดเจนว่าจะมีความก้าวหน้าหรืออวสาน การเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการว่างงานที่ต่ำที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจำนวนผู้สูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การค้นหาบุคลากรที่มีความสามารถจึงกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากเช่นเดียวกัน เป็นนัยสำคัญที่ชัดเจนสำหรับฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคลที่จะต้องปรับเปลี่ยนองค์กรให้มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น.
รุ่งนภา สารพิน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"